วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

คณะทำงานประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ตั้งคณะทำงานเพิ่ม 5 ชุด ตามติดทุกประเด็นปัญหา ปชช. - เตรียมสัญจรลงลึกรายพื้นที่

 


คณะทำงานประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ตั้งคณะทำงานเพิ่ม 5 ชุด ตามติดทุกประเด็นปัญหา ปชช. - เตรียมสัญจรลงลึกรายพื้นที่


วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 12.10 น.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล  พร้อมผู้แทนจากคณะทำงานประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล  ร่วมแถลงผลการประชุมคณะทำงานฯ โดยกล่าวว่า ประเด็นหลักในการประชุมในวันนี้เป็นการติดตามงานของคณะทำงาน 7 คณะ ได้แก่คณะทำงานค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และพลังงาน,คณะทำงานภัยแล้ง และเอลนินโญ,คณะทำงานแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้,คณะทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ,คณะทำงานแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ PM 2.5, คณะทำงานเศรษฐกิจ ปากท้อง และเอสเอ็มอี และคณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยในวันนี้มี 3 วาระได้แก่


วาระที่ 1 คณะทำงานค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และพลังงาน ได้รายงานผลการประชุมคณะทำงาน วานนี้ เกี่ยวกับผลดีและผลเสียของการเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลและน้ำมัน ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566


วาระที่ 2  การกำหนดกรอบการทำงาน  เพื่อให้อีก 6 คณะที่เหลือ ที่ได้ประชุมบ้างแล้วในบางคณะ ให้สามารถทำงานต่อเนื่องและมีเอกภาพ โดยมีความมุ่งหวังที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชนได้อย่างแท้จริง


วาระที่ 3 ที่ประชุมมีมติตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมอีก 5 คณะ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อประเด็นผลกระทบต่อประชาชน และสังคมให้ความสนใจ กรณีประเด็นบุคลากรทางแพทย์ที่ไม่เพียงพอ ที่เกิดขึ้น เป็นต้น โดยคณะทำงานที่เพิ่มขึ้น เช่น คณะทำงานเศรษฐกิจและรัฐบาลดิจิทัล, คณะทำงานต่อต้านคอรัปชั่นต่อต้านส่วย เป็นต้น ซึ่งคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาทั้งหมด เป็นการทำงานล่วงหน้าของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เช่น การต่อยอดในกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่ตั้งคำถามจนนำมาซึ่งการเปิดโปง ส่วยทางด่วน เป็นต้น


นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนคณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เพราะทุกวินาทีคือมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียไป และทุกวินาทีคือความเดือดร้อนของประชาชน  


ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้เสนอแนะ 5 ข้อซึ่งเป็นกรอบทำงานใหญ่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ต่อประเทศ และต่อประชาชน ได้แก่


1. ความมั่นคงทางการคลัง ทุกนโยบายที่ใช้งบประมาณต้องคิดคำนวนทุกบาททุกสตางค์ ต้องมีผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อเม็ดเงินภาษีของประชาชน เราตั้งใจที่จะลดเม็ดขาดดุลการคลังลงเรื่อยๆ หากสามารถสร้างสมดุลทางการคลังในอีก 7 ปีข้างหน้า จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีต่อประเทศไทย

2. ระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ หมายถึงมีฐานภาษีที่สูงขึ้น มีคนเข้าถึงระบบภาษีที่มากขึ้นจะทำให้รายได้รัฐมากขึ้น การคิดระบบภาษีจึงต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน  ทั้งแง่บวกแง่ลบ ต้องไม่กระภาคเอกชนและการระดมทุน

3. การออกแบบนโยบาย ต้องคิดคำนวนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องควบคู่กับความเท่าเทียมของการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ

4. คณะอนุทำงานแต่ละคณะ ต้องวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน และระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง

5. เปิดประเทศหารายได้จากการต่างประเทศที่สร้างรายได้ ประเทศไทยต้องเปิดขึ้น เพื่อเชื่อมกับโลก ดึงดูดการค้าการลงทุน คือรายได้มหาศาลที่จะเกิดขึ้น


พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ  กล่าวว่า การหารือคณะทำงานเป็นปัญหาของชาติ  จึงต้องทำโรดแมปในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และปัญหาที่เป็นรากเหง้า คือ ปัญหาที่ดินทำกิน ต้องกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ 8 พรรคเห็นตรงกันว่า เป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด รวมถึงค่าพลังงานและค่าไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 8 พรรคจะพิจารณาเรื่องนี้ อย่างรอบคอบ ให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้จ่ายค่าไฟในระดับที่เป็นธรรม  ซึ่งคณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม เห็นว่า  คงไม่สามารถให้ความสำคัญกับรัฐสวัสดิการเท่านั้น แต่เศรษฐกิจและสังคมต้องเติบโตควบคู่อย่างเท่าเทียม


นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง กล่าวว่า ต้องการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร เช่น อ้อย ต่อยอดจากที่พรรคก้าวไกลส่งเสริมสุราเสรี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากนั้นจะติดตามงานต่างๆ ต่อไปทั้งเกษตรและเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีการประชุมเรื่อย ๆ


ผู้แทนพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า สนับสนุนนโยบายปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ เพราะเห็นว่าการประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในปี 2507 ขณะนั้นมีประชากรไทยเพียง 30 ล้านคน แต่ขณะนี้มีประชากร 67 ล้านคน เมื่อประชากรเพิ่มขึ้น การประกาศที่ดินควรเปลี่ยนไป พร้อมยืนยันจะปฏิรูปที่ดินให้ประชาชนมีที่ดินทำกินของตัวเอง


นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ยืนยันว่า ทุกคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ตั้งใจทำงานเพื่อให้ทันกับความต้องการของพี่น้องประชาชน ตามประเด็นความเดือดร้อน  ดังนั้นคณะทำงานอาจจะมากขึ้น เพราะมีหลายประเด็น จึงต้องการเอาเรื่องที่มีผลกระทบจริงๆ โดยมีพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง


ผู้แทนพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวว่า เรามีโอกาสเข้ามาร่วมรัฐบาล นโยบายต่าง ๆ ที่ประชุม เราเห็นด้วย โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน


ทั้งนี้ นายพิธา กล่าวว่า  ในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยจะนำเอาข้อสรุปคณะทำงานในวันนี้ นำเสนอต่อคณะกรรมการฯ


ส่วนคณะทำงานประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล จะประชุมอีกครั้งในวันที่ 20 มิถุนายน 2566 และอาจมีการประชุมคณะทำงานสัญจรลงพื้นที่ไปในจุดต่างๆ ที่เป็นปัญหา เช่น ลงพื้นที่ไปดูการผลิตสุราเสรี ที่ จ.อุบลราชธานี หรือการดูปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ภาคเหนือ เป็นต้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุม8พรรคร่วมรัฐบาล #เพื่อไทย #รัฐบาลก้าวไกล