วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ธิดา ถาวรเศรษฐ : การทวงความยุติธรรมของ “คนเสื้อแดง” กับการตอบสนองจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : การทวงความยุติธรรมของ “คนเสื้อแดง” กับการตอบสนองจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย


หลังการแยกทางของอดีตแกนนำนปช. และการล่มสลายของการนำรวมหมู่ ภายใต้ชื่อองค์กร นปช. ในปี พ.ศ. 2561 ก่อนการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562


เราพบว่า ผู้คนเสื้อแดงที่ยังรักและมีความหวังกับองค์กร นปช. ก็ยังอยากให้ดำรงอยู่และปรับเปลี่ยนการนำ ผู้นำใหม่ (อ้างอิง : "ยูดีดีนิวส์" เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อ นปช. ลิ้งค์ : https://udd-news.blogspot.com/search?updated-max=2021-03-22T16:04:00%2B07:00&max-results=7&start=797&by-date=false) แต่เป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้ในเรื่ององค์กรนำที่จะมีการปรับเปลี่ยน เท่ากับไม่มีภาวะนำองค์กรอีกต่อไป เพราะองค์กรต่อสู้ทางการเมืองแบบ นปช. จำเป็นต้องมีการนำรวมหมู่และมีโครงสร้างการนำ มีการจัดตั้งขององค์กร มีหลักนโยบายและกระบวนการขับเคลื่อนองค์กร จึงจะทำให้การดำรงอยู่ขององค์กรและการขับเคลื่อนทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้อย่างมีพลัง ไม่ใช่การนำโดยบุคคลที่อาจปรับเปลี่ยนความคิด แนวทาง หนทางการต่อสู้ทางการเมืองได้ และไม่อาจเรียกร้องศรัทธาและพลังจากประชาชนได้เมื่อไม่มีภาวะนำจากการนำรวมหมู่ ไม่มีการขับเคลื่อนการนำโดยองค์กร นปช. อีก ก็เท่ากับว่า บทบาทของ นปช. ยุติโดยปริยาย แต่ UDD news สื่อที่ทำงานอยู่ในเพจของเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, เว็บไซต์ที่เป็น BLOG ในชื่อ “ยูดีดีนิวส์” ยังทำงานต่อไปและขยายใน TicTok ด้วย เพื่อสืบทอดภารกิจและเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่ยังต้องกระทำต่อและขับเคลื่อนต่อไป อย่างน้อยที่สุดคือการทวงความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม จึงต้องจัดตั้งองค์กรทวงความยุติธรรมให้ประชาชนเนื่องจากกรณีปี 2553 ขึ้น เพื่อดำเนินการทวงความยุติธรรมให้ทั้งคนตาย-คนเป็น ทั้งกระบวนการยุติธรรมในประเทศและต่างประเทศ


ดิฉัน ในฐานะอดีตประธาน นปช. จาก 1 ธันวาคม 2554 ถึง 15 มีนาคม 2557 ซึ่งได้ร่วมดำเนินการกับทนายความทั้งในประเทศ, ต่างประเทศ และรัฐบาลในขณะนั้น ยังไม่เสร็จสิ้นก็ถูกรัฐประหารเสียก่อน จากนั้นคดีความก็ถูกแช่แข็งและบิดเบือน มีแต่ฝ่ายประชาชนถูกฟ้องร้อง ลงโทษ จับกุมคุมขัง แต่ผู้ปราบปรามประชาชนกลับพ้นผิดลอยนวล ทั้งนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยความสำนึกในเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่ร่วมการต่อสู้และประสบชะตากรรม เราจึงต้องร่วมกันตั้ง “คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553” ขึ้น เพื่อให้ 1) ใช้เป็นองค์กรขับเคลื่อนในการทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง 2) ร่วมทวงความยุติธรรมให้กับเยาวชน/ประชาชนที่ถูกจับกุมคุมขังลงโทษอย่างไม่เป็นธรรมหลังการทำรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมาจนบัดนี้ และ 3) ประการสำคัญที่สุดคือ การทวงอำนาจประชาชนคืนมา ให้ได้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง มิฉะนั้น การทวงความยุติธรรมจะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผล ตราบเท่าที่อำนาจ การเมือง การปกครอง ไม่อยู่ในมือประชาชน


เราจึงเริ่มต้นปฏิบัติการรวบรวมข้อมูลผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากการถูกปราบปราม เป็นข้อมูลเบื้องต้น ดังปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เพื่อดำเนินการเร่งรัดทวงความยุติธรรมในประเทศ และร่วมกับคณะญาติวีรชน ทนายความ และคนเสื้อแดง ไปเสนอต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ตามข่าวที่ปรากฏในหนังสือฉบับนี้ และตั้งข้อเรียกร้อง 8 ข้อต่อพรรคการเมือง เรื่องทวงความยุติธรรมและอำนาจประชาชน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าได้รับการตอบสนองที่น่าพอใจ เริ่มจากพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนหน้านี้พูดเฉพาะเรื่องลงนามสนธิสัญญากรุงโรม สำหรับศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งจะไม่มีผลต่อการทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง 2553 ก็ได้ปรับนโยบายให้ยินดีลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีการปราบปรามประชาชน 2553 และรื้อฟื้นให้ความเป็นธรรมคดีกรณีปี 2553 ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ตอบสนองกรณีตั้งคณะกรรมการพิจารณาการเร่งรัดตรวจสอบคดีความที่ยังค้างคาและไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ปฏิเสธในการรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีปี 2553 สำหรับกรณีทวงอำนาจประชาชน 5 ข้อ ก็ได้รับการตอบสนองค่อนข้างดีจากพรรคฝ่ายค้านที่ถือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หลังการเลือกตั้ง เมื่อมีการตั้งรัฐบาล และมีรัฐสภาใหม่ เราก็จะขับเคลื่อนต่อไป

กล่าวโดยสรุปคือ ขณะนี้เป็นเวลาก่อนมีการลงคะแนนเลือกตั้ง 2566 ในวันที่ 14 พฤษภาคม ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียง พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคตัวเต็งสำคัญอย่าง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ได้คะแนนนิยมสูง ตอบรับข้อเรียกร้อง 8 ข้อของเราค่อนข้างดี ในการทวงความยุติธรรมและการทวงอำนาจประชาชน และตระหนักว่านี่คือข้อเรียกร้องคนเสื้อแดงตัวจริง เสียงจริง ส่วนใหญ่ ในข้อที่จะตั้งคณะเร่งรัดฟื้นคดีความที่ถูกแช่งแข็งและบิดเบือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ก้าวไกล” บรรจุในนโยบายและงานที่จะทำใน 1 ปีแรกชัดเจน ส่วนพรรค “เพื่อไทย” จากการตอบสนองก็น่าจะมีการตั้งคณะทำงานเร่งรัดคดีความ และในคำปราศรัยของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” บางแค ในวันพุธที่ 3 พฤษภาคม ก็แจ้งว่าจะออกกฎหมายให้ประชาชนฟ้องร้องนักการเมืองได้โดยตรงไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ซึ่งแม้อาจไม่ตรงกับข้อเสนอของเรา ที่ต้องการให้นักการเมืองและทหารที่ทำผิดอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลแบบพลเรือนหรือประชาชนทั่วไป แต่เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองพยายามจะตอบสนองข้อเรียกร้องทวงความยุติธรรมของคนเสื้อแดงตามแนวคิดของพรรคนั้น ๆ


ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ำแบบในอดีตที่เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วมีทัศนะแตกต่างกับประชาชนผู้ถูกกระทำ ไม่ตระหนักมากพอกับกับข้อเรียกร้องของประชาชนและองค์กรประชาชน มีผลให้ทั้งประชาชนและบางพรรคการเมืองประสบชะตากรรมยาวนานจนถึงปัจจุบัน


ประชาชนจะตรวจสอบต่อไป!


เราหวังว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวนี้ เพราะประชาชนกว่า 70% ล้วนเลือกข้างฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ในนามของคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จะรอดูต่อไป และขอให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไปใช้สิทธิให้มากที่สุด เลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ให้คะแนนตกหล่น ได้เป็นรัฐบาลของประชาชนจริง ๆ 


#UDDnews  #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #คนเสื้อแดง #ทวงความยุติธรรม