สมชัย
ศรีสุทธิยากร : ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนพรรคเสรีรวมไทย
เสนอนโนบายและแนวทางปฏิบัติ ต่อ 8 ข้อเรียกร้องของคปช.53
คนรุ่นผมคือคนรุ่นไหน?
คือคนรุ่นซึ่งผ่านเหตุการณ์ทั้ง 14ตุลา 14ตุลาผมเป็นเด็กนักเรียน ม.ศ.3
ผมเดินขบวนจากสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ออกมาที่ราชดำเนิน นี่คือ 14ตุลา 6ตุลา ผมอยู่ปี
1 นิติศาสตร์จุฬาฯ ผมอยู่ในสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ ผมคือหนึ่งในสามพันคนที่ถูกจับ
เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราผ่านร้อนผ่านหนาว
เราผ่านการต่อสู้เคียงข้างกับประชาชนมาโดยตลอด วันนี้ถ้าภาคประชาชนเชิญมา
ไม่มาไม่ได้ครับ
มวลชนอันไพศาลจะเป็นคนชี้ขาดชะตากรรมของประเทศไทย
และเดือนพฤษภาคมนี้คือโอกาสของเรา ที่เราจะชี้ขาดชะตากรรมของประเทศไทยในการร่วมเลือกพรรคการเมืองอยู่ในซีกฝั่งประชาธิปไตยเข้าไป
สำหรับข้อเรียกร้อง
8 ข้อ ผมขอพูดเฉพาะแค่ 4 ข้อ เพราะว่าถ้า 8 ข้ออาจจะไกลเกินไป
เพื่อจะบอกว่าอะไรคือความคิดของเรา เรื่องที่ 1 ขอพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ครับ
ต้องฉีกมันทิ้งครับ
เพราะเราไม่ต้องการให้รัฐธรรมนูญที่มีหน้าตาแบบนี้ยังคงเหลืออยู่ในประเทศไทย
เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาบนพื้นฐานของการเอารัดเอาเปรียบ
ทำให้ตัวเองสืบทอดอำนาจได้ กลไกต่าง ๆ ทั้งหมดของรัฐธรรมนูญนั้นเกินกว่าจะเยียวยาแก้ไข
ปะผุไม่ได้ครับ ต้องฉีกทิ้งทั้งหมดครับ ทำอย่างไรครับ สสร. เป็นคำตอบ สสร.
คือการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรง จะมีกี่คนไม่เป็นไร ค่อยไปออกแบบกัน
จะเป็น 77+22 เป็น 99 คน อะไรก็แล้วแต่ ก็ว่าไป จังหวัดละคน
แล้วที่เหลืออาจจะเป็นพวกที่มีความรู้ทางกฎหมายมาช่วยเสริมให้มันเต็ม
อันนั้นก็ค่อยไปว่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นภารกิจ
อยากจะฝากเพื่อไทย อยากจะฝากก้าวไกล ฝากประชาชาติ ว่าวันที่เราจัดตั้งรัฐบาล
วันที่ประชุมครม. ครั้งที่ 1 จับมือกันมั้ยครับว่าเรื่องที่จะเสนอเข้ามติครม.
เรื่องที่ 1 คือขอให้มีการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญครับ (ขอจับมือเป็นสัญญา)
เราจะจับมือขอมติครม. เรื่องที่ 1 ครับ
เพราะว่ากระบวนการในการเปลี่ยนแปลงยาวนานครับ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย ๆ
ประชามติก็อาจจะต้องรอระยะเวลาจากวันที่มีมติแล้ว 60 วัน เพราะว่ากกต.ก็ต้องเตรียมการ
ต้องมีกระบวนการให้ความรู้ประชาชน หลังจากนั้นประชามติเสร็จก็ยังต้องไปเลือกสสร.กันอีก
แต่ถ้าเป็นไปได้รัฐธรรมนูญควรแก้ไขให้เสร็จและทำประชามติอีกครั้งหนึ่งภายใน 1 ปี
นับตั้งแต่การที่เรามีการทำประชามติ เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้
และขอบอกครับ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้เราจะไม่มีเยื่อใยให้กับคนเผด็จการ คือกลไกต่าง
ๆ
ที่สร้างขึ้นมาเพื่อค้ำจุนเผด็จการจะต้องถูกเอาออกไปจากรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิงและไม่มีบทเฉพาะกาลด้วย
เรื่องที่
2 ที่ขอพูดกันก็คือเรื่องการปฏิรูปทั้งหลายทั้งปวง ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปองค์กรอิสระ
นี่คือสิ่งซึ่งเราจำเป็นต้องทำ กองทัพปัจจุบันผมอยากจะบอกว่าท่านมากไปแล้ว งบประมาณของกองทัพต้องปฏิรูป
เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ของบประมาณแผ่นดินไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ
ต้องมีการตรวจสอบ ถามว่าทำเมื่อไหร่? ทำทันที! เพราะเมื่อเราเข้าไปเป็นรัฐบาล
หน้าที่แรกคือการนำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น
เราสามารถตรวจสอบทุกรายการของกองทัพได้ว่า ท่านใช้เงินทำอะไรในอดีต ปัจจุบัน
และในอนาคต นี่คือต้องทำ ตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพ
ทั้งเงินในและเงินนอกงบประมาณ เงินในก็คือเงินที่อยู่ในรายการงบประมาณ
แต่เงินนอกคือเงินรายได้ต่าง ๆ ของท่านที่มีมากมาย สถานีวิทยุมีเท่าไหร่
สถานีโทรทัศน์มีเท่าไหร่ สนามกอล์ฟ สนามกีฬามีเท่าไหร่ รายได้ต่าง ๆ
เหล่านี้มันเข้าใคร เอามาให้ประชาชนครับ นี่คือการปฏิรูปกองทัพ การลดจำนวนนายพล
การเลิกการเกณฑ์ทหาร พวกนี้ผมถือว่าเป็นการปฏิรูปกองทัพที่สำคัญที่จำเป็นต้องทำ
องค์กรอิสระ
ต้องไปออกแบบที่ไปที่มาขององค์กรอิสระใหม่ ให้ภาคประชาชนมีโอกาสเข้าไปเป็นองค์กรอิสระต่าง
ๆ ไม่ใช่กำหนดคุณสมบัติมหาเทพเพื่อจองไว้สำหรับพวกข้าราชการเกษียณอายุที่จะไปดำรงตำแหน่งหลังเกษียณ
คอยรับใช้ฝ่ายการเมือง เราไม่เอาครับ นี่คือการปฏิรูปในส่วนขององค์กรอิสระ
ซึ่งจำเป็นต้องมีการดำเนินการ
เรื่องที่
3 เรื่องของการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งผมคิดว่าอยู่ใน 8 ข้อเสนอ ผู้ปกครองอย่าดูถูกประชาชน
ผู้ปกครองอย่าคิดว่าคนต่างจังหวัดคนในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่มีความคิด ยังต้องปกครอง
ยังต้องเป็นคุณพ่อรู้ดี ยังต้องเป็นคนสั่งจากส่วนกลางไป มันล้าสมัยแล้ว
มันควรจะเลิกได้แล้วครับ วันนี้ประชาชนเขามีความพร้อม ประชาชนเขารู้จักในการเลือก
ในการตัดสินใจ ในการคิดว่าทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นของเขา
เงินภาษีที่เขาเก็บได้ในท้องถิ่น เขาควรจะใช้ทำอะไร ไม่ใช่เก็บได้เท่าไหร่ส่งให้ส่วนกลาง
แล้วให้ส่วนกลางนั้นหยิบยื่นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กน้อยมาให้กับท้องถิ่น
เลิกคิดแบบนี้กันซะที เงินของท้องถิ่นต้องคืนสู่ท้องถิ่น
ผู้ปกครองของท้องถิ่นต้องมาจากท้องถิ่นเอง
ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากการเลือกตั้งครับ แต่เรื่องนี้ก็ต้องบอกพ่อแม่พี่น้องว่าอาจจะยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเร็ววัน
อาจจะต้องมีช่วงของการเปลี่ยนผ่าน อาจจะมีช่วงของการทดลอง ของการค่อย ๆ ริเริ่ม
ที่เราเคยได้ยินมั้ยครับว่า อย่างกรุงเทพฯ อย่างพัทยา ทำไมเป็นอิสระได้
เป็นรูปแบบการปกครองพิเศษได้ เพราะฉะนั้นเราค่อย ๆ ขยาย เชียงใหม่ได้มั้ย สงขลาได้มั้ย
ภูเก็ตได้มั้ย แม่สอดได้มั้ย หรือเบตงได้มั้ย
นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าในเรื่องของการพยายามด้านนั้นต้องมีความชัดเจน
และอย่าหวงอำนาจ อย่าคิดว่าประเทศไทยเป็นของ “ป๊อก รมว.มหาดไทย”
“ป๊อก”
นี่ซึม ๆ นะ แต่ลึกมากนะครับ ต้องบอกให้
“ป้อม”
นี่ประเภท งง ๆ แต่ก็โอเค ก็ถือว่าเข้าใจการเมืองดีขึ้น
ส่วน
“ตู่” ไม่ต้องพูดถึง ส่งกลับบ้านอย่างเดียว
14
พฤษภา เราจะให้บทเรียนพวกเขาว่าประชาชนคิดยังไง และเขาควรต้องกลับบ้าน
ประเด็นสุดท้ายที่พูดถึงเรื่องวุฒิสภา
(ส.ว.) ถ้าจะมี ถ้าต้องมี ต้องเลือกตั้งเท่านั้น จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง เมื่อจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง
คุณซื้อเสียงไม่ได้ คุณจะต้องได้คนดีในระดับของจังหวัด ก็เป็นไปตามสัดส่วน
กรุงเทพฯ อาจจะมีมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ คนที่มีความรู้ความสามารถก็สามารถอาสาตัวให้กับประชาชน
ต้องเลือกตั้งเท่านั้นครับ ส.ว.ลากตั้ง ไม่เอา!!!
ส.ว.ที่อยู่ในสภาขณะนี้ช่างมัน อีกปีเดียวก็ไปแล้ว แต่ต้องเตือนก่อนว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวอะไรกับการเลือกนายกรัฐมนตรี
ประชาชนเตือนไว้ก่อน ขอให้เสียงของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร
เขาเลือกพรรคไหนเป็นเสียงข้างมากให้เขาจัดตั้ง อย่ามายุ่ง!!!
ดังนั้น
สรุปสุดท้าย ไม่ต้องเดินขบวน ไม่ต้องใช้มือตบ ไม่ต้องใช้ตีนตบ
ใช้ปากกาเท่านั้นเพื่อฆ่าเผด็จการ
ในการพูดรอบที่สอง
นายสมชัย กล่าวว่า ก็คงค้างประเด็นที่อาจจะเป็นหัวใจสำคัญของพวกเราไว้ที่ยังไม่ได้พูด
ก็คือเราจะไม่ให้เกิดการรัฐประหารในประเทศไทยได้อีกอย่างไร
นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องคิด เพราะประชาชนเราไม่มีอาวุธ
อีกฝ่ายหนึ่งเขามีอาวุธ เขามีรถถัง แต่เขาไม่มีสิทธิ์ในการใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อที่จะยึดอำนาจมาเป็นของตัวเอง
ดังนั้น ในเชิงวิธีการในการแก้ไขผมอยากจะขยายในส่วนที่เป็นนโยบายของเสรีรวมไทยให้ฟังว่าเรามีมุมมองในการจัดการเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
อย่างที่
1 ต้องถามพี่น้องว่าเอามั้ย ย้ายกองทัพออกจากกรุงเทพมหานคร ใช้เงินเท่าไหร่ก็ใช้
ไม่ว่า จะไปสร้างตึกใหม่ที่ไหน อย่างไร ก็ไป กองทัพอากาศไปอยู่นครสวรรค์โน่น
กองทัพเรือไปอยู่สัตหีบ กองทัพบกไปอยู่แถว ๆ ลพบุรี ไม่ต้องมีหรอกครับ
งานวันเด็กเราไม่ต้องการรถถังให้เด็กดู ไม่ต้องพาเข้ามาด้วย ดังนั้น กองกำลังต่าง
ๆ ของท่านไปอยู่ต่างจังหวัดเสีย แล้วก็ใช้พื้นที่ของกองทัพทั้งหลายเป็นสวนสาธารณะ
เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
สร้างที่พักอาศัยราคาถูกให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้อยู่
ทำเป็นห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ให้กับประชาชน นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นเหตุเป็นผลที่ทำได้และต้องทำต่อเนื่อง
อาจจะไม่ทำปีเดียวเสร็จ แต่ค่อย ๆ ทำ สักวันเขาจะไม่อยู่ในกรุงเทพฯ
อย่างที่
2 ในแง่ของการที่จะจัดการกับรัฐประหาร ก็คือ
เราจะต้องแก้ไขกฎหมายให้การรัฐประหารนั้นเป็นความผิด โทษประหาร และไม่มีนิรโทษกรรม
แก้ตรงไหน เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมันก็ฉีก ถูกมั้ย?
เราเขียนไว้ในประมวลกฎหมายอาญาให้ชัดเจนไปเลย คนอื่นพูด 112 ผมไม่พูดหรอกครับ
ผมพูด 113 ครับ มาตรา 113 ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดในการล้มล้างรัฐธรรมนูญ
เขียนไปเลยครับโทษประหาร ไม่มีอายุความและไม่มีการนิรโทษกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
ถ้าจะยึดอำนาจ ยึดได้ยึดไป หลังจากนั้นกฎหมายนี้ยังอยู่ หมดอำนาจเมื่อไหร่ได้เห็นกัน
นี่คือสิ่งที่เราจะทำเรื่องราวต่าง
ๆ เหล่านี้เพื่อที่จะทำให้ทหารนั้นออกไปจากการเมืองไทย
อีกเรื่องหนึ่ง
อาจจะเรื่องเล็ก ๆ คือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแข้งขัดขารัฐบาลประชาธิปไตยทั้งหลาย
เพราะเมื่อไรก็ตามที่เพื่อไทยขึ้นเป็นรัฐบาล ก้าวไกลขึ้นเป็นรัฐบาล เสรีรวมไทย,
ประชาชาติขึ้นเป็นรัฐบาลก็ตาม เขาก็จะอ้างยุทธศาสตร์ชาติ
ทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ในระยะยาวก็คือการแก้รัฐธรรมนูญ
เอาคำว่ายุทธศาสตร์ชาติออกไปเสีย ในระยะสั้นที่ยังแก้รัฐธรรมนูญไม่เสร็จ ก็เอาองค์ประกอบของคนที่เป็นกรรมการในยุทธศาสตร์ชาติ
ซึ่งมีแต่คนสูงอายุ มีแต่คนที่มีตำแหน่งความมั่นคงทั้งหลายออกไปให้หมด
ให้โครงสร้างพวกนี้เป็นโครงสร้างที่มีภาคประชาชนอยู่ในนั้น
และกำกับดูแลยุทธศาสตร์ชาติที่เป็นยุทธศาสตร์ของประชาชน นี่คือผมคิดว่าเป็นประเด็นของการเปลี่ยนแปลงที่อาจจำเป็นต้องทำในช่วงที่หากเรามีโอกาสได้เป็นรัฐบาล
ทั้งนี้ทั้งนั้น
ทั้งหมดไม่มีทางเป็นจริงถ้าพวกเราไม่ช่วยกันเลือก ไม่ช่วยกันบอกพ่อแม่พี่น้องประชาชน
ญาติมิตร พี่น้องคนรู้จักบ้านใกล้เรือนเคียงทั้งหลาย ว่าต้องช่วยกันในการเปลี่ยนแปลง
เพราะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ มันคือโอกาสของประชาชน
มันคือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงประเทศ และประชาชนจะไม่ทิ้งโอกาสนี้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สังคมที่เราต้องการปรารถนา
ไม่มีอะไรพูดมากกว่านี้ครับ แต่สัญญาว่าหากเสรีรวมไทยเข้าไปเป็นส่วนร่วมรัฐบาล
เราจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชนครับ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #เสรีรวมไทย #13ปีเมษาพฤษภา53 #คนเสื้อแดง