‘โรม’ กังขา ‘ส.ว.อุปกิต’ เอาหลักฐานที่ไหนไปร้องทุกข์กล่าวโทษ
‘พ.ต.ท.มานะพงษ์’ เรียกร้องศาลชี้แจง มีคนในส่งข้อมูลการยื่นขอหมายจับให้หรือไม่
วันที่
27 มีนาคม 2566 ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล
แถลงถึงความคืบหน้ากรณี ส.ว. อุปกิต ปาจรียางกูร หรือ “ส.ว.ทรงเอ”
ผู้มีความเกี่ยวพันกับ ทุน มิน ลัต ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จากเมียนมา
ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ อดีตสารวัตร กองกำกับการสืบสวน 2
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง
โดยกล่าวหาว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์
ได้ใช้เอกสารหลักฐานที่มีการแปลเป็นเท็จในการยื่นขอหมายจับอุปกิต
ต่อกรณีดังกล่าว
รังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่า ส.ว.อุปกิต ทราบได้อย่างไร ว่าเอกสารที่
พ.ต.ท.มานะพงษ์ไปยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับตัวเองมีรายละเอียดอะไรบ้าง
เพราะโดยปกติแล้วคนที่ทราบ มีแค่ตำรวจกับศาลเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย
นอกจากว่ามีคนอยู่เบื้องหลังที่คอยให้ความช่วยเหลือ ส.ว.อุปกิต อยู่ตลอดเวลา
และทำให้ตำรวจน้ำดีที่พยายามทำคดีนี้ กลายเป็นคนที่ถูกดำเนินคดีเสียเอง
เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย
ถ้าวันนั้นไม่เกิดการถอนหมายจับ
คำถามคือถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ
หากวันข้างหน้ามีพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล
ตำรวจน้ำดีที่ไหนจะกล้าทำคดีแบบนี้อีก ทั้งนี้ แม้ตนจะเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์
จะสามารถสู้คดีได้ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ และเจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำหน้าที่
แต่ก็ไม่ควรที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นนี้
รังสิมันต์ยังแถลงต่อไป
ว่าในกรณีนี้ ทางศาลก็ควรออกมาชี้แจงด้วย ว่าในศาลมีใครเอาข้อมูลที่มีการยื่นขอหมายจับ
ไปบอก ส.ว.อุปกิต ด้วยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ส.ว.อุปกิต
จะนำหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พ.ต.ท.มานะพงษ์ได้อย่างไร
นอกจากนี้
หลักฐานที่อ้างว่ามีการแปลไม่ถูกต้องนั้น เท่าที่ตนตรวจสอบได้
พบว่าหลักฐานจำนวนมากเป็นภาพจากการแชท ที่ภาษาอังกฤษไม่ได้ยาก
และยังมีหลักฐานที่เป็นแชทภาษาไทยด้วย ซึ่งส่วนที่มีการแปลผิดนั้น
ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ข้อเท็จจริงว่า
ส.ว.อุปกิตเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงินถูกลบล้างไปได้แต่อย่างใด
และตนยังยืนยันได้ว่าจากหลักฐานที่มีอยู่นั้น สามารถนำไปดำเนินคดีและออกหมายจับ
ส.ว.อุปกิต ได้
รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป
ว่าทั้งนี้ ตนยังคงรอความชัดเจนจากอัยการอยู่ ว่าจะมีการยื่นฟ้องต่อ ส.ว.อุปกิต
หรือไม่ หลังจากที่ตนได้ไปติดตามที่สำนักงานอัยการมาก่อนหน้านี้
และได้รับคำตอบว่าสิ้นเดือนนี้จะมีความชัดเจนในคดีของ ส.ว.อุปกิต ซึ่งตนอยากให้ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชน
ร่วมกันติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้คดีนี้เงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา
ที่เรามีวัฒนธรรมการลืมเลือนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง
ยิ่งเมื่อเป็นคดีที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ตั้งใจทำงานแล้ว
ยิ่งไม่ควรปล่อยให้เงียบหายไปเด็ดขาด
“คดีนี้ ทุนมินลัต และอีกหลายๆ คน ถูกออกหมายจับ ดำเนินคดี
และคัดค้านการประกันตัวไปแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายหมด
แล้วทำไมเหลือเพียง ส.ว.ทรงเอ คนเดียวที่ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากบุคคลอื่น
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
จึงอยากให้อัยการคิดถึงเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะยังคงตั้งคำถามต่อไป”
รังสิมันต์กล่าว
นอกจากนี้
รังสิมันต์ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ
โดยระบุว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเอง
เราให้ความสำคัญกับการที่นายกรัฐมนตรีต้องมีที่มาจาก ส.ส. มาโดยตลอด
เพราะเป็นหลักการที่มาจากการต่อสู้ของประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2535 ที่สละชีวิตของคนจำนวนมากเพื่อยืนยันหลักการเรื่องนี้
จนได้ถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญ 2540 ว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น
ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่มาจากเผด็จการ
กลับทำลายการต่อสู้ของประชาชนและทำลายหลักการนี้ลง
เหลือเพียงให้แต่ละพรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 3 คน
โดยไม่ต้องเป็น ส.ส.
ดังนั้น
เพื่อดึงให้สังคมกลับมายืนอยู่บนความถูกต้องตามครรลองอีกครั้ง
จำเป็นที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนควรต้องเป็น ส.ส. ด้วย สำหรับพรรคก้าวไกลเอง
ยืนยันว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
จะเป็นลำดับที่หนึ่งในบัญชีรายชื่อของพรรค
เพื่อสร้างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต
สื่อมวลชนยังถามต่อ
ถึงกรณี ติรานนท์ เวียงธรรม หรือ “ทนายเคน” อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่
ที่ประสบเหตุรถชนเสียชีวิตว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
ซึ่งรังสิมันต์ได้กล่าวว่าที่ผ่านมา ในวันที่มีพิธีฌาปนกิจทนายเคนนั้น
พิธาและแกนนำพรรคก้าวไกลที่ได้เข้าร่วมพิธี
ยังได้บุกไปติดตามกรณีดังกล่าวถึงที่สถานีตำรวจท้องที่
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมา
อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนเคยประสานไปยังผู้กำกับของสถานีตำรวจท้องที่
ขอให้เร่งรัดติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทนายเคนและครอบครัว
อันเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน
ทั้งนี้
จากข้อมูลล่าสุดที่ตนได้รับ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ออกไป
ว่ากรณีดังกล่าวอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม
ทางพรรคก้าวไกลจะยังคงติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไป