วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“พิธา” เชื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของบุรีรัมย์ นำทัพ “ก้าวไกล” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลั่น คนบุรีรัมย์ต้องกินข้าวไม่ใช่กินถนน ประกาศเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน

 


“พิธา” เชื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของบุรีรัมย์ นำทัพ “ก้าวไกล” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลั่น คนบุรีรัมย์ต้องกินข้าวไม่ใช่กินถนน ประกาศเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน


เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง 10 คน ที่ลานข้างถนนคนเดินริมทางรถไฟ ในบรรยากาศที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนและผู้สนับสนุนที่เดินทางมารับฟังการปราศรัยในวันนี้


วิโรจน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนมีความคับแค้นหลายเรื่อง ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคแพงขึ้น ถูกอย่างเดียวคือค่าแรงและยาบ้า นอกจากการปฏิรูประบบราชการ ทหาร ตำรวจแล้ว เรายังต้องมีนโยบายสวัสดิการประชาชนเพื่อดูแลคนไทยทุกคนด้วย


วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า หลังจากพรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสวัสดิการประชาชนออกมา ก็มีคนบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคนไทยจะขี้เกียจแน่ ๆ ตนขอถามกลับว่าประเทศแบบไหนที่ปล่อยให้คนแก่อายุ 70-80 ยังต้องขยัน ทำงานมาทั้งชีวิตแล้วพอแก่ตัวลงยังต้องตรากตรำทำงานอยู่อีก จะให้พวกเขาตายคางานเลยหรืออย่างไร ด้านประยุทธ์เองก็ถามว่าจะเอาเงินที่ไหนทำสวัสดิการ แต่ทีเวลาจะซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง ยานเกราะ เครื่องบินรบ ครั้งละหลักพันล้านหมื่นล้าน ประยุทธ์ไม่เห็นจะเคยถามว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ ปัญหาคือประเทศนี้ที่ผ่านมาคนถือทัพพีตักข้าวคนแรกไม่ใช่ประชาชน แต่ตักข้าวไปมากที่สุด เหลือแค่ก้นหม้อให้ประชาชน


“เพราะฉะนั้น ผมยืนยันว่ารัฐสวัสดิการเป็นเรื่องที่ทำได้ แค่ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ ไม่ให้เอาไปใช้กับเรื่องไร้ประโยชน์ เราต้องเปลี่ยนคนที่จะได้ถือทัพพีตักข้าวคนแรกเป็นประชาชน” วิโรจน์กล่าว


ด้านพิธา ระบุว่าวันนี้ตนกลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน มาทุกครั้งด้วยความเชื่อว่าคนบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบ้านใหญ่ ต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการระบบแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แน่นอนว่าระบบที่เป็นมาทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าบุรีรัมย์มีความเจริญ มั่งคั่ง มีคนมาเที่ยวหลายเทศกาล แต่ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียว เด็กที่ด้อยโอกาส และประชาชนที่มีหนี้สินต่อรายได้มากกว่า 2 เท่า ล้วนอยู่ที่บุรีรัมย์เป็นจำนวนมากที่สุด


ความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่มหาศาลเช่นนี้ คือเหตุที่ทำให้ตนเชื่อว่าบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ คนบุรีรัมย์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหากมีพรรคการเมืองที่สามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ชาวบุรีรัมย์ได้ ตนเชื่อว่าชาวบุรีรัมย์เองก็ต้องการเปลี่ยนงบประมาณกองทัพให้เป็นสวัสดิการประชาชน นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวบุรีรัมย์นอนหลับได้ ไม่ใช่แค่การสร้างถนนไปเรื่อย ๆ ชาวบุรีรัมย์ไม่ต้องการการเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ต้องการการกระจายอำนาจเหมือนกับทุกคนในทุกจังหวัดของประเทศนี้


พิธากล่าวต่อไป ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในระบบการเมืองไทยปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ที่บุรีรัมย์ คือการที่มีนักการเมืองมาบอกประชาชนว่าให้เลือก ส.ส.พรรคตน แล้วจะได้ถนนดีๆ มาลงเหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ตนขอถามกลับว่าถนนเยอะแล้วจะมีประโยชน์อะไร ตราบที่ประชาชนยังไม่มีข้าวกินให้อิ่มท้องได้ทุกวัน


“คนบุรีรัมย์ต้องกินข้าว ไม่ใช่ถนน เราจะเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ดูแลคนไทยทุกคนอย่างเสมอกัน เราจะกระจายอำนาจให้ทุกจังหวัดรวมทั้งบุรีรัมย์ ให้เป็นคนเลือกผู้ว่าของตัวเองภายใน 5 ปี เมื่อนั้นคนบุรีรัมย์ไม่ต้องรอให้นักการเมืองมาบอกว่าให้เลือก ส.ส. เข้าไปเยอะๆ จะได้ทำอะไรให้บุรีรัมย์ จะเอาถนนมาลงกี่เส้น คนบุรีรัมย์จะต้องได้เป็นผู้เลือกเองว่าจะพัฒนาอะไร” พิธากล่าว


สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ของจังหวัดบุรีรัมย์ทั้ง 10 เขตนั้น ประกอบด้วย :


(1) ธนายุทธ ยืนยั่ง (อ.เมือง)

(2) วิทธิลักษณ์ จันทร์ธนสมบัติ (อ.ชำนิ)

(3) ทรงพล ทะรารัมย์ (อ.กระสัง)

(4) นันทภพ ทองนุ่น (อ.สตึก)

(5) ธนากร สัมมาสาโก (อ.นาโพธิ์ อ.พุทไธสง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์)

(6) ภูวดล ศรีหามาตย์ (อ.ลำปลายมาศ)

(7) สุพิศ คิดรอบ (อ.หนองกี่ อ.โนนสุวรรณ อ.ปะคำ)

(8) วินัย จีนโน (อ.นางรอง อ.เฉลิมพระเกียรติ)

(9) เสนาะ แก้วมุกดา (อ.ละหานทราย อ.โนนดินแดง อ.บ้านกรวด อ.เฉลิมพระเกียรติ)

(10) ต่อพงษ์ จีนใจน้ำ (อ.ประโคนชัย)


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #บุรีรัมย์