เครือข่ายแรงงานฯ
ขมวดปมปัญหา สู่ "นโยบายเลือกตั้ง2566" 4 ด้าน ส่งเสียงถึง
"พรรคการเมือง"
วานนี้
(16 ก.พ. 66) เวลา 09.00 น.
ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา กรุงเทพฯ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
จัดเวทีเสวนา “จากเครือข่ายแรงงานฯ ถึงพรรคการเมือง : เวทีนำเสนอนโยบายเลือกตั้ง 2566”
เพื่อนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายด้านแรงงานจากมุมมองภาคประชาชนไปยังพรรคการเมืองต่าง
ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี 2566 ให้พรรคการเมืองได้รับทราบข้อเท็จจริง ความต้องการ และข้อเสนอจากกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
รวมถึงแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นสำหรับนำไปปรับใช้เป็นนโยบายเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่อไป
โดยมี
ตัวแทนเครือข่ายแรงงานฯ อาทิ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย,
น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม, นายเซีย จำปาทอง,
นางศรีไพร นนทรีย์, รวมถึงพี่น้องแรงงานร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการสร้างสังคมที่อยู่ดีกินดี
มีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า ดำเนินรายการโดย วศินี พบูประภาพ
สำหรับ
ข้อเสนอนโยบายด้านแรงงาน ที่เสนอถึงพรรคการเมือง แบ่งเป็น 4 หมวด
ได้แก่ หมวดแรงงาน หมวดสังคม หมวดรัฐธรรมนูญ
และหมวดการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ตามรายละเอียด ดังนี้
1.
หมวดแรงงาน
1.1
รัฐต้องรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87
ว่าด้วยเสรีภาพในการรวมตัว, ฉบับที่ 98
ว่าด้วยเสรีภาพในการเจรจาต่อรอง, ฉบับที่ 183
ว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นมารดา และฉบับที่ 190 ว่าด้วยการขจัดความรุนแรง และการคุกคามในโลกแห่งการทำงาน
รวมถึงต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงานไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันให้สอดคล้องกับหลักการอนุสัญญาทั้ง
4 ฉบับ
1.2
ประกาศขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 723-789 บาท/วัน
เท่ากันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นการยกระดับค่าจ้างขั้นต่ำให้กลายเป็น
“อัตราค่าจ้างเพื่อการดำรงชีวิต” ตามมาตรฐานการดำรงชีวิตที่มีคุณค่า
(อ้างอิงจากงานวิจัยของคณะทำงานพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าจ้างแรงงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
กรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปี 2565)
1.3
ปราบปรามการค้ามนุษย์ในการจ้างแรงงานข้ามชาติ
ลดขั้นตอนการ-ค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ
และคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ เนื่องจากในรอบปี 2563-2565 รัฐบาลไทยมีมติคณะรัฐมนตรีในการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติกว่า
15 มติ
แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติได้
ซ้ำยังสร้างภาระค่าใช้จ่ายราคาสูงให้กับแรงงานข้ามชาติในการมาทำงานด้วย
1.4
คณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคมต้องมาจากการเลือกตั้งของผู้ประกันตน
มิใช่จากการแต่งตั้งดังเช่นปัจจุบัน
และสำนักงานประกันสังคมต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายในปี 2566 นอกจากนี้ต้องเพิ่มเงินสมทบฝ่ายรัฐบาลให้เท่ากับฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง
และปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคมให้แก่ผู้ประกันตน
1.5
บังคับใช้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกสถานประกอบการ
โดยให้นายจ้างและลูกจ้าง ส่งสมทบเข้ากองทุนฝ่ายละเท่ากัน
เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจแก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างตาย ออกจากงาน
หรือลาออกจากกองทุน
1.6
จัดให้มีกองทุนประกันความเสี่ยงจากการเลิกจ้าง
โดยจัดเก็บเงินจากฝ่ายนายจ้างฝ่ายเดียว หรือจัดเก็บเงินจากฝ่ายนายจ้างโดยมีเงินอุดหนุนจากรัฐสมทบเข้ากองทุน
เพื่อป้องกันกรณีนายจ้างปิดกิจการหนีโดยไม่จ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง
1.7
นักศึกษาฝึกงานต้องได้เงินค่าจ้าง และได้รับการคุ้มครองตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ตามมาตรฐานเดียวกันกับลูกจ้างทั่วไป
1.8
ยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
ที่ตีตราและจำกัดสิทธิผู้ค้าบริการทางเพศ (sex worker) ยกเลิกการรีดส่วย
รวมถึงคืนสิทธิแรงงานให้ sex worker
1.9
แรงงานแพลตฟอร์ม เช่นไรเดอร์
ต้องอยู่ภายใต้ความคุ้มครองสิทธิในฐานะลูกจ้างหรือแรงงานในระบบ ตาม
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทแพลตฟอร์มเป็นนายจ้าง
2.
หมวดสังคม
2.1
รัฐต้องเปลี่ยนมาก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า
เพื่อนำภาษีมาจัดรัฐสวัสดิการ
2.2 จัดรัฐสวัสดิการ “เรียนฟรี” ถึงระดับปริญญาตรีแก่นักเรียนนักศึกษาทุกคน
และ กยศ. สำหรับคนที่ยังมีหนี้คงค้าง
เพื่อลดภาระทางการเงินและเป็นการเน้นย้ำหลักการว่า ไม่มีใครควรเป็นหนี้เพื่อเข้าถึงการศึกษา
2.3 จัดรัฐสวัสดิการ “เงินอุดหนุนเด็กเล็ก” และ “เงินบำนาญผู้สูงอายุ”
โดยจ่ายแบบถ้วนหน้าทุกคน ไม่ต้องพิสูจนฺความยากจน 3,000 บาท/เดือน
2.4 เพิ่มสิทธิลาคลอดโดยมีเงินอุดหนุนเป็น 180 วันถ้วนหน้า
โดยไม่จำเป็นต้องผูกสิทธิลาคลอดเอาไว้กับกฎหมายแรงงาน เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่ทุกอาชีพมีโอกาสลาคลอด
และพ่อแม่สามารถแบ่งวันลากันได้ รวมถึงต้องจัดให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กในชุมชน
3.
หมวดรัฐธรรมนูญ
3.1 เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ปี 2560 เป็นฉบับ
“ผลพวงการทำรัฐประหาร” ที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม
จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
จากประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว
ที่สำคัญต้องเปิดโอกาสให้ สสร. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทั้งฉบับ ทุกมาตรา
3.2
เปิดโอกาสให้คนงานและประชาชนสามารถเลือกตั้งผู้แทนทุกระดับในเขตพื้นที่ที่อาศัยหรือทำงานในปัจจุบันได้
โดยไม่ต้องกลับไปเลือกตั้งตามเขตภูมิลำเนาเดิม
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างที่ย้ายถิ่นมาทำงานได้มีโอกาสเลือกตั้งมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเลือกตั้ง
ไม่ต้องต้องลางานหรือขาดรายได้
นอกจากนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนงานได้สะท้อนปัญหาในสถานที่ทำงานและพื้นที่ใกล้เคียงให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับทราบและนำไปกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเมื่อได้รับเลือกตั้ง
3.3 ยกเลิกระบบสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
ที่มาจากระบบแต่งตั้งและไม่ยึดโยงกับประชาชน
4.
หมวดการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและหลักการสิทธิมนุษยชน
4.1
ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นด้านกลาโหม รวมถึงลดงบประมาณสำหรับสถาบันฯ
4.2
ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112, 116 และ พ.ร.บ.คอมฯ
รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้ง กำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง
4.3
ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ให้มีความรวดเร็ว เที่ยงธรรม
ลดขั้นตอนและลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มาติดต่อ
โดยเฉพาะศาลแรงงานซึ่งคนที่มาติดต่อส่วนมากเป็นผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้น้อย
4.4 ปฏิรูปตำรวจและกองทัพให้มีความโปร่งใส และกลับมารับใช้ประชาชน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เครือข่ายแรงงาน #นโยบายเลือกตั้ง #เลือกตั้ง2566