“ศิริกัญญา”
เปิดหลักฐาน กสทช. รับประโยชน์ทับซ้อนจากกลุ่ม CP ทำมติควบรวมทรู-ดีแทค
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยื่น ป.ป.ช.ไต่สวน 3 กรรมการฯ
วันนี้
(11 พ.ย. 2565) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
เข้ายื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบฐานที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากเป็นการตัดอำนาจตัวเองให้เหลือเพียง “รับทราบ” ไม่ใช่ “อนุมัติ”
การควบรวม
โดย
ศิริกัญญา ย้ำว่า ในการลงมตินั้นจะยื่นให้ไต่สวนกรรมการฯ 3 คน
ได้แก่ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งลงมติ “รับทราบ”
การควบรวม และ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ซึ่งงดออกเสียง ขณะที่มติของกรรมการฯ เสียงข้างน้อยทั้ง 2 คน
ตนไม่เห็นความผิดปกติที่ต้องเอาผิด
ทั้งนี้
ศิริกัญญา ยังขอให้ตรวจสอบประเด็นของผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากการแต่งตั้ง
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาอิสระของทรู-ดีแทค
ซึ่งมาตามประกาศของ กสทช. ไม่ได้มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง
เพราะมีผู้ถือหุ้นร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus ซึ่งมีประธานผู้บริหารเป็นผู้บริหารของกลุ่มบริษัททรูด้วย
ศิริกัญญา
ยังเผยหลักฐานของผลประโยชน์ของ ต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช.
ที่ได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มบริษัท CP ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาของคณะกรรมการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม
3 สนามบิน และผลประโยชน์อื่นๆ
ในฐานะนายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย เท่ากับว่า ต่อพงศ์
ไม่ควรจะอยู่ในห้องประชุมด้วยซ้ำ ดังนั้น
การลงมติที่มีส่วนได้ส่วนเสียจึงถือเป็นการทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับ
พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ที่ตั้งที่ปรึกษาผู้เป็นกรรมการอิสระในกลุ่ม CP
ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นเดียวกัน
เมื่อมีการไต่สวนแล้วพบว่ามีความผิดจริง
การลงมติรับทราบการควบรวมของ กสทช. จะถือเป็นโมฆะ แต่เนื่องจากกระบวนการของ
ป.ป.ช.จะใช้เวลานาน จึงได้ร่วมมือกับสภาองค์กรของผู้บริโภคให้ร้องต่อศาลปกครอง
เพื่อขอให้มีการคุ้มครองฉุกเฉินระงับการควบรวมไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความเสียหายโดยไม่สามารถรับผิดชอบได้
ศิริกัญญา
ยังเผยว่า สำหรับกรณีที่ประชุม กสทช. มีมติอนุมัติใช้เงินจาก กทปส.
ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ก็มองได้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
โดยจะหาช่องทางเพื่อยื่นร้องต่อศาลปกครอง และทำข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันว่าผู้ร้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับมติดังกล่าวจริง
เพื่อให้ศาลไม่ตีตกคำร้อง รวมทั้งจะยื่นให้ ป.ป.ช.ไต่สวนในกรณีนี้ต่อไปเช่นกันด้วย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #กสทช #ควบรวมทรูดีแทค
#ก้าวไกล