บันทึกเยี่ยม"บุ้ง-ใบปอ" 4 ก.ค. 65 ศูนยทนายฯเผย "บุ้ง" ถูกส่งตัวกลับเรือนจำแล้ว ขณะยังมีอาการ"คุกหมุน" ด้าน "ใบปอ" ยังเหนื่อย เพลีย และปวดท้อง ทั้งสองอดอาหารร่วม 33 วันแล้ว
วันนี้ (5 ก.ค. 65) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่านเพจเฟสบุ๊ค ระบุถึงบันทึกเยี่ยม น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุวัง ที่ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งถอนประกัน ทำให้ถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2565 นั้น
ทั้งนี้ศูนย์ทนายฯ ได้เปิดเผยถึงบันทึกเยี่ยม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2565 โดยทนายความได้เข้าเยี่ยม "บุ้ง" ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง หลังจากได้ทราบข่าวว่าบุ้งถูกส่งกลับมาเรือนจำตั้งแต่วันศุกร์แล้ว บุ้งเล่าเหตุการณ์ย้อนกลับไปเมื่อวันนั้นว่า เวลาประมาณ 15.00 น. ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นคนลงมาสั่งให้นำตัวบุ้งออกจากโรงพยาบาล
บุ้งเล่าว่า ในห้องมีผู้ป่วยที่ถูกตัดขา ผู้ป่วยอัมพาต ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งคีโมให้เลือด แต่ ผอ. เดินตรงมาหาบุ้งคนเดียว เขาบอกว่าบุ้งดูเป็นปกติแล้ว ทั้งที่ความดันของบุ้งอยู่ที่ 86/64 ซึ่งยังต่ำอยู่มาก ตอนนั้นบุ้งยังเพลีย เวียนหัวมาก เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่บ้านของบุ้ง บุ้งจึงขอเรียกอาการของบุ้งว่า #คุกหมุน ขนาดว่าหมอให้ยาแก้อาเจียนแล้ว ก็ยังเวียนหัว แต่ในเมื่อเขาบอกให้บุ้งกลับ บุ้งก็กลับ ทุกอย่างดูเร่งรีบมาก
ที่แปลกคือเขาส่งบุ้งกลับไปลงแดนหา “ใบปอ” เลย โดยที่ไม่ได้มีการให้กักตัวต่อแต่อย่างใด อีกอย่างแพทย์ที่รักษาเคยบอกบุ้งว่า คงไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ นี้หรอก อย่างน้อยๆ ต้องรักษาตัวต่ออีก 7-14 วัน เพราะถ้าค่าโพแทสเซียมยังต่ำมากอยู่เสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจวายได้ ยังต้องอยู่ให้ยาต่อเนื่องต่อไปก่อน
ตลอดเวลาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล บุ้งมักจะได้ยินคำพูดประชดประชันจากพยาบาลอยู่ตลอด วิจารณ์การที่บุ้งแสดงจุดยืนโดยการอดอาหาร พยาบาลมือหนักมาก วันก่อนที่บุ้งจะถูกส่งตัวกลับ บุ้งหายใจไม่ออกเลย เป็นความรู้สึกที่แย่มาก คิดว่าตัวเองกำลังจะตายแล้วจริงๆ หายใจเข้าลึกๆ ก็เจ็บร้าวไปทั้งซี่โครง จนต้องหายใจถี่ๆ แทน บุ้งปวดท้องมากปวดจนสลบไปเอง ตื่นมาก็ยังไม่หาย ถึงอย่างนั้น บุ้งก็ยังตัดสินใจที่จะอดอาหารต่อ ยาที่มีตอนนี้คือยาเคลือบกระเพาะ กับยาแก้เวียนหัว
ขณะที่สนทนากับทนายความ บุ้งพูดอยู่แล้วก็หลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว ด้วยความเพลียมาก ต้องดมยาดมตลอด พยายามที่จะลืมตาตั้งสติเพื่อสื่อสาร เนื่องจากบุ้งแพ้น้ำหวาน จึงกินได้แค่น้ำเปล่าเหมือนเดิม
ก่อนจบการสนทนา บุ้งฝากคำถามมาว่าทำไมพวกเขาถึงยังคงถูกขังอยู่ เจ้าหน้าที่เรือนจำยังบอกบุ้งเลยว่า ไม่มีใครที่เขาถูกขังในระหว่างพิจารณาคดีแบบบุ้งหรอกนะ หรือเพราะเขาเห็นว่าบุ้งกับใบปอยังสู้อยู่?
ด้าน "ใบปอ" ยังมีอาการเหนื่อย เพลีย และปวดท้อง แต่เธอตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเพราะเธอกินน้ำเยอะวันละ 4-5 ขวด เลยยังพอยู่ได้ แม้ความดันจะต่ำ แต่ตอนนี้ใบปอผอมลงมากเริ่มเห็นกระดูก น้ำหนักใบปอลดไปแล้วประมาณ 5-6 กิโลกรัม ใบปอบอกว่า “พี่บุ้งก็ตัวเล็กลงเหมือนกัน วันศุกร์กลับมา ตอนแรกใบปอเห็นแค่ข้างหลัง จำไม่ได้ว่าเป็นพี่บุ้ง เพราะซูบลงไปอีก”
“พอลงแดนมาก็สดชื่นขึ้น ได้คุยกับเพื่อน ได้เดิน แต่อากาศในนี้ไม่ค่อยถ่ายเท หายใจไม่สะดวก จะมีช่วงที่เหนื่อยคือตอนต้องวิ่งไปอาบน้ำ 10 ขันให้ทัน” พูดเรื่องอาการตัวเองเสร็จ ใบปอก็กลับมาพูดถึงบุ้งต่อ “พี่บุ้งยังต้องกินยา และยังมีอาการวิ้งๆ เวียนหัวอยู่ เราเรียกว่าอาการคุกหมุน เพราะว่าที่นี้ไม่ใช่บ้าน”
หลังจากสอบถามอาการ เราอัพเดทสถานการณ์ อ่านจดหมายและคุยเรื่องประกัน ใบปอจึงฝากข้อความออกมาสื่อสารกับทุกคน
……………………………
#สวัสดีค่ะทุกคนใบปอเองนะคะ
วันนี้เป็นวันที่สาม 33 แล้วที่ใบปอกับพี่บุ้งอดอาหารในเรือนจำ ช่วงที่เพิ่งเข้าเรือนจำตอนนั้นเป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีสอบปลายภาค แต่ใบปอต้องขาดสอบทุกวิชาเพราะไม่ได้ประกันตัว ผ่านมา 63 วันแล้วที่ต้องถูกคุมขังอยู่ เพื่อนๆ ที่วิทยาลัยป๋วยอึ๊งภากรณ์ คงเตรียมลงทะเบียนขึ้นปีสองกันแล้ว แต่ใบปอยังไม่มีโอกาสได้ออกไปสอบเลย
หลังไม่ได้ประกันครั้งที่ 5 ใบปอก็เลือกที่จะกินแต่น้ำเปล่ามาเป็นเวลา 11 วันแล้ว ส่วนพี่บุ้งอดอาหารจนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอแจ้งว่าโพแทสเซียมต่ำมากจนทำให้หัวใจเกือบหยุดทำงาน แต่ถึงแม้ว่าสภาพร่างกายจะทรุดลงมากแค่ไหน เราสองคนก็ยังเข้มแข็งเชื่อมั่นและมั่นคงเหมือนเดิม ต่อให้ต้องฝืนก็ไม่คิดจะหยุดพัก ยังคงสู้อยู่ทุกวินาที คนข้างนอกสู้อย่างไร คนข้างในก็ยังสู้ไปด้วยอยู่
ขอบคุณทุกคนที่เขียนจดหมายเข้ามามากๆ เลยนะคะ ทุกครั้งที่ทนายอ่านจดหมายให้ฟัง มันช่วยเติมเต็มกำลังใจรู้สึกมีแรงขึ้นมากจริงๆ ใบปอกับพี่บุ้งรอวันที่ได้ออกเจอทุกคนอยู่นะคะ
ใบปอ ทะลุวัง
ทัณฑสถานหญิงกลาง
4 กรกฎาคม 2565
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุวัง