ผู้ว่าฯ
ชัชชาติ ประชุมด่วนกลุ่มเส้นด้าย สายไหมต้องรอด และ"เราต้องรอด" หาแนวทางรับมือโควิดในพื้นที่กรุงเทพฯ
ยืนยันไม่มีการปฏิเสธผู้ป่วย ยาและเตียงยังเพียงพอ ติดโควิดโทร.สายด่วน 1669
วันที่ 19
ก.ค. 65 เวลา 16.15 น.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประชุมหารือแนวทางการประสานงานกับมูลนิธิต่างๆ
พร้อมรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ
โดยมี ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย
ศูนย์เอราวัณ ร่วมประชุมกับผู้แทนจากกลุ่มเส้นด้าย ทีมงานสายไหมต้องรอด
นางสาวไดอาน่า จงจินตนาการ จากเพจ "เราต้องรอด"
ซึ่งการประชุมได้เปิดระบบออนไลน์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ณ
ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เปิดเผยว่า วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ประชุมหารือกับกลุ่มเอกชนที่ดูแลประชาชนในพื้นที่เช่น
จากกลุ่มเส้นด้าย ทีมงานสายไหมต้องรอด เพจ "เราต้องรอด"
ซึ่งเป็นคนที่สัมผัสอยู่ที่พื้นที่หน้างานจริง ๆ
เพื่อรับฟังปัญหาและแก้ไขการทำงานประสานงานร่วมกัน ซึ่งเรื่องแรกคือการแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครซึ่งไม่จำกัดจำนวน
ขอให้ผู้ป่วยโควิด-19
ไปรับบริการได้ที่โรงพยาบาลสังกัดกทม. ทั้ง 11 แห่ง รวมถึงวชิรพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯด้วย ซึ่งบางทีอาจมีปัญหาเรื่องพื้นที่คับแคบรองรับผู้ป่วยได้จำนวนไม่มากแต่ก็จะมีการนัดหมายเพื่อมารับยาในวันต่อไปได้
โดยจะขยายวันทำการเพิ่มในวันเสาร์เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่เขตอีกด้วย
เรื่องที่
2 คือการสร้างความเข้าใจให้กับผู้ป่วยกลุ่ม 608
ที่ตรวจ ATK แล้วพบว่าตัวเองติดเชื้อ
ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเดินทางมารับยาหรือพบแพทย์ก็สามารถนำบัตรประชาชนและผลตรวจให้ญาติพี่น้องมารับยาแทนได้ผ่าน
เรื่องที่ 3
คือผู้ป่วยอาการไม่มากหรืออาการเขียวซึ่งบางครั้งได้รับเพียงยาพื้นฐาน
ไม่ได้รับยาต้านไวรัส ก็ขอให้เชื่อแพทย์ในการวินิจฉัยโรคในการบ่งชี้ว่ากลุ่มไหนจะต้องได้รับยาต้านไวรัสหรือไม่
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าอย่าตื่นตระหนกหากไม่ได้รับยาต้านไวรัสเพราะบางครั้งโรคจะหายไปเองแบบไข้หวัด
สำหรับกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่ม 608
และมีโรคประจำตัว กทม. จะพิจารณากลับไปดำเนินการแบบ HI (Home Isolation) เนื่องจากควรมีเจ้าหน้าที่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอหลังรับยา
ซึ่งในปัจจุบันระบบอาจยังดำเนินการไม่สมบูรณ์กทม.ก็จะเร่งแก้ไขต่อไป
นอกจากนี้กทม.ยังได้เปิดการให้บริการโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยสีเขียวเพิ่ม
จำนวนกว่า 500 เตียง ที่สนามกีฬาบางกอกอารีน่า เขตหนองจอก
และศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ
ซึ่งกทม.จะทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานภายนอกในเรื่องของการเพิ่มเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยในกรุงเทพฯได้มากขึ้นอีกด้วย
รวมถึงการประสานการดูแลส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลนอกสังกัดกทม.
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือสายด่วนศูนย์เอราวัณ
1669 ซึ่งขณะนี้มีการปรับปรุงให้มี 60 คู่สาย
เพื่อรองรับผู้ป่วยที่โทรมาให้ได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว
ผู้ป่วยทุกกลุ่มอาการสีต่างๆสามารถโทรได้
เพราะจะมีการประสานงานบริหารจัดการหาเตียงและรับส่งผู้ป่วยทุกกลุ่มสีไปสู่สถานพยาบาลด้วยไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดกทม.
รวมถึงการขอรับบริการฉีดวัคซีนด้วยที่จะมีการขยายบริการฉีดวัคซีนให้ถึงบ้าน
เพราะขณะนี้การฉีดวัคซีน Booster Shot เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยลดอาการป่วยไม่ให้เป็นระดับสีแดงและช่วยบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้รับภาระหนักได้
ซึ่งขณะนี้สามารถไปฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 11 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครทั้ง 69 แห่ง
และอาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น
ดินแดง) ได้ทุกวัน
ขอขอบคุณภาคเอกชนทุกท่านที่ร่วมกับทางกทม.
เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากบางทีกทม.อาจจะรู้รายละเอียดได้ไม่เท่าภาคเอกชนที่มีข้อมูลหน้างานจากการลงพื้นที่มากมาย
ทำให้กทม.ได้รับทราบข้อเท็จจริงของปัญหาซึ่งตรงไหนที่ปรับปรุงได้กทม.จะเร่งปรับปรุง
เพื่อร่วมเดินไปด้วยกัน อย่างเข้มแข็ง และขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า
ขณะนี้ยามีเพียงพอ รวมถึงกลุ่ม 608 กลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มที่มีโรคประจำตัวและมีความเสี่ยงซึ่งกทม.มีความเป็นห่วงเป็นพิเศษ
ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา นอกจากนี้ผู้ป่วยโควิด-19 หากมีอาการป่วยให้รักษาตัวเองแบบ
5 + 5 คือรักษาตัวเอง 5 วันและกักตัวเองอีก
5 วัน เพื่อความปลอดภัยและลดการแพร่ระบาดสู่ผู้อื่น” ผู้ว่าฯ
ชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้
ปัจจุบันโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครมีจำนวนเตียงประมาณ 760 เตียง
อัตราครองเตียงอยู่ 47% รองรับผู้ป่วยระดับสีแดง 24 เตียง มีผู้เข้ารับการรักษาอยู่ 17 เตียง
รองรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง 700 เตียง
มีผู้เข้ารับการรักษาอยู่ 366 เตียง ภาพรวมของทุกโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ
มีเตียง 5,600 เตียง มีผู้ครองเตียงรักษาพยาบาลอยู่ 3,000
กว่าเตียง คิดเป็น 47% ซึ่งยังสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19
ในพื้นที่กรุงเทพฯได้
#ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม #COVID19
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์