“ชัชชาติ” ร่วมมือสามฝ่าย “กทม.-เอกชน-ตัวแทนองค์กรต้านคอร์รัปชั่น” ทำข้อตกลงคุณธรรม
สร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจกลับคืนมา
วันนี้
(6 มิ.ย. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
(ประเทศไทย) หรือ ACT (Anti-Corruption Organization of Thailand) โดยมี นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ACT และผู้เกี่ยวข้อง
ร่วมหารือ ณ ชั้น 16 อาคารศรีจุลทรัพย์ เขตปทุมวัน ว่า
การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นหนึ่งในนโยบายซึ่งประชาชนต่างก็ให้ความสำคัญ
ในช่วงก่อนที่จะได้รับการเลือกตั้งจะเห็นได้ว่าประชาชนตั้งแต่รากหญ้าจนถึงนักธุรกิจและผู้ประกอบการทุกระดับมีความหมดหวัง
ไม่ไว้ใจ และรู้สึกไม่ดีนักต่อกทม.
นายชัชชาติ
กล่าวต่อว่า ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริต ความไม่โปร่งใส
สิ่งที่ต้องทำจากนี้ไปคือการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้ใจให้กลับคืนมา
รวมถึงการร่วมมือกับหน่วยงานที่มีประสบการณ์อย่างเช่นองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
(ประเทศไทย) หรือ ACT
ซึ่งจะให้การทำงานเป็นไปด้วยความมั่นใจและถูกทางมากยิ่งขึ้น
สำหรับในวันนี้ได้มีการหารือกันหลายเรื่อง ได้แก่ ข้อตกลงคุณธรรม
ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีการหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ กทม.
ผู้ที่ทำสัญญา (เอกชน) และผู้สังเกตการณ์จาก ACT เพื่อให้กระบวนการเป็นไปด้วยความโปร่งใส
นอกจากนี้ยังได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการเปิดเผยข้อมูล
แนวคิดเรื่องการขอใบอนุญาต การคำนวณภาษีต่าง ๆ
ซึ่งเราสามารถปรับปรุงเพื่อให้มีความโปร่งใสมากขึ้นได้
รวมถึงการกำหนดให้มีหน่วยงานภายนอกที่มีความรู้ความเข้าใจมาร่วมกันทำการวิจัยก่อนเดินหน้างาน
เพื่อให้งานที่เกิดขึ้นมีหลักอ้างอิงทางวิชาการด้วย
“วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี
และจากนี้ไปจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อหารืออย่างน้อยเดือนละครั้ง
เพื่อให้เห็นความก้าวหน้า
และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ด้วย
เพราะจะเห็นได้ว่าประชาชนมีความกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาต่าง ๆ
ของเมือง ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
ที่สละเวลามาช่วยให้เกิดความโปร่งใสขึ้นในกรุงเทพมหานคร
โดยส่วนตัวเชื่อว่าหากเราเริ่มต้นด้วยกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง
จะเป็นผลดีในระยะยาว” นายชัชชาติ กล่าว
ด้านนายวิเชียร
พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
จัดตั้งขึ้นเพื่อเสาะแสวงหาความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริต และมีพันธกิจมายาวนาน
รวมถึงถือเป็นหน้าที่ที่จะสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานคร
โดยใช้เครื่องมือที่อยู่มาประยุกต์ใช้และต่อยอดในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าฯ
กทม. ซึ่งท่านได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว
“จากนี้ไปจะทำให้การทำงานเกิดความโปร่งใส มีการเชื่อมโยงทั้งภาครัฐ เอกชน
ภาควิชาการ และประชาชน ซึ่งประชาชนไม่ได้มีฐานะเป็นผู้รับบริการเพียงอย่างเดียว
ประชาชนยังต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาด้วย”
นายชัชชาติ
กล่าวเพิ่มเติมว่า การติดตามโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง
ซึ่งยังมีกระบวนการขอใบอนุญาต กระบวนการอื่นๆที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด
เนื่องจากกรุงเทพมหานครต้องดูแลชีวิตของคนกรุงเทพฯ ในหลายมิติ
และกทม.เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาหลากหลาย ประชาชนแต่ละคนก็มีปัญหาต่างกันไป
โดยจะต้องดูให้ครบถ้วน
สำหรับในเรื่องของสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามก่อนหน้านี้แล้ว
และจากนี้ไปคณะทำงานซึ่งมีรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครดูแลจะมีการประชุมร่วมกันทุกเดือน
และมีหน่วยงานอื่นมาร่วมทำวิจัยและให้ข้อมูลเพิ่มเติม
รวมถึงการดูในรายละเอียดของโครงการอื่น
ๆ ด้วย อาทิ โรงกำจัดขยะ การอำนวยความสะดวกการขอใบอนุญาต กระบวนการคิดคำนวณภาษี
ซึ่งเชื่อว่าการทำงานของกทม. จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการรวบรวมข้อมูลตามหลักการซึ่งมีความซับซ้อน
แต่คาดว่าไม่เกิน 2
สัปดาห์จะเสร็จเรียบร้อย
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
#ผู้ว่าฯกทม #ชัชชาติ
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์