วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ศาลจำคุก 2 จำเลยปาระเบิดศาลอาญาปี 2558 คนละ 34 ปี 4 เดือน เเต่อีก 12 คนให้ยกฟ้อง ‘ทนายวิญญัติ’ ชี้ผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องเเต่ถูกจับมาดำเนินคดี 8 ปี ลั่นถ้ามีอายัดลูกความอีกเตรียมดำเนินคดีกลับ

 


ศาลจำคุก 2 จำเลยปาระเบิดศาลอาญาปี 2558 คนละ 34 ปี 4 เดือน เเต่อีก 12 คนให้ยกฟ้อง ‘ทนายวิญญัติ’ ชี้ผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องเเต่ถูกจับมาดำเนินคดี 8 ปี ลั่นถ้ามีอายัดลูกความอีกเตรียมดำเนินคดีกลับ


เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีปาระเบิด ซึ่งได้รับโอนมาจากศาลทหารภายหลังการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คดีความมั่นคงขึ้นศาลทหารเป็นคดีหมายเลขดำ อ.3045/62 แดง อ.1602/65 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมหาหิน ขุนทอง กับพวกรวม 14 คน ถูกฟ้องกระทำผิดฐาน เป็นอั้งยี่ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุสมควร ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง


จากกรณีวันที่ 7 มีนาคม 2558 มีเหตุการณ์ปาระเบิดที่บริเวณลานจอดรถศาลอาญา เจ้าหน้าที่ทหารจับกุมจำเลยในที่เกิดเหตุจำนวน 2 คน ต่อมาจับกุมและดำเนินคดีอีก รวมทั้งสิ้น 14 คน


โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1, 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 221, 289 (4) ประกอบมาตรา 80 พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่งและวรรคสาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ฐ 42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1, 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น, ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน มาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต


ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1, 2 ให้การรับสารภาพร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และทางนำสืบของจำเลย 1, 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นหนึ่งในสาม และฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานร่วมกันใช้เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น คงจำคุกจำเลยที่ 1, 2 คนละ 33 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุกจำเลยที่ 1, 2 คนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลย 1, 2 คนละ 34 ปี 4 เดือน ริบอาวุธปืน กระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน กระเดื่องระเบิดชนิดอาร์จีดี 5 (RGD 5) และเศษระเบิดของกลาง ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1, 2 ในข้อหาอื่น และยกฟ้องจำเลยที่ 3-14


ภายหลังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3-14 คดีปาระเบิดหน้าศาลอาญาเหตุเกิดมีนาคม 2558 โดยส่วนหนึ่งระบุเหตุผลว่าการฟ้องจำเลยที่ 9, 10, 12, 14 ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำ เเละลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ที่รับสารภาพว่าได้ขว้างระเบิดจริง จำคุก คนละ 34 ปี เนื่องจากมีเจตนาเล็งเห็นผลในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน


จะเห็นได้ว่าจำเลยที่ศาลยกฟ้องในวันนี้บางคนเเทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยเพียงเเต่อยู่ในไลน์กลุ่มเดียวกัน หรือบางคนไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มเพียงเเต่มีบัญชีการโอนเงินกัน เเต่กลับถูกเจ้าหน้าที่จับมาดำเนินคดีทั้งหมด สู้มา 8 ปี เพื่ออิสรภาพของพวกเขาในฐานะผู้บริสุทธิ์ วันนี้ตนขอเชิญจับตาดูว่าที่จะมีการปล่อยตัวจำเลยที่ 9 นางสุภาพร มิตรอารักษ์ จากเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดตัวนางสุภาพรอีกครั้ง ตำรวจอาจจะต้องถูกฟ้องดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กลั่นแกล้งให้ได้ความเสียหาย, ใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ในส่วนของจำเลยที่ 1, 2 เเม้ตนไม่ใช่ทนายความในส่วนของจำเลยทั้ง 2 แต่ยังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลเนื่องจากเป็นการลงโทษที่หนักเกินไป เเละเห็นว่ายังขัดกับเหตุผลบางประการ เพราะศาลรับฟังว่าอานุภาพของระเบิดอาร์จีดี 5 มีอานุภาพ 10-15 เมตร ที่สามารถทำลายล้างชีวิตคนได้ แต่ความเป็นจริง รปภ.ที่ยืนอยู่ห่างจากจุดที่หลุมระเบิดลงประมาณ 10 เมตรนั้น รปภ.ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่นิดเดียว การขว้างก็ไม่ได้เห็นใครยืนอยู่จุดนั้น อันจะมองว่ากระทำไปเพราะเล็งเห็นให้จะบาดเจ็บหรือตาย การลงโทษจึงหนักเกินไป เขาทั้งสองถูกขังมา 8 ปีแล้ว รู้สึกสำนึกผิดที่ทำไปเพราะถูกหลอกให้ทำและเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองไม่มีขบวนการเบื้องหลัง นี่จึงเป็นประเด็นเบื้องต้นที่จะต้องเสนอให้ทนายที่รับผิดชอบยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาในส่วนของจำเลยที่ 1, 2 ต่อไป


โดยรายชื่อจำเลยทั้ง 14 คน ประกอบด้วย นายมหาหิน ขุนทอง, นายยุทธนา เย็นภิญโญ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง, นางสาวธัชพรรณ ปกครอง, นายวิชัย อยู่สุข, นายนรภัทร เหลือผล, นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน, นายชาญวิทย์ จริยานุกูล, นางสุภาพร มิตรอารักษ์, นางวาสนา บุษดี, นายณเรศ อินทรโสภา, นายวสุ เอี่ยมละออ, นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ และนายสมชัย อภินันท์ถาวร


ที่มา : มติชนออนไลน์

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์