วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก. [ปัจจัยแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้] : แลไปข้างหน้าฯ EP.88

 

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.

[ปัจจัยแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้]


สวัสดีค่ะ ในเดือนพฤษภาเรามีเรื่องมากมายที่จะคุย แต่อย่างไรก็ตามเราก็จำเป็นต้องคุยในเรื่องที่สด ๆ ร้อน ๆ และเรื่องที่เป็นความสำคัญยิ่ง เป็นกระจกสะท้อนปัญหาการเมืองของประเทศไทยปัจจุบัน นั่นก็คือเรื่องของ “ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.”  ดิฉันจะตั้งข้อสังเกตก็คือ “ปัจจัยแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้”


ว่าด้วยเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นที่ชัดเจน ณ บัดนี้ จากคะแนนก็จะพบว่าคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทิ้งห่างจากผู้สมัครคู่แข่งขันส่วนอื่นอย่างมาก เราพบว่าตัวเลขก็คือ 1,386,215 คะแนน คิดเป็น 54% ณ เวลา 13.00 น. ของวันที่ 23 พ.ค. ทิ้งห่างคนที่ได้ลำดับ 2 คือ พรรคประชาธิปัตย์ คุณสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ซึ่งจะใกล้เคียงกับคุณวิโรจน์ และคุณสกลธี ก็คือคะแนน 2 แสนกว่า


เมื่อเวลาทำเป็นผัง ถ้าสีของคุณชัชชาติเป็นสีเขียวมันก็เขียวหมด คือชนะทุกเขต อย่างนี้เรียกว่าแลนด์สไลด์ได้ ทิ้งขาด ก็คือเอาคะแนนคนอื่นมารวมกันก็ไม่เท่าคุณชัชชาติ อันนี้นี่ก็คือปัจจัยแห่งชัยชนะที่เราอยากจะมาคุย และถ้าดิฉันพูดเรื่องปัจจัยแห่งชัยชนะ ดิฉันก็ต้องการให้เป็นบทเรียนกับพรรคการเมืองและพลังการต่อสู้ฝ่ายประชาชนด้วย ศึกษาบทเรียนชัยชนะของคุณชัชชาติ


ชัยชนะของคุณชัชชาติในทัศนะของดิฉัน ปัจจัยแรกก็คือ ตัวตนของคุณชัชชาติ ซึ่งตอบสนองความต้องการของประชาชนในหลายฝ่าย ทั้งในฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายที่ ต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความก้าวหน้า กระทั่งพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมจำนวนหนึ่ง คือพลังอนุรักษ์นิยมมันก็มีพลังสุดโต่ง ดิฉันเอ่ยชื่อเลยก็ได้ อย่างคุณรสนา ก็จะมีกลุ่มพันธมิตรและครป. คือคุณพิภพ ธงไชย ฝั่งอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าจะเป็น สนธิ ลิ้มทองกุล คุณจำลอง ศรีเมือง แม้กระทั่งอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ถือว่านี่ เป็นลูกศิษย์ ก็ออกมาเชียร์ ก็ได้ตัวเลขประมาณ 7 หมื่น แปลว่าในฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดขั้วที่เลือกก็มีแค่นี้


ถัดมาก็คือ อาจจะเป็นพลังประชารัฐ แล้วก็พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งสกลธี คุณสกลธีก็เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยม พูดง่าย ๆ ก็เป็นตัวแทนกปปส. ก็คือเป็นพลังอนุรักษ์ซึ่งมีผู้เสนออยากจะโหวตทางยุทธศาสตร์ เพราะว่าคุณสกลธีลงอิสระ ไม่ได้ลงในนามพรรคการเมือง คือต้องการจะเทียบประกบคุณชัชชาติว่างั้นเถอะ เพราะฉะนั้น พลังอนุรักษ์ถูกแตกเป็นทั้งคุณรสนา เป็นทั้งคุณอัศวิน เป็นทั้งดร.เอ้ พรรคประชาธิปัตย์ และสกลธี แต่รวมกันอย่างไรก็แพ้คุณชัชชาติ


ปัจจัยของผู้ที่พ่ายแพ้กับปัจจัยของผู้ที่ได้รับชัยชนะ ดิฉันพูดถึงฝั่งชัยชนะเพิ่มเติมจากที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้นคือ


ตัวตนของคุณชัชชาตินั้นสามารถดึงคะแนนพวกสวิงโหวตพวกที่เปลี่ยนแปลงมาได้ นี่คือตัวตนของคุณชัชชาติ ซึ่งมีข้อดี อันนี้ดิฉันอยากจะให้ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือว่านักต่อสู้ ได้ศึกษาตัวตนของคุณชัชชาติว่า คุณชัชชาติอาจจะไม่ใช่ประเภทเรียกว่าแวนการ์ด (Vanguard) หัวแหลมที่จะไปทิ่มแทงฝั่งที่มีความคิดแตกต่างกัน แต่คุณชัชชาติสามารถดึงพลังของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจำนวนหนึ่งให้มาเลือกคุณชัชชาติได้ จึงสามารถทำให้ฐานตัวตนของคุณชัชชาติมีบทบาทสูง เพราะฐานเสียงที่ได้รับชัยชนะของคุณชัชชาติ แน่นอน! พลังฝ่ายประชาธิปไตยคือพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทย ฐานเสียงของก้าวไกล เพื่อไทยคงโหวตให้หมด แต่ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งก็เลือกคุณวิโรจน์ แต่ดิฉันเชื่อนะว่าส่วนหนึ่งก็มาเลือกคุณชัชชาติ


ดังนั้น พลังฝ่ายประชาธิปไตยดูแล้วจะเป็นเอกภาพในลักษณะเลือกทางยุทธศาสตร์ระดับหนึ่ง เพราะว่าถ้าเทียบการโหวต ส.ก.ของพรรคก้าวไกลจำนวนไม่ต่างกับเพื่อไทยสักเท่าไหร่ แต่พอโหวตผู้ว่าฯ เสียงต่าง ทิ้งขาด ดังนั้น ปัจจัยที่ได้รับชัยชนะ ตัวตนของคุณชัชชาติที่เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัว แล้วเป็นคนขยัน เข้าถึงได้ง่าย พยายามแสดงความเป็นอิสระได้จริง โดยทีมงานที่ประกอบด้วยกลุ่มอาสาสมัครและพลังที่มาร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่พรรคเพื่อไทยชัดเจน อันนี้นี่สังคมก็มองเห็น ดังนั้นมันลงตัวพอดีในการที่ลงในฐานะอิสระและตัวตนของคุณชัชชาติ แต่ก็ได้การสนับสนุนจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยค่อนข้างเต็มที่


นี่ก็คือปัจจัยแห่งชัยชนะ สามารถดึงคนในขั้วฝ่ายประชาธิปไตย และสามารถดึงเสียงในฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย ดิฉันอยากจะให้แบบอย่างตัวนี้เป็นแบบอย่างที่น่าศึกษาสำหรับการที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันทางการเมือง ในการต่อสู้ ศึกษาแบบอย่างของคุณชัชชาติไว้ด้วย เพราะว่าอันนี้มันแลนด์สไลด์ แปลว่าทั้งสองข้างสนับสนุน


ในส่วนปัจจัยของความพ่ายแพ้ มันฟ้องร้องแล้วว่า นอกจากจะมีตัวมาหารเยอะ ก็คือพลังฝ่ายอนุรักษ์นิยม ดิฉันไม่ได้พูดในขั้วทางพรรคการเมืองนะคะ ดิฉันพูดในทางความคิด เพราะว่าดิฉันมีความเชื่อว่าพลังในสังคมไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ผู้คนฝ่ายอนุรักษ์นิยมนั้นมีมาก จึงไม่แปลกที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกผู้ว่าฯ มาหลายครั้งมากมาย และคนที่ไม่ได้เป็นพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าจะเป็นคุณสมัคร สุนทรเวช ในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณจำลอง ศรีเมือง


ดังนั้น พลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยแห่งความพ่ายแพ้ก็แสดงให้เห็นว่า ตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยมในฐานะพรรคการเมืองหนึ่ง ในฐานะรัฐบาลหนึ่ง ล้มเหลวในสายตาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมด้วยกัน ดังนั้น จึงเลือกคุณชัชชาติเป็นทางเลือก เพื่อที่จะบอกหรือว่าลงโทษฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่มีอำนาจอยู่ทั้งในฐานะเป็นพรรคการเมืองและเป็นรัฐบาลคือพปชร. โดยเฉพาะพปชร. ประชาธิปัตย์นั้นได้ถูกลงโทษในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 มารอบนี้ก็กระเตื้องขึ้นมาหน่อย เพราะจริง ๆ ตัวเลือกในฐานะผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แล้วก็ส.ก.ของประชาธิปัตย์ก็เคยมีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อเลือกส.ก.โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับส.ส. ก็ทำให้ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะเล็ก ๆ คือกู้กลับมาได้ แต่โดยภาพรวมทั้งหมดยังไม่ดี เพราะว่าถ้าจะชนะจริง ๆ ฐานพรรคประชาธิปัตย์ก็มีในทั่วกรุงเทพฯ ส.ก.สามารถได้มากกว่านี้ อันนี้นี่ก็ถือว่ายังน้อยมาก พลังประชารัฐนั้นก็คือจบไปเลย แปลว่าลุงตู่ นโยบายลุงตู่ พรรคลุงตู่ พรรคลุงป้อม ไม่สามารถเรียกศรัทธาประชาชน จึงทำให้เกิดเป็นปัจจัยของการพ่ายแพ้ครั้งนี้ และมันก็เป็นการบอกให้รู้ว่าประชาชนนั้นต้องการการเลือกตั้ง ต้องการก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แน่นอน! ตัวเลขผู้มาเลือกตั้งในขณะนี้ยังดูว่าน้อยเกินไป เพราะดิฉันจะพูดเรื่องส.ก.ด้วย


ในส่วนของคนมาเลือกตั้งตอนนี้ยังไม่ถึง 70 กว่าเปอร์เซ็น ผู้มีสิทธิและผู้มาใช้สิทธิจาก 4.4 ล้านผู้มีสิทธิ ผู้มาใช้สิทธิเพียง 2.6 ล้าน มีผู้ที่ไม่ประสงค์จะออกเสียง 7.2 หมื่น อันนี้ในทัศนะดิฉันจะเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งยังทำใจไม่ได้ว่าคุณชัชชาติ 7.2 หมื่นนี่ บัตรเสียอยู่ 4 หมื่น


ทีนี้พอมาดูเรื่องส.ก. คือเรื่องนี้ผู้ว่าเป็นพระเอก เราก็พูดถึงพระเอกไปแล้ว แต่ส.ก.มันจะใกล้เคียงกับการเมืองไทย เพราะว่าส.ก.จะเป็นฐานเสียงของส.ส. ดังนั้น ภาพของการเลือกส.ก.ที่เมื่อกี้ที่เราพูดว่า ทุกเขตเมื่อรวมกัน ณ เวลานี้ดิฉันยังงงกับตัวเลขนะคะ เพื่อไทยได้ 149,984 คิดเป็น 38% แล้วก็ 19 ที่นั่ง, ก้าวไกล 15 ที่นั่ง ได้คะแนน 1.28 แสน คิดเป็น 30%, ประชาธิปัตย์ได้ 8 ที่นั่ง, ไทยสร้างไทยได้ 3 ที่นั่ง อันนี้นี่ก็คือผลการเลือกตั้งส.ก. แต่ดิฉันก็งงว่าทำไมคะแนนรวมมันเพิ่ง 6 แสนกว่า คือคนที่มาใช้สิทธิก็จะได้รับบัตร 2 ใบ ถ้ามาเลือกผู้ว่า 2 ล้าน แล้วเลือกส.ก. ทำไมเป็น 6 แสน หรือว่าเพิ่งนับ? ยังไม่ครบ ดิฉันคิดอย่างนั้นนะ นับไม่ครบ! แต่ว่าใช้ภาษาที่ทำให้เข้าใจผิดว่าผู้มาใช้สิทธิเพียงแค่นี้ ก็คือยังนับไม่ครบ


ถ้าดูตัวเลขส.ก.ก็ต้องถือว่าผู้ได้รับชัยชนะก็คือเพื่อไทย, ก้าวไกล, ประชาธิปัตย์ก็ฟื้นขึ้นจากที่ส.ส.ศูนย์เลย ไม่ได้เลยสักที่นั่ง แต่ได้ส.ก.มา 8 (9) ที่นั่ง ไทยสร้างไทย ณ เวลานี้ได้ 3 ที่นั่ง ตัวเลขดิฉันเชื่อว่ายังไม่นิ่ง ในฝ่ายที่ได้รับชัยชนะดิฉันก็มองว่าเป็นการวางยุทธศาสตร์ที่ดี เพราะมาทุ่มอย่างพรรคเพื่อไทยทุ่มให้ส.ก.เต็มที่ ทุ่มพลัง ไม่ต้องไปยุ่งกับผู้ว่าฯ ก็คือมาทุ่มเทให้กับเรื่องของส.ก.เต็มที่ จึงมีส่วนที่ทำให้ตัวเลขส.ก.ได้เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น งานนี้เพื่อไทยสบาย ไม่ส่งผู้ว่าฯ ลดงาน ลดภาระ แล้วก็ตัวเลขส.ก.ได้มากขึ้น


ในขณะที่ก้าวไกล ส่งผู้ว่าฯ ด้วย แต่ว่าสัดส่วนคะแนนเสียงผู้โหวตส.ก.ของเพื่อไทยกับก้าวไกลไม่ทิ้งห่างมากเหมือนกรณีคุณชัชชาติ ก็คือได้ 15 ที่นั่ง ณ เวลานี้ แล้วตัวเลขจาก 1.5 แสน (เพื่อไทย) กับ 1.3 แสน (ก้าวไกล) ก็เรียกว่าไม่ทิ้งขาด ประชาธิปัตย์ ตัวเลขนี้เพิ่งได้ 9 หมื่นคะแนน


ดังนั้น ในกรณีของส.ก. ก็ต้องถือว่าพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลได้รับชัยชนะที่เมื่อรวมกันแล้วได้เสียงส.ก.ประมาณ 34 ที่นั่ง ถือว่าเกินครึ่งของส.ก.ในกรุงเทพฯ ซึ่งมี 50 เขต ตัวเลขอาจจะเปลี่ยนไปอีกก็ได้ แต่ปัจจัยแห่งชัยชนะตรงนี้ ในครั้งนี้โดยภาพรวมมันลงตัว และประชาชนมีความคิดเปลี่ยนไปจากเดิม มันไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ มันไม่ได้หยุดนิ่งเหมือนกับยุคที่ประชาธิปัตย์จะจองตำแหน่งผู้ว่ากทม.มาตลอด แล้วฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะได้รับชัยชนะมาตลอด


เพราะฉะนั้นกล่าวโดยสรุปก็คือ การเมืองประเทศไทยขณะนี้จากเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก. มันเป็นการเมืองที่มีอนาคตของฝ่ายที่ก้าวหน้า เพราะมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ นั้นได้เปลี่ยน เปลี่ยนวิธีคิด ก็คือหันมาสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายที่ต้องการมีการเลือกตั้งมากขึ้น อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ไปชัตดาวน์ ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งดิฉันก็ยังงงว่า อย่างคุณสกลธี หรือกระทั่งคุณรสนา หรือกระทั่งคุณอัศวิน ที่เคยหนุนการยึดอำนาจ มาวันนี้คุณได้ลิ้มรสบรรยากาศของการเลือกตั้ง แล้วมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ก็คือฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้มีการแปรเปลี่ยนมาสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยมากขึ้น แต่เหล่านี้ยังไม่ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่แน่นอน มันยังเป็นสวิงอยู่


อันที่สองก็คือ คุณภาพ คุณสมบัติของผู้สมัครมีความสำคัญ ต้องมีสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ที่ยังอาจจะไม่ได้ชอบพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยนี้นัก หรือไม่ได้ชอบแนวคิดอย่างนี้นัก แต่คุณสมบัติของผู้สมัครก็มีความสำคัญมากในการที่จะเชิญชวนให้ฝ่ายที่ยังไม่แน่ใจได้สามารถที่จะตัดสินใจได้ เพราะฉะนั้น ทั้งแนวทางนโยบายซึ่งประชาชนมีการปรับเปลี่ยน อันนี้มองในแง่ดีนะคะ แล้วก็ทั้งตัวบุคคลซึ่งมีคุณภาพ สองอย่างนี้จะเป็นปัจจัยแห่งชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตยที่ศึกษาบทเรียนครั้งนี้


และสำหรับผู้แพ้ ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บอกให้รู้ว่าประชาชนเขาทนไม่ไหวแล้ว ขนาดกองเชียร์ที่เคยเชียร์ เชียร์ให้ชัตดาวน์ กระทั่งสนับสนุนการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ มันไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ ประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว และประชาชนต้องการบอกให้รู้ว่าพวกคุณอยู่นานเกินไปแล้ว ทำความเสียหาย เขาต้องการการเลือกตั้งแบบนี้ ไม่ใช่เฉพาะผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ แต่เลือกตั้งทั่วประเทศเร็วที่สุด เสียงของชัยชนะอย่างถล่มทลายของผู้ว่าฯ กทม. ของประชาชนซึ่งเคยยึดมั่นหรือเชื่อมั่นฝ่ายอนุรักษ์นิยม เสียงนี้ควรจะมีพลานุภาพบอกให้ฝั่งรัฐบาลกลุ่ม 3ป. และเครือข่ายจารีตและอำนาจนิยมได้รับรู้ว่า ประชาชนไม่ต้องการพวกคุณอีกต่อไป แต่ต้องการอนาคตที่สดใสที่อยู่ในมือของเอง


#ธิดาถาวรเศรษฐ

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์