บันทึกเยี่ยม
“บุ้ง-ใบปอ” :
24 วันกับความขมขื่นในเรือนจำ
25
พ.ค. 2565 กว่า 24 วันแล้วที่บุ้งและใบปอถูกถอนประกัน ทั้งคู่ยังมีความเครียด บุ้งเองแม้จะไม่ได้อดอาหาร
แต่ก็กินข้าวได้น้อยและมีอาการอ้วกเนื่องจากความเครียดด้วย
เธอยังเป็นห่วงสมาชิกในกลุ่มทะลุวังว่าหลังจากทั้งคู่ถูกคุมขัง คนอื่นๆ
จะเป็นอย่างไร กิจกรรมเพียงเล็กน้อยที่ทำเพื่อผ่อนคลายคือการอ่านหนังสือ
แต่ตอนที่ทั้งคู่เข้าไปมีแต่ “หนังสือแจ่มใส” ที่ไม่ถูกจริตทั้งสองคนนัก
“อยากอ่าน
Harry
Potter ภาค 1-7 หนูอยากอ่านเพื่อหลุดออกไปจากที่นี่
หนังสือมันสำคัญกับหนูมาก” บุ้งบอกไว้ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้าเรือนจำ
รู้สึกไม่ปลอดภัย
แออัด น้ำไม่สะอาด
ช่วงวันแรกๆ
ใบปอบอกว่า “รู้สึกไม่ปลอดภัย” เพราะว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ในห้อง
“เจ้าหน้าที่เขาดูเราได้ตลอดเวลา
แม้กระทั่งตอนเข้าห้องน้ำ เพราะห้องน้ำกั้นขึ้นมาไม่สูง
ทิศทางของกล้องก็เห็นห้องน้ำ ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย” ในวันแรกๆ
ที่เข้ามา บุ้งและใบปอเลยนำขวดน้ำดื่มมากั้นเขตเพื่อให้รู้สึกว่ามีพื้นที่ของตัวเอง
แต่พอทั้งคู่ได้พูดคุยกับผู้ต้องขังอื่นก็รับรู้ถึงความเจ็บปวด
เศร้าเสียใจ ความเหลื่อมล้ำ ทั้งห่วงลูก ยังไม่ได้ตั้งทนายความ มีคนอื่น ๆ
ที่ยังไม่ได้ถูกพิพากษา แต่ไม่มีหนทางประกันตัว
“บางคนเค้าไม่มีเงินประกัน
แค่ 10,000 บาท เค้าก็ต้องเข้ามาติดคุกแล้ว ในนี้มันเห็นชัด สำหรับเรา
วินาทีเดียวก็ไม่อยากอยู่ แต่บางคนกลับบอกว่าอยู่ในนี้ก็ดีแล้ว เพราะอยู่ข้างนอก
เขาหากินไม่ได้ ทั้งที่ประชาชนไม่ควรคิดแบบนั้น
คุณค่ามนุษย์ไม่ควรพึงพอใจอะไรแบบนี้”
บุ้งและใบปอเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ย้ายมาอยู่ในแดนกันชน
จากเดิมที่อยู่แดนแรกรับซึ่งไม่ได้แออัดขนาดนี้ ในห้องตอนนี้มีคนอยู่ในห้อง 63 คน
ขนาดห้องประมาณ 50 ตารางเมตร
“ห้องขนาดเท่า
ๆ คอนโดพี่ แต่อยู่กัน 63 คน คิดดูว่าแออัดขนาดไหน แต่วันนี้ (25 พ.ค.)
น่าจะเริ่มนับหนึ่ง เพราะคงไม่มีคนมาเพิ่มในห้องแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ย้ายมาแล้วยังไม่เริ่มนับเพราะยังมีคนย้ายมาเพิ่มเรื่อย
ๆ อยู่แดนนี้เจ็ดวัน หลังจากนั้นจึงลงแดน ถ้าได้ออกศาลก็จะต้องไปแดนแรกรับใหม่”
เราถามบุ้งว่านอนได้หรือเปล่า
“มีพื้นที่นอนแค่สองถึงสามแผ่นกระเบื้อง” บุ้งตอบกลับมา
ใบปอเล่าเพิ่มอีกว่า
“เวลาอาบน้ำทำทุกอย่างแค่นับ 1 ถึง 15 น้ำที่อาบก็มีสนิม มีตะกรัน
ทำให้ผิวหนังใบปอมีผื่นและสิวขึ้น น้ำในบ่อก็เป็นสีเขียวเลย
น้ำไม่สะอาดทั้งน้ำกินน้ำอาบเลย พี่คิดดูว่าผมใบปอยาวมาก จะอาบยังไงทัน
เขาเลยบอกว่าแก้ไขปัญหาด้วยการตัดผมสั้น”
อยากให้มีการตรวจสอบเรือนจำ
ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
ทั้งคู่อยากให้มีการตรวจสอบเรือนจำทั้งเรื่องความแออัด
“ในคุกมีคนเกือบ 4,000 คน แออัด
คดีบางคดีมันเกิดจากความเหลื่อมล้ำ เค้าจึงขโมย แต่ต้องมาติดคุกเป็นความผิด
ทั้งที่มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เอาคนไปติดคุก การทำให้คนในเรือนจำลดลง
ไม่ใช่แค่ติด EM
แต่มันคือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม”
บุ้งและใบปอยังคับข้องใจประเด็นเรื่องการติด
EM “หนูเคยอ่านว่าถ้าติด EM แล้วมันต้องลดเงินประกันด้วยใช่มั้ย
แต่คดีหนูก่อนหน้านี้ติด EM ก็ยังเก็บวงเงินประกันเต็ม
เขาติดเพื่อติดตามเรามากกว่าลดความแออัด”
ในเรื่องเรือนจำนอกจากความแออัดแล้ว
เรื่องอาหารของทางเรือนจำนั้น ก็มีแต่เศษไก่ เศษหมู สุขอนามัยไม่ดี
“เราไม่ได้คิดว่าอยู่ในคุกต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ได้ต้องการความหรูหรา
แต่เราเป็นคน”
“การติดต่อญาติหรือทนายความยังทำได้ลำบาก
ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน อยากให้มีการตรวจสอบ”
นอกจากนี้บุ้งยังเล่าว่า
ครั้งหนึ่งที่ทั้งคู่ไปศาลกลับมาเรือนจำ นอกจากต้องผ่านเครื่องตรวจแล้ว
เจ้าหน้าที่พยายามจะตรวจภายในร่างกายทั้งคู่ด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ยินยอม
เพราะเห็นว่าแม้จะออกไปศาล
แต่พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวและอยู่ในสายตาตลอดเวลาและผ่านเครื่องสแกนแล้ว
หากต้องการตรวจร่างกายจริงให้ติดต่อทนายความ แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าเป็นระเบียบ
แต่ทั้งคู่ก็ยืนยันสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ใหญ่กว่าระเบียบของเรือนจำ
ดีใจที่ตะวันได้ประกัน
ไม่มีใครสมควรอยู่ในนี้
แม้ตะวันจะถูกคุมขังอยู่ก่อน
แต่บุ้งและใบปอแทบไม่ได้คุยกับตะวัน บุ้งมักถามข่าวตะวันจากทนายความแทน
บุ้งเล่าว่า
“ตะวันมันอดทนและไม่ค่อยพูดแต่สภาพที่ตาบุ้งเห็นเมื่อเช้า ( วันที่ 23 พ.ค.)
คือมันไม่ไหวแล้ว ตะวันออกไปหาหมอต้องมีคนพยุงออกไป
บุ้งพยายามถามว่าออกไปหาหมอที่ไหน ก็ไม่มีใครตอบ
เหมือนทางราชทัณฑ์พยายามไม่ให้เราคุยกัน บุ้งเห็นแค่ตอนตะวันเดินผ่านไปและมีคนพยุง
บุ้งไม่รู้ว่ากระแสข้างนอกเป็นยังไง แต่ตอนนี้ทุกวันทุกวินาทีคือชีวิตของเขาแล้ว”
วันที่
25 พ.ค. บุ้งเล่าเพิ่มว่า “ตะวันเลือดออกตามไรฟันเพราะไม่มีสารอาหาร
ที่ตะวันออกไปหาหมอ คือเรื่องนี้ แต่บุ้งได้คุยกับตะวันไม่กี่วิ เจ้าหน้าที่ก็มาเรียกให้ตะวันเข้าไปข้างใน”
เราอ่านแถลงการณ์ของกรมราชทัณฑ์เมื่อวันที่
20 พ.ค. ให้บุ้งและใบปอฟัง เพราะราชทัณฑ์ยังแถลงว่าตะวันยังสุขภาพเป็นปกติอยู่
ใบปอรีบโต้ขึ้นมาว่า “อะไรที่ราชทัณฑ์แถลงทันไม่จริงเลย”
ใบปอยังบอกอีกว่า
“อยากให้เจ้าหน้าที่ UN
เข้ามาเยี่ยมจะได้เห็นสภาพในเรือนจำและสุขอนามัยในนี้
หนูมีเรื่องจะบอกเยอะมาก”
ล่าสุด
วันที่ 26 พ.ค.65 ตะวันได้ประกัน บุ้งบอกว่า “ดีใจกับตะวันมาก
ตะวันไม่ควรต้องมาอยู่ในนี้ ที่จริงพวกเราทั้ง 11 คน ไม่ควรต้องอยู่ที่นี
ดีใจที่ตะวันได้ออกจะได้ไปรักษาตัว เพราะน้องเดินไม่ไหวแล้ว”
กำลังใจจากข้างในและข้างนอก
แม้ว่าบุ้งจะบอกว่า
ตอนนี้กำลังใจไม่ค่อยดี แต่การย้ายมาแดนชนกัน ก็ทำให้เจอมิตรภาพอยู่บ้าง
“อยู่ในนี้ไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น มีป้า ๆ เสื้อแดงคอยช่วยดูแลด้วย
ป้าแกเล่าว่าเห็นชื่อเราจากพี่ ๆ ที่ยืนหน้าเรือนจำ แกเลยตามหาว่าบุ้ง-ใบปอคือใคร
แล้วแกเล่าประวัติศาสตร์เสื้อแดงให้ฟังตอนถูกยิง”
บุ้งบอกเราว่าสิ่งที่เสียใจที่ไม่ได้ทำตอนอยู่ข้างนอกและอยากออกไปทำคือ
“เสียดายที่ไม่ได้สมัครทำงานกับสหภาพคนทำงาน มีไอเดียที่เราอยากเห็น
เราเชื่อการเปลี่ยนแปลงที่มาจากคน 99 % มากกว่า 1 % ออกไปจะสมัคร”
อาทิตย์ต่อมา
เรานำจดหมายที่สหภาพคนทำงานเปิดรับจดหมายออนไลน์ผ่าน #ส่งใจให้เพื่อนในเรือนจำ
ทั้งสองคนก็จะฟังอย่างตั้งใจ
และฝากขอบคุณป้า ๆ เสื้อแดง และทะลุแก๊ส ที่ไม่ทิ้งกัน
“ฝากถึงทุกคนที่ยังสู้
ที่ยังออกมา เราจะรักษาตัวเองให้ดีที่สุด”
ที่มาภาพและข่าว
: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
#ปล่อยเพื่อนเรา #คืนสิทธิการประกันตัว
#ยกเลิก112
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์