ธิดา
ถาวรเศรษฐ : ชื่นชมความกล้าหาญของเยาวชนหญิงรุ่นใหม่
[แลไปข้างหน้ากับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.84]
สวัสดีค่ะ
วันนี้ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น คืออยากมาพูดกับท่านผู้ชมทางบ้าน ประเด็นที่ดิฉันจะพูดก็คือความกล้าหาญของเยาวชนหญิงรุ่นใหม่
คือดิฉันขอชื่นชมเยาวชนหญิงรุ่นใหม่ที่ออกมากล้าต่อสู้
กล้าต่อสู้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นในสังคมไทยมายาวนาน
แน่นอน!
เยาวชนรุ่นใหม่ทั้งหญิงและชายดิฉันก็ชื่นชมในความกล้าหาญที่ออกมาต่อสู้ทางการเมือง
ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม และต่อสู้เพื่อภราดรภาพเพื่ออนาคตของสังคมไทย
เราจะพบว่าในการต่อสู้ทางการเมือง
ในการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม หรือกล่าวให้ถึงที่สุดก็คือการต่อสู้ทางชนชั้น
เยาวชนหญิงของเราได้ออกมาต่อสู้เคียงข้างกับเยาวชนชายอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นรุ้ง ไม่ว่าจะเป็นมายด์ ไม่ว่าจะเป็นตะวัน ไม่ว่าจะเป็นเดียร์
ไม่ว่าจะเป็นเมนู และหลาย ๆ คนที่ดิฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อทั้งหมด
เราจะพบว่าในการออกมา
ไม่ว่าจะออกมาสู่ท้องถนน บนเวทีปราศรัย และแม้กระทั่งการถูกจับกุมคุมขังถูกจองจำ
เยาวชนหญิงออกมามีบทบาทเรียกว่าคู่กัน ทัดเทียม หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำก็ได้
คือโดยปกติผู้หญิงจะมีความไวต่อปัญหาความยุติธรรม ต่อปัญหาการเมือง
เศรษฐกิจและสังคม มากกว่า แน่นอนเราจะเห็นมีคนพูดกัน ม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง
จะพบผู้หญิงมากกว่า
แต่วันนี้ดิฉันจำเป็นต้องพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นั่นก็คือปรากฎการณ์ของการที่เยาวชนหญิงลุกขึ้นมาฟ้องร้องผู้ที่กระทำทางเพศ
อันนี้เป็นความกล้าหาญที่แหวกธรรมเนียม
ขนบธรรมเนียมวงล้อมประเพณีและต้องการต่อสู้เรื่องการกดขี่ทางเพศ
นั่นก็คือนอกจากการที่กล้าต่อสู้ทางการเมือง กล้าต่อสู้ทางชนชั้น กล้าต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ
ทางการเมือง สังคม แต่ ณ วันนี้
การกล้าออกมาต่อสู้ในประเด็นที่ออกมาฟ้องร้องผู้ที่มีตำแหน่งสูง
ถือว่าเป็นชนชั้นนำ
เพราะอยู่ในครอบครัวของชนชั้นนำในกลุ่มซึ่งอยู่ในพรรคการเมืองจารีตนิยม
และได้กลายเป็นบุคคลในระดับโลกเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ
การที่ผู้กระทำมีตำแหน่งสูงอยู่ในพรรคการเมืองและมาจากครอบครัวชนชั้นนำ
มีการศึกษาสูง อยู่ในตำแหน่งทางธุรกิจก็สูง อยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์ นี่หมายถึงเจ้าตัวซึ่งเป็นที่รู้ทั่วกันว่าเป็นใคร
แล้วเมื่อมาอยู่ในพรรคการเมืองก็มีตำแหน่งถึงกับเป็นรองหัวหน้าพรรค
และเป็นผู้อำนวยการในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เป็นผู้นำคณะของการทำเศรษฐกิจทันสมัยของพรรคประชาธิปัตย์
แปลว่ามีการวางตัวเอาไว้เป็นคนรุ่นใหม่ตามเทรน
อาจจะเลยข้ามจนกระทั่งคนที่ทำงานเศรษฐกิจรุ่นเก่าไม่ว่าจะเป็นคุณกรณ์ หรือคนอื่น ๆ
ก็ตามก็ออกไปตั้งพรรคใหม่
ดังนั้น
พรรคจารีตได้วางตัวคนรุ่นใหม่ที่คิดว่าจะมาต่อสู้ในสนามการเลือกตั้งและสนามการเมืองในอนาคตได้อย่างภาคภูมิใจ
แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์อันนี้ที่เกิดขึ้น เป็นครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นทัศนะทางชนชั้นด้วย
ก็คือทัศนะของชนชั้นที่ไม่แต่เพียงกดขี่ผู้ที่มีความแตกต่างในเรื่องฐานะ เศรษฐกิจ
สังคม อยู่ในร่วมส่วนของชนชั้นนำ ทั้งจารีตนิยม อำนาจนิยม
แต่ยังไม่นำพาเรื่องปัญหาการกดขี่ทางเพศ ดังนั้นเราก็จะได้เห็นข่าวคราวอื้อฉาวอยู่ประจำ
เพราะคนที่ก้าวหน้าจริงเขาจะต้อง นอกจากก้าวข้ามการกดขี่ทางการเมือง ทางชนชั้น
ทางชนชาติ ทางศาสนา แล้วที่สำคัญก็ต้องก้าวข้ามการกดขี่ทางเพศด้วย
ตรงนี้มันจะวัดว่าใครที่ก้าวหน้าจริง
แน่นอน!
ดิฉันไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องถึงขนาดว่าเหมือนกับผู้ที่ไม่มีอะไรผิดพลาดเลย
แต่ว่านี่มันเป็นปัญหาทางหลักการว่า
คนที่ก้าวหน้าจริงต้องตระหนักว่าการกดขี่มีหลายแบบ กดขี่ทางชนชั้น
ทั้งกดขี่ทั้งขูดรีด กดขี่ทางการเมือง และถ้าเห็นเป็นชนชาติส่วนน้อย
ดูถูกว่าไอ้นี่เป็นคนอีสาน ไอ้นี่เป็นคนลาว ทำได้แต่เด็กปั๊ม เป็นได้แค่ลูกจ้าง
ถ้าเป็นคนเหนือ ผู้หญิงก็อ้างว่าต้องไปเป็นผู้หญิงขายตัวอะไรประมาณนั้น
จนกระทั่งลามปามไปหยามเหยียดแม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง
ซึ่งเขามาจากการเลือกตั้ง
นี่ก็เป็นการแสดงการกดขี่ทางเพศที่บ่อยครั้งของพรรคจารีตและมวลชนจารีตที่ออกมาจัดการกับพรรคการเมืองและคนที่มาจากการเลือกตั้ง
ดังนั้น
ความเป็นพรรคจารีตและความไม่สนใจว่าอะไรคือความถูกต้อง ก็มีความเชื่อมั่นตัวเองสูง
มันจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และก็ในสังคมชายเป็นใหญ่ ในสังคมศักดินา
หรือแม้กระทั่งสังคมทุนนิยม สังคมที่มีชนชั้นนำที่กดขี่ชนชั้นต่างหาก
ทัศนะต่อผู้หญิงจะแย่มาก ถ้าเป็นนายทุนบางส่วนก็มีการกดขี่ทางเพศ
ไม่ใช่มีแต่สังคมศักดินา ไม่ใช่มีแต่จารีตนะ ก็คือถือว่าซื้อด้วยเงิน
แต่ว่าถ้าเป็นการกดขี่ของคนในสังคมศักดินาและจารีตก็คือใช้อำนาจเป็นสำคัญ
ใช้อำนาจบังคับ เงินก็ไม่ต้องจ่าย มีเรื่องแล้วถึงอยากจะจ่ายเงิน
ดังนั้น
การที่เยาวชนหญิงและแม้กระทั่งหลายคนอย่างคุณแอนนา ภรรยาคุณลูกนัท ออกมา
เขารู้ว่าที่ผ่านมาบางทีเอาผิดยาก แต่กล้าที่จะเปิดตัวกับสังคมว่าเขาถูกกระทำ
กระทั่งถูกข่มขืน
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คือประเภทที่ว่าต้องก้มหน้าจำยอมเพราะไม่กล้าออกมาพูด กลัวอับอาย
กลัวขายหน้า ตัวเองขายหน้า พ่อแม่ก็ขายหน้า ถ้าเป็นสามีภรรยาก็ขายหน้า
ดังนั้นดิฉันต้องชมคุณแอนนาและคุณลูกนัทด้วย คือผู้ชายที่สามารถยอมรับและเปิดเผยเรื่องเช่นนี้ได้
ดิฉันชื่นชม ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้หญิง คือต้องเข้าใจว่าต้องยืนอยู่ข้างผู้ถูกกระทำ
คุณจะอับอายขายหน้าแล้วปล่อยให้คนชั่วลอยนวลอย่างนั้นหรือ?
เพราะฉะนั้น
การกระทำของกลุ่มจารีตและอำนาจนิยมซึ่งกระทำต่อเพศหญิงมันจึงเป็นเรื่องที่มียาวนาน
ผู้หญิงนอกจากถูกกระทำในทางเศรษฐกิจ ในทางการเมือง เหมือนกับผู้ชาย
แต่ว่ามันถูกกดขี่ซ้ำซ้อนด้วยปัญหาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถือว่าผู้หญิงมีแอกตั้ง 3
ตัวอยู่ แอกทางชนชั้น แอกทางขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณและการกดขี่ทางเพศ
เป็นผู้หญิงนี่ ก็ต้องยอม
เช่นที่ผ่านมาในอดีตนั่นก็คือในสังคมโดยเฉพาะศักดินาตะวันออก ในหนึ่งครอบครัวก็เรียกว่ามีภรรยาใหญ่
มีเมียใหญ่ มีเมียเล็ก เมียน้อย อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
กระทั่งตอนจะเขียนกฎหมายใหม่ (ในยุค ร.5)
โชคดีที่ตอนนั้นเราได้ที่ปรึกษากฎหมายเป็นคนญี่ปุ่น
ก็ถ้าจะเขียนเรื่องของครอบครัวเรื่องหนึ่งภรรยา ปรากฏว่าขุนนางไทยไม่ยอม
ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว มีเมียทาส เมียไพร่ เมียที่ไถ่ถอนมา อะไรต่าง
ๆ เหล่านี้เยอะแยะ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เขาก็บอกญี่ปุ่นก็เหมือนกัน
แต่ญี่ปุ่นก็ต้องเปลี่ยน
จึงทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้ทันสมัยเป็นครอบครัวเดียวได้ นี่ดิฉันยกตัวอย่าง
แม้กระทั่งในสมัยรัชกาลที่
6 ก็พยายามจะทำเช่นนั้น แม้จะมีเรื่องนินทาเรื่องอื่นก็ตาม
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นว่าหลังจากนั้น ร.6, ร.7, ร.8, ร.9
ก็พยายามปฏิบัติตามที่มันได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายมาแล้ว
นี่ดิฉันก็พูดไปตามเนื้อผ้านะคะ ตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นในขณะนี้
ดิฉันถือว่าการที่แหวกขนบธรรมเนียมแล้วกล้าเปิดเผยตัวตนว่าตัวเองถูกกระทำอย่างไร
โดยไม่กลัวว่าจะถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงที่ถูกข่มขืนแล้วกล้ามาพูดอะไรต่าง ๆ
เหล่านี้ เป็นนิมิตหมายที่ดี ดิฉันขอชื่นชมความกล้าหาญและแบบอย่าง
และมันต้องเป็นแบบนี้ค่ะ เพื่อที่จะให้ผู้หญิงและรวมทั้งเพศอื่น ๆ
เพราะขณะนี้เรามีความหลากหลายเรื่องของทางเพศมาก มันจำเป็นต้องใจกว้าง
จำเป็นต้องเข้าใจว่านี่คือความเป็นจริงของสังคมสมัยใหม่
คุณจะไปกดเอาไว้เหมือนเดิมไม่ได้ และเขาเป็นคนเหมือนกัน
คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกดขี่เขาเพราะว่าเขาเป็นผู้หญิง
คุณไม่มีสิทธิ์กดขี่เขาเพราะเขาเป็นเพศอื่น คุณไม่มีสิทธิ์กดขี่เพราะว่าเขาเป็นลาว
เป็นแขก เป็นพม่า หรือแม้กระทั่งเป็นโรฮิงญา เพราะว่าเขาเป็นมนุษย์เหมือนกัน
นี่คือเรื่องของมนุษย์ในฐานะที่เป็นพลเมืองโลก
และคนที่ก้าวหน้าจริงเขาก็จะไม่กระทำ
และดิฉันก็ขอเพิ่มเติมว่า
ดิฉันก็ขอชื่นชมคุณมิลลิ ซึ่งออกมาแร็พภาษาไทยในเวทีโลก
ด้วยความพยายามที่จะช่วยเหลือภาพลักษณ์ของประเทศที่จะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวดีขึ้น
ก็มีการเชียร์เรื่องข้าวเหนียวมะม่วง อันนี้ก็เป็นที่พูดกันว่า soft power จริง จริง ๆ soft power มีหลายประเด็น
แต่อันนี้เราใช้ภาษาอังกฤษได้ตรงเพราะว่ามันออกสู่เวทีโลก
แต่ในเวทีประเทศไทย
ดิฉันเรียกร้องให้มีงานเขียน มีบทกวี มีเพลง
แล้วก็มีเรื่องราวและวรรณกรรมที่พูดถึงการกดขี่ทางเพศ ปัญหาเพศทางเลือกและเพศหญิงในฐานะเท่าเทียมกัน
ดังนั้น เราไม่แต่เพียงต่อสู้ให้คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง
มีความเท่าเทียมทางการเมือง
แต่ความเท่าเทียมมันต้องเป็นความเท่าเทียมในรูปการจิตสำนึกว่าในตัวเองนั้นถึงแม้ปากจะบอกว่าต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม
บางคนก็ชูสามนิ้วด้วย ต้องการให้มีความยุติธรรม แสดงตัวว่าเป็นคนที่ก้าวหน้า เป็นนักการเมืองที่ก้าวหน้า
เป็นพรรคการเมืองที่ก้าวหน้า เป็นนักเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้า แต่ลึก ๆ
ในใจนั้นยังมีการกดขี่ทางเพศ มีการกดขี่คนที่เขาเรียนน้อยกว่า
เพราะฉะนั้นฉันต้องพยายามไปหาปริญญาด็อกเตอร์ให้ได้ แล้วมาเขียนคำนำหน้าว่าด็อกเตอร์
ไม่รู้ว่าได้มาด้วยวิธีไหน กดขี่คนว่าเขาเรียนน้อยกว่า
กดขี่คนว่าเขามาจากเชื้อชาติที่ดูเหมือนต่ำกว่า เคยเป็นเมืองขึ้นของเรา หรือเปล่า?
กดขี่คนเพราะว่าเป็นผู้หญิง กดขี่เพราะว่าเขาเป็นคนพิการ ต้องแก้ไขในเรื่องนี้
เพราะถ้ารูปการณ์จิตสำนึกยังเหยียดหยามคนลึก ๆ อยู่เช่นนี้
คุณไม่ใช่คนก้าวหน้าจริงค่ะ
ดังนั้นจะหลอกคนไปได้ไม่นาน
แก้ไข ให้เรียนรู้ว่าเราจะต้องก้าวไปข้างหน้า รูปการณ์จิตสำนึกที่มีก็ต้องแก้ไข
เพราะดิฉันขอยืนยันว่าการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า
ความเท่าเทียมกันมันต้องมีทุกส่วน ไม่ใช่แต่เฉพาะการเมืองอย่างเดียวค่ะ
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์