เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
บุกทำเนียบทวงสัญญาที่รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ จี้แก้ปัญหาปากท้อง
ด้านเจ้าหน้าที่สกัดให้ยื่นหนังสือได้ที่เชิงสะพานชมัยฯ
วันนี้ (8 ก.พ. 65)
ตามที่เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนพร้อมแนวร่วมเครือข่ายนัดหมายทำกิจกรรมหน้าทำเนียบรัฐบาล
เพื่อมาติดตามเรื่องเดิมเพื่อทวงถามข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล กรณีการแก้ไขปัญหาของแพง
ค่าแรงต่ำ ด้วยมาตรการเร่งด่วนที่จะแก้ไขสินค้าราคาแพง ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้
พร้อมทั้งทวงถามนโยบายตามที่เคยหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง
แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อาทิ การขึ้นค่าแรง 425 บาท หรือ
ค่าแรงวุฒิปริญญาตรี 20,000 บาท
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดม็อบด้วยแผงเหล็กไม่ให้ประชิดทำเนียบรัฐบาล
ให้เหตุผลว่าเกรงรบกวนการประชุม ครม. ทำให้เครือข่ายฯ ต้องจัดกิจกรรมบริเวณถนนพิษณุโลก หน้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
เวลาประมาณ
10.30 น. กลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ และ
นายเซีย จำปาทอง ประธานสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ เดินทางเข้าพื้นที่
พร้อมด้วยรถเครื่องเสียงและมวลชนที่ถือป้ายไวนิลนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐระบุว่า
จะมีการดันค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท, ป.ตรี
เงินเดือน 2 หมื่น อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี, เสนอยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี, ลดภาษี 10% บุคคลธรรมดา
ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยืนอยู่ที่หน้าแผงเหล็กที่เจ้าหน้าตำรวจกั้นไว้ที่หน้าคณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ยาวไปจนถึงฝั่งหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม
พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องตั้งแนวอยู่หลังแผงเหล็ก
จากนั้น
เวลา 10.45
น. ตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ อาทิ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน,
กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, สหภาพคนทำงาน เป็นต้น ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยผ่านรถเครื่องขยายเสียง
โดยระบุว่าเครือข่ายฯ
ได้ทำการยื่นหนังสือกับรัฐบาลไปแล้วและได้มีการมาทวงถามหลายครั้ง
แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยให้คำตอบใด ๆ
รวมทั้งกล่าวอีกว่าปกติเวลามาเรียกร้องหรือทวงถามจะไม่มีการปิดกั้นใด ๆ
แต่วันนี้ปิดทุกเส้นทางที่จะมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล
แค่พวกตนต้องการที่จะมาทวงถามก็มีการปิดกั้น นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
ขณะที่นายสมยศ
พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24
มิถุนาประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวว่า
สถานการณ์บ้านเมืองของเราในตอนนี้เกิดภาวะวิกฤตโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรื่องโควิดและเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออกที่ตกต่ำหรือการท่องเที่ยวตกต่ำ
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจชิ้นสำคัญของประเทศไทย
แต่ในขณะนี้มีปัญหาการส่งออกที่ทำได้ลดลงและการท่องเที่ยวลดลงจากสถานการณ์โควิด
เหลือปัจจัยเดียวที่จะสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้คือตลาดภายในประเทศหรือการบริโภคภายในประเทศ
การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้
วันนี้จึงอยากส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ปรับลดภาษีน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันสรรพสามิตลงอีกลิตรละ
6 บาท ซึ่งจะทำให้เราได้น้ำมันในราคาที่ถูกลง
จะช่วยลดค่าสินค้าราคาแพงและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ก่อนที่รัฐบาลจะมีอันเป็นไป
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะหมดสภาพ ซึ่งตอนนี้ถือว่าหมดสภาพการเป็นนายกฯ
เรียบร้อยแล้วหลังจากเหตุการณ์ลาออกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และหลาย ๆ คนกำลังกระโดดออกจากพรรคพลังประชารัฐ
และจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ไร้เสถียรภาพ
นายสมยศกล่าวทิ้งท้าย
ขอฝากปัญหาว่าก่อนที่ประยุทธ์จะสิ้นสภาพไปในเร็ววันนี้
ก็หวังว่าจะทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
โดยเฉพาะการลดราคาน้ำมันลงซึ่งจะช่วยให้สินค้าราคาไม่แพงมากนัก
ด้านธัชพงศ์
แกดำ หรือบอย
กล่าวว่าปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเกิดจากรัฐบาลชุดนี้ไม่คิดจะแก้ปัญหา
รัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจแก้ปัญหาให้ประชาชนคิดแต่ว่าทำอย่างไรให้ตนเองกลับมาเป็นรัฐบาล
และวันนี้เสถียรภาพของการเป็นนายกฯของประยุทธ์ จันทร์โอชา จบลงแล้ว
ธัชพงศ์
กล่าวอีกว่า จำเอาไว้นะครับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
แม้แต่เป็นรัฐมนตรีก็จะไม่ได้เป็น ตำแหน่งสำคัญ ๆ
ที่ใครว่าจะเป็นองคมนตรีก็จะไม่ได้เป็นตำแหน่งอะไรเลย
สายการเมืองต่าง
ๆ สายราชการต่าง ๆ ต้องเด็ดเดี่ยว โดดเดี่ยวประยุทธ์และมาอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน
ให้ความสำคัญของปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมเชิญชวนประชาชน
ไม่เลือกพรรคพปชร.และพรรคร่วมรัฐบาล ในเลือกตั้งครั้งต่อไป ธัชพงศ์กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นเวลา
11.45 น. กลุ่มเครือข่ายแรงงานฯ เจรจาขอเข้าไปใกล้ทำเนียบมากกว่านี้
เพื่อยื่นหนังสือและพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาล
ขณะที่ผู้กำกับสน.นางเลิ้งได้ประกาศว่า การรวมตัวในวันนี้เป็นลักษณะที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
และซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ทำให้เกิดการโต้ตอบระหว่างแกนนำเครือข่ายฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดแผงเหล็กที่กั้นผู้ชุมนุมไว้และให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปยื่นหนังสือบริเวณแนวกั้นเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ
โดยจะส่งตัวแทนรัฐบาลมารับฟังข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มเครือข่ายแรงงานฯ ได้มีการเสนอไว้เมื่อวันที่
28 มกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นำเครื่องขยายเสียงเข้าไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากตอนนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีจะเป็นการรบกวน
จากนั้น 12.05 น.ทางรัฐบาลได้ส่งตัวแทนคือ นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการออกมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมบริเวณแยกพาณิชยการ
โดยกล่าวว่านายกฯ
ไม่ได้นิ่งนอนใจกับข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนและได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแก้ไข
ขณะที่น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม แกนนำกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่าถ้านายกฯ เห็นความสำคัญของหนังสือขอให้ออกมาแถลงว่าข้อเรียกร้องวันนี้ที่เครือข่ายแรงงานฯ มายื่นนั้นสามารถทำได้หรือทำไม่ได้เพราะอะไร?
ถ้าวันนี้ท่านบอกว่าทุกเรื่องท่านรับหนังสือไปและไม่ได้นิ่งนอนใจขอให้แถลงข้อเรียกร้องทั้งหมดที่มายื่นในวันนี้
และเย็นนี้ขอให้มีการออกแถลง ถ้าไม่แถลงจะขอสาปแช่งพล.อ.ประยุทธ์ ให้มีอันเป็นไป
ไม่ต้องอยู่ในรัฐสภานี้อีก เพราะเราต้องการคนที่จะมาแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน
ขอให้ท่านที่มารับหนังสือวันนี้ได้นำเรื่องนี้ส่งให้กับนายกฯด้วย
ต่อมา น.ส.ธนพร
เป็นตัวแทนเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์
ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
จากนั้นผู้ร่วมกิจกรรมได้ใช้เท้าเหยียบลงไปที่ป้ายไวนิลหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ
พร้อมกล่าวว่า ช่วยกันไล่ไปเลยพรรคนี้ ให้ออกไปจากประเทศไทยสักที
เพราะไม่ได้เรื่อง เป็นพรรคที่โกหกหลอกลวง
#ม็อบ8กุมภา65 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์