วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน บุกทำเนียบทวงสัญญาที่รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ จี้แก้ปัญหาปากท้อง ด้านเจ้าหน้าที่สกัดให้ยื่นหนังสือได้ที่เชิงสะพานชมัยฯ

 


เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน บุกทำเนียบทวงสัญญาที่รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้ จี้แก้ปัญหาปากท้อง ด้านเจ้าหน้าที่สกัดให้ยื่นหนังสือได้ที่เชิงสะพานชมัยฯ

 

วันนี้ (8 ก.พ. 65) ตามที่เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนพร้อมแนวร่วมเครือข่ายนัดหมายทำกิจกรรมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาติดตามเรื่องเดิมเพื่อทวงถามข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล กรณีการแก้ไขปัญหาของแพง ค่าแรงต่ำ ด้วยมาตรการเร่งด่วนที่จะแก้ไขสินค้าราคาแพง ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ พร้อมทั้งทวงถามนโยบายตามที่เคยหาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อาทิ การขึ้นค่าแรง 425 บาท หรือ ค่าแรงวุฒิปริญญาตรี 20,000 บาท

 

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดม็อบด้วยแผงเหล็กไม่ให้ประชิดทำเนียบรัฐบาล ให้เหตุผลว่าเกรงรบกวนการประชุม ครม. ทำให้เครือข่ายฯ ต้องจัดกิจกรรมบริเวณถนนพิษณุโลก หน้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

 

เวลาประมาณ 10.30 น. กลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ และ นายเซีย จำปาทอง ประธานสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ เดินทางเข้าพื้นที่ พร้อมด้วยรถเครื่องเสียงและมวลชนที่ถือป้ายไวนิลนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐระบุว่า จะมีการดันค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท, ป.ตรี เงินเดือน 2 หมื่น อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี, เสนอยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี, ลดภาษี 10% บุคคลธรรมดา

 

ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยืนอยู่ที่หน้าแผงเหล็กที่เจ้าหน้าตำรวจกั้นไว้ที่หน้าคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ยาวไปจนถึงฝั่งหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องตั้งแนวอยู่หลังแผงเหล็ก

 

จากนั้น เวลา 10.45 น. ตัวแทนกลุ่มต่าง ๆ อาทิ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, สหภาพคนทำงาน เป็นต้น ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยผ่านรถเครื่องขยายเสียง โดยระบุว่าเครือข่ายฯ ได้ทำการยื่นหนังสือกับรัฐบาลไปแล้วและได้มีการมาทวงถามหลายครั้ง แต่รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยให้คำตอบใด ๆ รวมทั้งกล่าวอีกว่าปกติเวลามาเรียกร้องหรือทวงถามจะไม่มีการปิดกั้นใด ๆ แต่วันนี้ปิดทุกเส้นทางที่จะมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล แค่พวกตนต้องการที่จะมาทวงถามก็มีการปิดกั้น นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

 

ขณะที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองของเราในตอนนี้เกิดภาวะวิกฤตโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรื่องโควิดและเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออกที่ตกต่ำหรือการท่องเที่ยวตกต่ำ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจชิ้นสำคัญของประเทศไทย แต่ในขณะนี้มีปัญหาการส่งออกที่ทำได้ลดลงและการท่องเที่ยวลดลงจากสถานการณ์โควิด เหลือปัจจัยเดียวที่จะสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้คือตลาดภายในประเทศหรือการบริโภคภายในประเทศ การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้

 

วันนี้จึงอยากส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ปรับลดภาษีน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันสรรพสามิตลงอีกลิตรละ 6 บาท ซึ่งจะทำให้เราได้น้ำมันในราคาที่ถูกลง จะช่วยลดค่าสินค้าราคาแพงและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน

 

ก่อนที่รัฐบาลจะมีอันเป็นไป ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะหมดสภาพ ซึ่งตอนนี้ถือว่าหมดสภาพการเป็นนายกฯ เรียบร้อยแล้วหลังจากเหตุการณ์ลาออกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และหลาย ๆ คนกำลังกระโดดออกจากพรรคพลังประชารัฐ และจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ไร้เสถียรภาพ

 

นายสมยศกล่าวทิ้งท้าย ขอฝากปัญหาว่าก่อนที่ประยุทธ์จะสิ้นสภาพไปในเร็ววันนี้ ก็หวังว่าจะทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการลดราคาน้ำมันลงซึ่งจะช่วยให้สินค้าราคาไม่แพงมากนัก

 

ด้านธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย กล่าวว่าปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเกิดจากรัฐบาลชุดนี้ไม่คิดจะแก้ปัญหา รัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจแก้ปัญหาให้ประชาชนคิดแต่ว่าทำอย่างไรให้ตนเองกลับมาเป็นรัฐบาล และวันนี้เสถียรภาพของการเป็นนายกฯของประยุทธ์ จันทร์โอชา จบลงแล้ว

 

ธัชพงศ์ กล่าวอีกว่า จำเอาไว้นะครับ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก แม้แต่เป็นรัฐมนตรีก็จะไม่ได้เป็น ตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่ใครว่าจะเป็นองคมนตรีก็จะไม่ได้เป็นตำแหน่งอะไรเลย

 

สายการเมืองต่าง ๆ สายราชการต่าง ๆ ต้องเด็ดเดี่ยว โดดเดี่ยวประยุทธ์และมาอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน ให้ความสำคัญของปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมเชิญชวนประชาชน ไม่เลือกพรรคพปชร.และพรรคร่วมรัฐบาล ในเลือกตั้งครั้งต่อไป ธัชพงศ์กล่าวทิ้งท้าย

 

จากนั้นเวลา 11.45 น. กลุ่มเครือข่ายแรงงานฯ เจรจาขอเข้าไปใกล้ทำเนียบมากกว่านี้ เพื่อยื่นหนังสือและพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาล ขณะที่ผู้กำกับสน.นางเลิ้งได้ประกาศว่า การรวมตัวในวันนี้เป็นลักษณะที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดการโต้ตอบระหว่างแกนนำเครือข่ายฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดแผงเหล็กที่กั้นผู้ชุมนุมไว้และให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปยื่นหนังสือบริเวณแนวกั้นเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ โดยจะส่งตัวแทนรัฐบาลมารับฟังข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มเครือข่ายแรงงานฯ ได้มีการเสนอไว้เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นำเครื่องขยายเสียงเข้าไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากตอนนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีจะเป็นการรบกวน

 

จากนั้น 12.05 น.ทางรัฐบาลได้ส่งตัวแทนคือ นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการออกมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมบริเวณแยกพาณิชยการ โดยกล่าวว่านายกฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนและได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแก้ไข

 

ขณะที่น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม แกนนำกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่าถ้านายกฯ เห็นความสำคัญของหนังสือขอให้ออกมาแถลงว่าข้อเรียกร้องวันนี้ที่เครือข่ายแรงงานฯ มายื่นนั้นสามารถทำได้หรือทำไม่ได้เพราะอะไร?

 

ถ้าวันนี้ท่านบอกว่าทุกเรื่องท่านรับหนังสือไปและไม่ได้นิ่งนอนใจขอให้แถลงข้อเรียกร้องทั้งหมดที่มายื่นในวันนี้ และเย็นนี้ขอให้มีการออกแถลง ถ้าไม่แถลงจะขอสาปแช่งพล.อ.ประยุทธ์ ให้มีอันเป็นไป ไม่ต้องอยู่ในรัฐสภานี้อีก เพราะเราต้องการคนที่จะมาแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน ขอให้ท่านที่มารับหนังสือวันนี้ได้นำเรื่องนี้ส่งให้กับนายกฯด้วย

 

ต่อมา น.ส.ธนพร เป็นตัวแทนเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

 

จากนั้นผู้ร่วมกิจกรรมได้ใช้เท้าเหยียบลงไปที่ป้ายไวนิลหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกล่าวว่า ช่วยกันไล่ไปเลยพรรคนี้ ให้ออกไปจากประเทศไทยสักที เพราะไม่ได้เรื่อง เป็นพรรคที่โกหกหลอกลวง


#ม็อบ8กุมภา65 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์