วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

สภาต้องฟังเสียงประชาชน “เท่าพิภพ” รับหนังสือ "ทะลุฟ้า-ประชาชนเบียร์' หนุนสภารับร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ชี้! คือก้าวแรกของการปลดล็อก ทลายทุนผูกขาด สานฝันอนาคตสุราไทย

 


สภาต้องฟังเสียงประชาชน “เท่าพิภพ”  รับหนังสือ "ทะลุฟ้า-ประชาชนเบียร์' หนุนสภารับร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ชี้! คือก้าวแรกของการปลดล็อก ทลายทุนผูกขาด สานฝันอนาคตสุราไทย


วันนี้ (9 ก.พ. 65) ที่อาคารรัฐสภา นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. เขต 22 พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ….  ที่สภาผู้เเทนราษฎรจะมีการพิจารณาเพื่อลงมติในวาระ 1 ในวันนี้ เป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล รับหนังสือจากภาคประชาชนที่เรียกร้องให้สภารับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเป็นก้าวแรกในการปลดล็อกกฎหมาย ทลายทุนผูกขาด และเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงการผลิตได้


"หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน จะเป็นก้าวเเรกของการปลดล็อกเบียร์และสุราพื้นบ้านให้ประชาชนได้มีโอกาสผลิตสุราจากวัตถุดิบในพื้นที่ เป็นการยกระดับและสร้างรายได้ให้ประชาชน วันนี้ตั้งเเต่ช่วงเช้ามีประชาชนและกลุ่มผู้ค้าสุรา เจ้าของสถานประกอบการ เดินทางมายังหน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องและกดดันให้สภารับร่างกฎหมายฉบับนี้ และให้รัฐบาลถอดถอนญัตติขอการอุ้มร่างกฎหมายออกไป ผมอยากให้ผู้มีอำนาจได้ฟังเสียงของประชาชนที่มาในวันนี้ด้วย" เท่าพิภพ ระบุ


ด้าน ธนากร ท้วมเสงี่ยม ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าและประชาชนเบียร์ กล่าวว่า เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในวงการสุรา แต่พวกเราเจอปัญหามากมายเกี่ยวกับกฎหมายรัฐไทยที่ไม่เคยมองเราเป็นประชาชนเลย กฎหมายแบบนี้มองประชาชนชาวสุราไม่ต่างจากศัตรูของรัฐ ถูกบีบบังคับให้ทำได้ยาก การจะมีพื้นที่อยู่ในสื่อก็ทำได้ยาก การจะพูดถึงเเบรนด์  การจะทำปริมาณที่มันใหญ่ขึ้น มีคุณภาพขึ้นทำได้ยาก ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าไปอยู่ในตลาดได้จริง ๆ


"เราคิดว่า ร่างพรบ.สุราก้าวหน้านี้เปิดโอกาสให้ประชาชนคนธรรมดามีโอกาสมากขึ้นในการผลิตสุราที่เยอะขึ้นมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะกฎหมายกำหนดสูงเกินกว่าที่เราไปแตะได้  ทำให้เราได้เข้าถึงการผลิตสุราได้อย่างเท่าเทียมนายทุน ทั้งผลิตเพื่อดื่มเองหรือผลิตเพื่อจำหน่าย  เราไม่สามารถผลิตได้เป็นหมื่นลิตรต่อวัน เป็นล้านลิตรต่อปี มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำอย่างนั้นได้ มันเปิดโอกาสให้แก่คนเพียงไม่กี่คน ที่พวกเขายึดอำนาจการดื่มกินของพวกเราไปหมดเเล้ว เราจึงขอกดดันให้พรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน พรรคการเมืองเห็นแก่ปากท้องของประชาชน ร่วมโหวตให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน อาทิ พรรคภูมิใจไทย ที่เคยผลักดันเรื่องกัญชาซึ่งน่าจะเป็นมุมมองเดียวกัน และอย่างกรณีร้อยเอกธรรมนัส ที่ผลิตสุราชุมชนในพื้นที่ตนเองอยู่แล้ว อยากให้มองเห็นประโยชน์ ปากท้องประชาชนเช่นกัน"

 

ขณะที่ นิก อนุมานราชธน กล่าวในฐานะผู้ประกอบการคอกเทลบาร์และสุราชุมชน  ว่า ในส่วนคอกเทลบาร์มีปัญหาที่เราไม่สามารถเอาคอกเทลที่ผสมไว้ใส่ขวดและขายให้นำกลับบ้านได้  เพราะมีเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่กฎหมายห้ามไว้อยู่ ส่วนทางสุราชุมชนก็คือ เรื่องของกำลังผลิตที่จำกัดไว้ 5 เเรงม้า 7 เเรงคน ที่เราไม่สามารถขยายฐานหรือเพิ่มความสามารถในการผลิตให้สุรามีคุณภาพยิ่งขึ้นเพื่อไปเเข่งขันในตลาดได้


"เราอยากให้มองถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่หายไปจากสิ่งที่รัฐผูกขาด เวลาเราไปต่างประเทศ เราจะใช้สถานที่โรงกลั่นสุราเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ในไทยไม่มี เพราะเราถูกปิดกั้นไว้ ในต่างประเทศมีการนำเอาผลไม้ต่าง ๆ มาแปรรูปเป็นสุรา ประเทศเราไม่สามารถทำได้ เพราะมีกฎหมายบังคับให้ประชาชนลืมตาอ้าปากไม่ได้ จึงขอฝากทุกคนร่วมกดดันให้ ส.ส. ในสภาวันนี้ให้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเป็นการปลดล็อกให้สามารถผลิตสุราพื้นบ้านและยกระดับสร้างมูลค่าให้แก่ท้องถิ่น และเราอยากให้รัฐมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นสิทธิในการประกอบอาชีพเรา "


ขณะที่ ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีผลิตอาหาร ด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ตนรู้จักผู้ประกอบการสุราชุมชนทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นผู้ให้ความรู้ในการพัฒนาสุราชุมชน ซึ่งสุราชุมชนถูกจำกัดอยู่ที่ 5 แรงม้า และคนงานไม่น้อยกว่า 7 คน การที่จะผลิตสุราชุมชนที่มีคุณภาพจะต้องอาศัยกำลังผลิตเครื่องมือ เครื่องจักรที่เพียงพอ มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ มีการพัฒนาที่สากลยอมรับ เช่น รัม วอสก้า แต่ปัจจุบันสุราชุมชนที่อนุญาตไม่ได้เป็นโรงงานทำได้เพียงสุราขาว ดังนั้นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ชุมชนผลิต จะระบุเสมอว่า ทำเเล้วคุณภาพไม่ดี การที่เราไม่สามารถผลิตเท่าเทียมต่างประเทศได้เพราะข้อจำกัดตรงนี้ หากใครจะทำสุราที่มีคุณภาพ จะต้องมีกำลังผลิตอย่างน้อย 9 หมื่นลิตรต่อวัน ซึ่งต้องใช้ทุนมหาศาล ซึ่งชาวบ้านมีวัตถุดิบทางธรรมชาติที่สามารถทำสุราที่มีคุณภาพได้ อาทิ อ้อย ลำไย ลิ้นจี่ ซึ่งในต่างประเทศไม่มี เมื่อนำสุราประเภทนี้บ่มกับไม้โอ๊คจะได้สุราที่ดีกว่าวิสกี้ ในต่างประเทศ


"เเต่วันนี้ทำไม่ได้ ขอให้ส.ส.ช่วยกดดันไม่อนุญาตให้รัฐบาลนำร่างกฎหมายนี้ไปศึกษา 2 เดือน ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจากนั้นก็จะขอยืดเวลาออกไปอีกหรือไม่ ขอให้ส.ส.ร่วมลงมติอีกครั้งเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการในการพิจารณาตรงนี้ในการหารือกันจะดีกว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่ประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เเต่เป็นประโยชน์ของประชาชน รายเล็กรายน้อย ผลประโยชน์ของเกษตรกรในการนำวัตถุดิบมาสร้างมูลค่า สร้างรายได้ ยกระดับให้ชุมชน และกรณีเรื่องของการต่อต้าน การโฆษณาเมาเเล้วขับ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เรากำลังจะนำเสนอข้อจำกัดในการแก้ปัญหาผู้ประกอบการที่ถูกควบคุมการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การพูดถึงสุรา เพราะในขณะประเทศเราเริ่มมองไปในทิศทางการเห็นสุราเป็นศัตรู พยายามสร้างสุราให้เป็นปีศาจ แต่ในนานาอารยประเทศสุราเป็นสิ่งที่สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ"


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์