สภาต้องฟังเสียงประชาชน
“เท่าพิภพ” รับหนังสือ
"ทะลุฟ้า-ประชาชนเบียร์' หนุนสภารับร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ชี้! คือก้าวแรกของการปลดล็อก ทลายทุนผูกขาด สานฝันอนาคตสุราไทย
วันนี้
(9 ก.พ. 65) ที่อาคารรัฐสภา นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. เขต 22 พรรคก้าวไกล
ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ….
ที่สภาผู้เเทนราษฎรจะมีการพิจารณาเพื่อลงมติในวาระ 1 ในวันนี้ เป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล
รับหนังสือจากภาคประชาชนที่เรียกร้องให้สภารับหลักการร่างกฎหมายดังกล่าว
เพื่อเป็นก้าวแรกในการปลดล็อกกฎหมาย ทลายทุนผูกขาด
และเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงการผลิตได้
"หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน
จะเป็นก้าวเเรกของการปลดล็อกเบียร์และสุราพื้นบ้านให้ประชาชนได้มีโอกาสผลิตสุราจากวัตถุดิบในพื้นที่
เป็นการยกระดับและสร้างรายได้ให้ประชาชน วันนี้ตั้งเเต่ช่วงเช้ามีประชาชนและกลุ่มผู้ค้าสุรา
เจ้าของสถานประกอบการ เดินทางมายังหน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องและกดดันให้สภารับร่างกฎหมายฉบับนี้
และให้รัฐบาลถอดถอนญัตติขอการอุ้มร่างกฎหมายออกไป
ผมอยากให้ผู้มีอำนาจได้ฟังเสียงของประชาชนที่มาในวันนี้ด้วย" เท่าพิภพ ระบุ
ด้าน
ธนากร ท้วมเสงี่ยม ตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้าและประชาชนเบียร์ กล่าวว่า เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ
ที่อยู่ในวงการสุรา แต่พวกเราเจอปัญหามากมายเกี่ยวกับกฎหมายรัฐไทยที่ไม่เคยมองเราเป็นประชาชนเลย
กฎหมายแบบนี้มองประชาชนชาวสุราไม่ต่างจากศัตรูของรัฐ ถูกบีบบังคับให้ทำได้ยาก
การจะมีพื้นที่อยู่ในสื่อก็ทำได้ยาก การจะพูดถึงเเบรนด์ การจะทำปริมาณที่มันใหญ่ขึ้น มีคุณภาพขึ้นทำได้ยาก
ยากเกินกว่าที่เราจะเข้าไปอยู่ในตลาดได้จริง ๆ
"เราคิดว่า
ร่างพรบ.สุราก้าวหน้านี้เปิดโอกาสให้ประชาชนคนธรรมดามีโอกาสมากขึ้นในการผลิตสุราที่เยอะขึ้นมากกว่าที่กฎหมายกำหนด
เพราะกฎหมายกำหนดสูงเกินกว่าที่เราไปแตะได้
ทำให้เราได้เข้าถึงการผลิตสุราได้อย่างเท่าเทียมนายทุน ทั้งผลิตเพื่อดื่มเองหรือผลิตเพื่อจำหน่าย เราไม่สามารถผลิตได้เป็นหมื่นลิตรต่อวัน
เป็นล้านลิตรต่อปี มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะทำอย่างนั้นได้
มันเปิดโอกาสให้แก่คนเพียงไม่กี่คน
ที่พวกเขายึดอำนาจการดื่มกินของพวกเราไปหมดเเล้ว เราจึงขอกดดันให้พรรครัฐบาล
พรรคฝ่ายค้าน พรรคการเมืองเห็นแก่ปากท้องของประชาชน
ร่วมโหวตให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน อาทิ พรรคภูมิใจไทย
ที่เคยผลักดันเรื่องกัญชาซึ่งน่าจะเป็นมุมมองเดียวกัน และอย่างกรณีร้อยเอกธรรมนัส
ที่ผลิตสุราชุมชนในพื้นที่ตนเองอยู่แล้ว อยากให้มองเห็นประโยชน์
ปากท้องประชาชนเช่นกัน"
ขณะที่
นิก อนุมานราชธน กล่าวในฐานะผู้ประกอบการคอกเทลบาร์และสุราชุมชน ว่า
ในส่วนคอกเทลบาร์มีปัญหาที่เราไม่สามารถเอาคอกเทลที่ผสมไว้ใส่ขวดและขายให้นำกลับบ้านได้
เพราะมีเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่กฎหมายห้ามไว้อยู่ ส่วนทางสุราชุมชนก็คือ
เรื่องของกำลังผลิตที่จำกัดไว้ 5 เเรงม้า 7 เเรงคน
ที่เราไม่สามารถขยายฐานหรือเพิ่มความสามารถในการผลิตให้สุรามีคุณภาพยิ่งขึ้นเพื่อไปเเข่งขันในตลาดได้
"เราอยากให้มองถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจที่หายไปจากสิ่งที่รัฐผูกขาด
เวลาเราไปต่างประเทศ เราจะใช้สถานที่โรงกลั่นสุราเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
แต่ในไทยไม่มี เพราะเราถูกปิดกั้นไว้ ในต่างประเทศมีการนำเอาผลไม้ต่าง ๆ มาแปรรูปเป็นสุรา
ประเทศเราไม่สามารถทำได้ เพราะมีกฎหมายบังคับให้ประชาชนลืมตาอ้าปากไม่ได้
จึงขอฝากทุกคนร่วมกดดันให้ ส.ส. ในสภาวันนี้ให้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
เพื่อเป็นการปลดล็อกให้สามารถผลิตสุราพื้นบ้านและยกระดับสร้างมูลค่าให้แก่ท้องถิ่น
และเราอยากให้รัฐมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นสิทธิในการประกอบอาชีพเรา "
ขณะที่
ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีผลิตอาหาร ด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กล่าวว่า ตนรู้จักผู้ประกอบการสุราชุมชนทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นผู้ให้ความรู้ในการพัฒนาสุราชุมชน
ซึ่งสุราชุมชนถูกจำกัดอยู่ที่ 5 แรงม้า และคนงานไม่น้อยกว่า 7 คน
การที่จะผลิตสุราชุมชนที่มีคุณภาพจะต้องอาศัยกำลังผลิตเครื่องมือ
เครื่องจักรที่เพียงพอ มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ มีการพัฒนาที่สากลยอมรับ เช่น รัม
วอสก้า แต่ปัจจุบันสุราชุมชนที่อนุญาตไม่ได้เป็นโรงงานทำได้เพียงสุราขาว
ดังนั้นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ชุมชนผลิต จะระบุเสมอว่า ทำเเล้วคุณภาพไม่ดี
การที่เราไม่สามารถผลิตเท่าเทียมต่างประเทศได้เพราะข้อจำกัดตรงนี้
หากใครจะทำสุราที่มีคุณภาพ จะต้องมีกำลังผลิตอย่างน้อย 9 หมื่นลิตรต่อวัน
ซึ่งต้องใช้ทุนมหาศาล
ซึ่งชาวบ้านมีวัตถุดิบทางธรรมชาติที่สามารถทำสุราที่มีคุณภาพได้ อาทิ อ้อย ลำไย
ลิ้นจี่ ซึ่งในต่างประเทศไม่มี
เมื่อนำสุราประเภทนี้บ่มกับไม้โอ๊คจะได้สุราที่ดีกว่าวิสกี้ ในต่างประเทศ
"เเต่วันนี้ทำไม่ได้
ขอให้ส.ส.ช่วยกดดันไม่อนุญาตให้รัฐบาลนำร่างกฎหมายนี้ไปศึกษา 2 เดือน ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจากนั้นก็จะขอยืดเวลาออกไปอีกหรือไม่
ขอให้ส.ส.ร่วมลงมติอีกครั้งเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการในการพิจารณาตรงนี้ในการหารือกันจะดีกว่า
ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่ประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เเต่เป็นประโยชน์ของประชาชน
รายเล็กรายน้อย ผลประโยชน์ของเกษตรกรในการนำวัตถุดิบมาสร้างมูลค่า สร้างรายได้
ยกระดับให้ชุมชน และกรณีเรื่องของการต่อต้าน การโฆษณาเมาเเล้วขับ
เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เรากำลังจะนำเสนอข้อจำกัดในการแก้ปัญหาผู้ประกอบการที่ถูกควบคุมการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ การพูดถึงสุรา
เพราะในขณะประเทศเราเริ่มมองไปในทิศทางการเห็นสุราเป็นศัตรู
พยายามสร้างสุราให้เป็นปีศาจ แต่ในนานาอารยประเทศสุราเป็นสิ่งที่สร้างรายได้
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศชาติ"
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์