วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

"เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค" ร้องฝ่ายค้าน จี้ ครม.ถอนวาระพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

 


"เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค" ร้องฝ่ายค้าน จี้ ครม.ถอนวาระพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 


วันนี้ (21 ก.พ. 65) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับพรรคก้าวไกล โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรค ก.ก.เป็นตัวแทนรับหนังสือ 


โดยตัวแทนเครือข่ายกล่าว วันนี้ตนมายื่นหนังสือเพื่อขอให้พรรคการเมืองช่วยเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถอนวาระการพิจารณาการต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไป


เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า หาก ครม.เห็นชอบการต่อสัญญา จะนำไปสู่การปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเป็น 65 บาท ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง พร้อมต้องการให้ผู้ว่า กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ช่วยแก้ไขปัญหาด้วย 


ทั้งนี้นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการขยายสัญญาสัมปทานดังกล่าว จึงขอเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาคประชาชน เรียกร้องให้ครม. ถอนวาระนี้ ออกจากการพิจารณา และควรเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้ควรพิจารณาจากผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และครม.ใหม่ เพราะรัฐบาลชุดนี้ใกล้หมดวาระแล้ว และไม่อยากให้รัฐบาลแอบทำสัญญาสัมปทานแบบนี้ซ้ำสองอีก


"พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย เราจะพยายามกดดันเรียกร้องรัฐบาลทุกวิถีทาง เพราะถือว่าการทำสัญญาดังกล่าวจะเป็นการมัดมือชกประชาชนจ่ายค่าโดยสารแพงถึง 65 บาท ไปอีก 30 ปี และสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่ที่จะทบทวนสัญญาสัมปทาน และการพิจารณาดังกล่าวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ จึงไม่อยากเห็นการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ มีการพิจารณาวาระดังกล่าว" นายชัยธวัช กล่าว


ด้านนายสุรเชษฐ์ ระบุว่า ทาง กมธ.คมนาคมได้มีมติชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานฯ และเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ทาง กมธ.ได้เปิดสัมมนาเพื่อหารือประเด็นนี้ โดยเชิญทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรค และตัวแทนภาคประชาชน แต่ปรากฏว่า ไม่มี ส.ส.วิปรัฐบาลคนใดที่กล้ายืดอกยอมรับว่า เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานต่อหน้าสาธารณชน ในนาทีนี้ต้องขอให้ประชาชนมองเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และร่วมกันเรียกร้องให้หยุดการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 


ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า การขยายสัญญาสัมปทานครั้งนี้ เป็นการขัดคอเพื่อผลประโยชน์โดยไม่เคารพประชาชน และสัญญาดังกล่าวเมื่อขยายไปถึงปี 2602 เท่ากับระยะเวลาของการทำงานชั่วชีวิตของคนหนึ่ง ที่จะต้องอยู่กับค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงไปจนวัยเกษียณ และรัฐบาลยังจงใจต่อสัญญาก่อนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะมารักษาผลประโยชน์ของชาวกรุงเทพฯ ขอยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาครั้งนี้ และรัฐบาลไม่ควรใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ออกไปเรื่อย ๆ 


นายวิโรจน์ ยังมองว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวอาจเป็นเหตุให้แนวคิดตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากสายสีเขียวที่สามารถรับผู้โดยสารได้จำนวนมากสุด ไม่ให้ความร่วมมือกับแนวคิดดังกล่าว สายสีเขียวควรเป็นบันไดก้าวแรกไปสู่ตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม รวมถึงผู้ว่า กทม. คนปัจจุบันควรมีความโปร่งใสกับเงื่อนไขในสัญญาต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับสัญญาดังกล่าวให้กับประชาชน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์