อ.ธิดา
กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงานทำบุญ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ซึ่ง“ยูดีดีนิวส์” ร่วมกับ
“ผู้ประสานงานกรุงเทพฯ” ในพิธีทำบุญให้อดีตผู้ประสานงาน/มวลชน ที่เสียชีวิต ในช่วง
2-3 ปีนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดที่ไม่สามารถไปร่วมงาน
สวัสดีค่ะ
รอบแรกเราก็จะพูดสั้น ๆ
เมื่อกี้พวกเราได้พูดไปแล้วว่าวัตถุประสงค์วันนี้ที่เราชวนกันมา
เพราะว่าโดยปกติเราจะมีงานดูแลพวกที่เสียชีวิตโดยโรคที่ตามธรรมชาติส่วนหนึ่ง
อาจารย์จะไปประจำ แต่ว่าขณะนี้มันมีปัญหาโควิดด้วย
ดังนั้นก็มีพี่น้องเราทั้งที่เป็นผู้ประสานงานและก็เป็นพี่น้องประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก
อาจารย์ก็มองว่าเมื่อหมดปีนี้ เราส่งท้ายเพื่อจะไม่ต้องมีเสียชีวิตอีก
ก็มาร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตทั้งโควิดและไม่โควิดในช่วงที่ผ่านมานี้
เป็นการส่งท้ายปีเก่า ส่วนปีใหม่เรามีวาระที่จะนัดพบกันอีกทีก็ดูจังหวะเวลาอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้มันไม่ใช่แต่เพียงว่าเรามาร่วมทำบุญให้คนเสียชีวิต
สิ่งที่อาจารย์อยากฝากไว้ก็คือว่าพวกเราเป็นนักต่อสู้ร่วมกัน
เราร่วมกันมาตั้งแต่เราอายุเรียกว่าผ่านมาเป็น 10 ปีแล้วล่ะ หลายคนก็สูงอายุ
ในความคิดอาจารย์มันไม่ต้องให้ตายถึงจะเรียกว่า “วีรชน” ปีหนึ่งเราจัดงานก็คืองานสูญเสียเมื่อเมษา-พฤษภา
53 นอกจากนั้นเราก็จะมีงานรำลึกเช่น 14ตุลา16, 6ตุลา19
ล้วนแต่เป็นคนที่เสียสูญเสียในวันที่มีการลุกขึ้นสู้
และก็มีวีรชนมากมายที่สูญเสียไม่ใช่ในวันที่มีการลุกขึ้นสู้ แต่มันเป็นวันธรรมดา
หลายคนก็เป็นผลพวงจากแก๊สน้ำตา จากสุขภาพในการต่อสู้ รวมทั้งปัญหาอื่น ๆ
ในความคิดอาจารย์นั้น
คนที่มาร่วมต่อสู้โดยที่ไม่ได้หวังผลประโยชน์และตัวเองมีแต่สูญเสีย ในทัศนะอาจารย์
อาจารย์ถือเป็น “วีรชน” ทุกคนนะ คนเป็น ๆ ก็เป็น “วีรชน” ได้ ไม่จำเป็นต้องตาย
แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะฝากเอาไว้ก็คือว่า ให้เราร่วมความรู้สึกกันว่าเรายังมีกันและกัน
ไม่ทิ้ง พูดตรง ๆ ว่าพวกเรานักต่อสู้ เมื่อเราไม่มีผลประโยชน์แล้ว
เราก็ควรจะฝากผีฝากไข้กันได้ และนี่คือสิ่งหนึ่งที่เวลาอาจารย์อยู่
มีใครเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตอาจารย์จะไปทุกครั้ง เพราะอาจารย์จะมองว่าพวกเราเป็นพวกร่วมการต่อสู้
แล้วก็เราจะไม่ทอดทิ้งกัน และเราต้องให้กำลังใจคนที่ยังอยู่ว่าเขามีเพื่อน
มีเพื่อนซึ่งคอยอาทรห่วงใยในความเจ็บป่วย ในชีวิต ในเรื่องราวต่าง ๆ เพราะพวกเราสู้มานาน
จนวัยก็ร่วงโรย เศรษฐกิจก็ร่วงโรย ก็ลำบากกันหมด
นักการเมืองหรือคนอื่นอาจจะมองไม่เห็น
แต่พวกเราด้วยกันต้องมองเห็น ให้พวกเราสบายใจว่าเมื่อเราจะอยู่หรือไม่อยู่
เรายังมีคนที่อาทรห่วงใย การที่เรามาร่วมกันทำบุญ
มันก็เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ต้องการสื่อให้สังคมพวกเราด้วยกันรู้ว่า เรายังคิดถึง
ยังเป็นห่วง คนที่จากไปยังมีตัวตนหมด คนที่เสียไปไม่ว่าจะเป็น “เล็ก” เป็น “ต้อย”
เป็น “จ๋า” เป็น “อ๊อด” นี่ยกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเราก็นำรายชื่อมา
ดังนั้นจึงไม่ใช่เฉพาะคนที่ว่าเสียชีวิตด้วยโควิด แต่สิ่งที่อาจารย์อยากให้อยู่ในความทรงจำและความเข้าใจของเราว่า
“นักต่อสู้” เราลำบากทุกอย่าง
ดังนั้นมีสิ่งที่เราให้กันได้ก็คือกำลังใจซึ่งกันและกัน ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าไปถือเป็นเรื่องใหญ่
เรื่องใหญ่คือการต่อสู้
ซึ่งมันถึงแก่ชีวิต เด็ก ๆ ก็ต้องติดคุกติดตะรางเท่าที่เราเห็น
เพราะฉะนั้นอะไรก็ได้ที่เราทำได้ เป็นการให้กำลังใจ นักต่อสู้ในอดีต นักต่อสู้ในปัจจุบันและนักต่อสู้ในอนาคต
เราต้องทำ! อย่าไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งทำลายน้ำใจ ทำลายพลังการต่อสู้
ทำลายเครดิตของคนที่สู้ในอดีต นักต่อสู้เขาจะไม่หยามเกียรติกัน จะไม่ดูถูกกัน
คนที่ไปดูถูกนักต่อสู้ในอดีต ขอให้รู้ด้วยว่าเขาไม่ใช่นักต่อสู้ตัวจริง!
นักต่อสู้ตัวจริง
เช่น คณะราษฎร2475 เขาจะไม่ไปดูถูกพวกรศ.130 ว่าพวกนั้นทำไม่สำเร็จ หรือคน14ตุลา16
ก็ต้องไม่ไปดูถูกคณะราษฎรว่าไม่สำเร็จเหมือนกัน หรือว่าจะมาเหยียดหยามคน6ตุลา19
หรือพฤษภา35 คนที่เป็นนักต่อสู้ตัวจริงเขาจะไม่ด้อยค่านักต่อสู้
เพราะว่ามันเป็นหนทางการต่อสู้ที่ยาวนาน ชีวิตและผลการกระทำของคนเหล่านั้นมันเป็นถนนที่ปู
เพราะฉะนั้นถนนสายนี้มันปูด้วยชีวิตเลือดเนื้อ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาด้อยค่า
มาด่าว่า มาทะเลาะ เพราะว่าถ้าเป็นนักต่อสู้ตัวจริงเขาไม่ด่ากัน
มันไม่มีการต่อสู้อันไหนที่มันถูกต้องสมบูรณ์ดีงามหมด มันมีปัญหาทั้งนั้น
พวกเราทุกคนก็เหมือนกันมันไม่มีใครสมบูรณ์ มันมีจุดอ่อนกันทุกคน
แต่ถ้าเราเอาจุดแข็งมาร่วมกัน แล้วให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เหมือนคนเดิน
บางคนก็แรงดี วิ่ง บางคนก็เดิน บางคนก็เดินไม่ค่อยจะไหว คนที่เดินไม่ไหวต้องคลานก็ยังคลาน
ถ้าคุณเป็นนักต่อสู้ตัวจริง คนที่วิ่งจะไม่ไปดูถูกคนที่คลาน
แต่ถ้าคุณเป็นนักการเมืองหรือคนที่เอาแต่ผลประโยชน์
คุณก็จะมองแต่ความสำเร็จและอาจจะด้อยค่านักต่อสู้
เรากำหนดบทบาทได้แม้นเราจะมีการสู้ 2 ขา ในวิถีทางรัฐสภาหรือบนถนนการต่อสู้
แต่ในทัศนะอาจารย์ ถ้าการต่อสู้บนถนน
การต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงยังไม่บรรลุ
ไม่มีทางเลยที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถรุ่งโรจน์แล้วก็ผลิดอกออกผลได้
เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่คุณเบิกบานมาคุณก็ต้องโดนจัดการ
แต่ถ้าเมื่อไหร่การต่อสู้ของประชาชนได้รับชัยชนะจริง
นั่นแหละมันจะสามารถที่จะทำให้พรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยสามารถที่จะเบิกบานได้
แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปด้อยค่าการต่อสู้ในงานการเมือง
แต่จากประสบการณ์ชีวิตอาจารย์ อาจารย์บอกได้อย่างนี้แหละ ดังนั้น
นักการเมือง/พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยก็ต้องให้ความสำคัญและเคารพมวลชน/ประชาชนที่เป็นนักต่อสู้
พร้อมกันนั้นก็จะต้องฉลาดที่จะรู้ว่าใครเป็นนักฉวยโอกาส
ฉวยโอกาสก็คือแสดงตัวว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยหนึ่ง
แสดงตัวว่าเป็นนักต่อสู้ประชาธิปไตยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตัวจริง
เรามีตัวอย่างหลายคนเช่น คุณแรมโบ้ นี่ยกตัวอย่าง นี่คือตัวอย่างของนักฉวยโอกาส
ทั้งหมดนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
พรรคการเมือง/นักการเมืองที่ฉลาดก็ต้องดูคนออก
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์