วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ศาลให้ประกัน"สมยศ-ทราย-แหวน-พิมพ์สิริ" #ม็อบ29พฤศจิกา หน้าราบ11 กำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำซ้ำถึงสถาบันฯ ห้ามออกนอกประเทศ นัดตรวจหลักฐาน 7 ก.พ. 65

 


ศาลให้ประกัน"สมยศ-ทราย-แหวน-พิมพ์สิริ" #ม็อบ29พฤศจิกา หน้าราบ11 กำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำซ้ำถึงสถาบันฯ ห้ามออกนอกประเทศ นัดตรวจหลักฐาน 7 ก.พ. 65


วันนี้ (25 พ.ย. 64) ตามที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.บางเขนได้นำตัวพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายอานนท์ อำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ, น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา, นายพรหมศร วีระธรรมจา เเละน.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย ในความผิดฐาน หมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112, มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและข้อหาอื่นฯ


ต่อมาเวลา 13.45 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ น.ส.ณัฎฐธิดา หรือ แหวน มีหวังปลา และ น.ส.อินทิรา หรือ ทราย เจริญปุระ เป็นจำเลยที่ 1-6 ต่อศาลอาญา


โดยคำฟ้องโจทก์สรุปว่า จำเลยทั้งหกกับ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง และนายพรหมศร หรือฟ้า วีระธรรมจารี ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันและแยกกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ


เมื่อระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย. 2563 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1-6 กับพวกได้ร่วมกันจัดการชุมนุม โดยประกาศชักชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมทางการเมืองผ่านทางช่องทางต่าง ๆ และสื่อออนไลน์หัวข้อ "ปลดอาวุธศักดินาไทย" มีประชาชนทั่วไปประมาณ 2,000 คน เข้าร่วมปราศรัยเชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันต่อสู้เปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญประเทศและปฏิรูปสถาบันเบื้องสูง บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11 แขวงอนุสาวรีย์ชัย เขตบางเขน กทม.โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงาน  ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายและกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เข้าร่วมกิจกรรมการรวมตัวกันชุมนุมทางการเมือง ปิดการจราจร รื้อรั้วลวดหนาม ของเจ้าหน้าที่ เทสีลงพื้นและขีดเขียนข้อความลงบนพื้น มีเจตนาบิดเบือนใส่ร้ายพระมหากษัตริย์และบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560  ซึ่งเป็นทางสาธารณะและทรัพย์สินต่างๆ ของราชการ 


ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 112, 116, 215, 216, 385, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 , พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4, 9, พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548

 

ศาลประทับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.2948/2564 และศาลสอบคำให้การจำเลยที่ 3-6 แล้วให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 ก.พ. 2565 เวลา 09.00 น.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนี้ อัยการโจทก์ได้ฟ้องส่งตัวนายสมยศ น.ส.พิมสิริ น.ส.ณัฎฐธิดา และน.ส.อินทิรา หรือทราย เพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งน.ส.อินทิรา อัยการสั่งไม่ฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 ส่วนจำเลยอื่นอีก 7 คนฟ้องทุกข้อหา 


คืบหน้าล่าสุด เวลาประมาณ 16.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย 4 คน ที่ถูกยื่นฟ้องในวันนี้โดยตีราคาประกันนายสมยศ 2 แสนบาท น.ส.พิมสิริ น.ส.ณัฎฐธิดา คนละ 1 เเสนบาท ส่วนน.ส.อินทิรา 35,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำกิจกรรมอันเป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบัน เเละห้ามออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล


ภายหลังได้รับการปล่อยชั่วคราว นายกิตติศักดิ์ กองทอง ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเงื่อนไขการประกันของ น.ส.อินทิรา ที่ถูกตั้งข้อหา ม.116 แต่กลับใช้เงื่อนไขเดียวกันกับจำเลยที่เหลือที่มีความผิดในข้อหา ม.112, 116 ด้วย จึงไม่เข้าใจว่าศาลมีเหตุผลอะไร 


ด้านนายสมยศ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณศาลที่วันนี้ให้สิทธิพวกเราได้ประกันตัวเพื่อที่จะได้ต่อสู้คดี พิสูจน์เจตนารมณ์ของกลุ่มราษฎรเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมืองและต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ก้าวหน้าและเป็นการประกันว่าพวกเราจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตนยัง เป็นห่วงหลายคนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ก็หวังว่าพวกเขาจะได้รับสิทธิในการประกันตัวโดยเร็วที่สุด


ขณะที่ น.ส.ณัฎฐธิดา กล่าวว่าตนได้แถลงต่อศาลขอให้ตั้งอานนท์เป็นทนายความให้กับตนในการต่อสู้คดีนี้ 


ด้านน.ส.อินทิรา กล่าวเสริมว่า อานนท์ได้กล่าวต่อศาลในการพิจารณาคดีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่าสามารถทำได้ เพราะขณะนี้เขายังไม่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความ จึงสามารถว่าความได้ตามปกติ ต่อมา น.ส.ณัฎฐธิดา กล่าวทิ้งท้ายว่ามาลุ้นกันว่าจะได้เห็นอานนท์สวมชุดครุยทับชุดนักโทษมาว่าความให้ตนในปีหน้าหรือไม่ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์