แถลงการณ์
“รุ้ง ปนัสยา” หลังศาลอ่านคำวินิจฉัย ไม่ยอมรับคำวินิจฉันศาลรธน. ย้ำ 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ
ไม่ใช่การล้มล้าง คือการเสนอแนะให้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
วันนี้
(10 พ.ย. 64) ภายหลังทราบผลคำวินิจฉัจของศาลรัฐธรรมนูญ
กรณีวินิจฉัยคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ขอให้ศาลมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการปราศรัยของ
อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เมื่อวันที่ 3 ในการชุมนุม
#เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย หรือม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์
บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และการชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63
“รุ้ง
ปนัสยา” กล่าวว่า เหนือความคาดหมายเพราะตนพูดมาตลอดว่าเราขอการปฏิรูป
เราไม่เคยขอการปฏิวัติ ปฏิรูปคือการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ไม่ใช่การล้มล้างแต่อย่างใด การตัดสินเช่นนี้หนูไม่อาจเข้าใจได้จริง ๆ
ในฐานะนักเรียนนักศึกษา เราก็ไม่ได้เป็นนักศึกษากฎหมาย
แต่เราก็พอทราบได้ว่าคำแต่ละคำมันมีความหมายอย่างไร แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
หนูไม่เข้าใจตั้งแต่ผู้ร้อง นายณฐพร โตประยูร หนูไม่เข้าใจศาล หนูไม่เข้าใจตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าสิ่งที่หนูทำการปราศรัยครั้งนั้นเป็นการล้มล้างการปกครอง
หนูขออนุญาตอ่านแถลงการณ์ ขอพี่สื่อมวลชนเผยแพร่ออกไปต่อเพื่อหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญทั้ง
9 คน จะได้ยินเสียงของหนูบ้าง
ข้าพเจ้า
ขอส่งสารนี้ด้วยใจจริงถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยทุกท่าน
เนื่องด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
ที่รุ้ง พี่อานนท์ และพี่ไมค์ ได้กล่าวถึงในวันที่ 10 สิงหาคม 2563
ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่าการกระทำของพวกเราเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้าพเจ้า
ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ข้อเรียกร้องของพวกเราไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือมีเจตนาเป็นไปเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เบื้องต้น ข้าพเจ้าคงไม่เคารพในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
และด้วยจิตวิญญาณอันซื่อตรงต่อหลักนิติธรรม ข้าพเจ้าเห็นว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่อาจยอมรับได้
เพราะขาดซึ่งความชอบอย่างยิ่งด้วยกระบวนพิจารณาคดี ด้วยเหตุว่ากฎหมายได้ระบุให้การพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้ใช้ระบบไต่สวน
ซึ่งศาลมีอำนาจแสวงหาพยานหลักฐาน เปิดโอกาสให้คู่กรณีได้เสนอพยานหลักฐาน
และแม้ศาลจะสามารถใช้ดุลยพินิจเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง
แต่การใช้ดุลยพินิจนั้นต้องเป็นไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม
แต่ทั้งนี้
ในทางความเป็นจริงทีเกิดขึ้นศาลกลับไม่เปิดโอกาสให้มีการไต่สวน
ไม่ยอมให้นักวิชาการเข้าให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อันเป็นการกระทบต่อสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
โดยศาลได้ให้เหตุผลว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้
จึงยุติการไต่สวน แม้จำเลยจะได้มีการยื่นร้องขอต่อศาลให้มีการไต่สวนแล้วก็ตาม
ข้าพเจ้า
ขอยืนยันอีกครั้งว่า ข้าพจ้าไม่อาจเห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว และขอเน้นย้ำอย่างบริสุทธิ์ใจว่า
ข้อเรียกร้องต่อการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
อันเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อทำลายหรือล้างผลาญให้สูญสิ้นสลายหมดไป
ดังที่นายณฐพร โตประยูรกล่าวอ้าง และในทางกลับกันข้าพเจ้ากลับเห็นว่าการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ย่อมจะส่งผลเป็นการดำรงไว้ซึ่งความมั่งคงและเป็นเหตุให้สถาบันกษัตริย์เจริญวิวัฒน์พัฒนาสถาพรขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และด้วยเหตุนี้
ข้าพเจ้า จึงยังขอยืนยันในข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อที่ว่า
ข้อ
1 ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ
ข้อ
2 ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ข้อ
3 ยกเลิกพ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561
ข้อ
4 ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์
ข้อ
5 ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์
ข้อ
6 ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด
ข้อ
7 ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ
ข้อ
8 ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงาม
ข้อ
9 สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎร
ข้อ
10 ห้ามไม่ให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก
ข้อเสนอต่อการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
10 ข้อนี้ ล้วนแต่เป็นการเสนอด้วยเจตนาสุจริต
ด้วยความปรารถนาดีที่ต้องการให้สถาบันกษัตริย์ของไทยมีความชอบธรรมและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า
การผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาญา มาตรา 112
มิได้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่ย่อมเป็นไปเพื่อให้การส่งเสียงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นกัลยาณมิตรสามารถเป็นไปได้
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า
การแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกระบวนการที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ด้วยเห็นว่าประชาชนผู้เป็นแหล่งที่มาของอำนาจอธิปไตยย่อมเป็นผู้ทรงอำนาจในการสถาปนาและแก้ไขกฎหมายทั้งปวง
เพราะเมื่อได้ชื่อว่ากฎหมายแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในลำดับศักดิ์ใด กฎหมายย่อมสามารถถูกแก้ไขได้ตามเจตจำนงของประชาชนผ่านกระบวนการตามกฎหมายภายใต้ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญดังที่มีการบัญญัติรับรองไว้ตามมาตรา
133 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อย่างไรก็ดี
เมื่อมีการวินิจฉัยนี้เกิดขึ้นแล้ว และผลได้ปรากฏออกมาดังที่ทุกท่านทราบ ข้าพเจ้าขอให้การตัดสินวินิจฉัยในครั้งนี้จงถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
ว่าศาลรัฐธรรมนูญซึ่งควรจะมีหน้าที่สำคัญในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
รักษาดุลยภาพแห่งอำนาจ และปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ได้วินิจฉัยว่าการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หมายถึงการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และขอให้คำตัดสินดังกล่าวอันพวกท่านทั้งหลายได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจงเป็นกระจกสะท้อนต่อเบื้องลึกในจิตใจของท่านทั้งหลาย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความกลัวต่อสภาพอันเปราะบางที่ดำรงอยู่ ซึ่งพวกท่านต่างรู้ได้ด้วยมโนสำนึกและผ่านการกระทำของท่าน
และขอให้ท่านได้ทราบว่าพวกท่านกำลังมีส่วนในการขัดขวางการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
เพื่อให้สถาบันกษัตริย์สามารถดำรงอยู่อย่างสง่างามภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
ท้ายที่สุดนี้
ข้าพเจ้าขอยืนยันด้วยใจอันเห็นประโยชน์แห่งมหาชนอันเป็นที่ตั้งว่า
หนทางที่ดีที่สุดในการธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่การใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในการกดปราบคุกคามหรือพยายามสร้างสังคมแห่งการหวาดกลัว
แต่คือการพยายามร่วมมือกันจากทุกภาค ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ทุกความคิดทางการเมือง
ทั้งฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายอนุรักษ์นิยม และจากทุกองคาพยพของรัฐ
ทั้งองค์กรนิติบัญญัติ องค์กรบริหาร องค์การตุลาการ องค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อร่วมกันผลักดันให้การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์สามารถดำเนินไปจนประสบผลสำเร็จสถาพรได้จริง
อันจะเป็นการธำรงไว้ซึ่งความมั่นคง
และเป็นเหตุแห่งความเจริญพิทักษ์พัฒนาของสถาบันพระมหากษัตริย์ควบคู่กับสถาบันประชาชนตามครรลองการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริงสืบไป
#ปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง
#ม็อบ10พฤศจิกา64
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์