แลไปข้างหน้า
กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.54
ตอน
ถึงเวลากลียุคในพระนครและราษฎรทั้งประเทศ
สถานการณ์ปัจจุบันนี้มันคล้าย
ๆ กับเหมือนจะเสียกรุงครั้งที่ 2 “ถึงเวลากลียุคในพระนครและราษฎรทั้งประเทศ”
สถานการณ์ของปัญหาและเรื่องราวของการติดเชื้อโควิดในประเทศไทย
และความเลวร้ายแบบรุนแรงในครั้งนี้ ประมาณคล้าย ๆ วาระจะเสียกรุงศรีอยุธยา
เสียกรุงครั้งที่ 2 ก็ดูประมาณเหมือนกับว่ากรุงรัตนโกสินทร์
พระนครเที่ยวนี้ถูกตีแตกโดยเชื้อโควิด ประมาณนั้น!
คือมันเป็นกลียุคประหนึ่งขณะนี้มันเหมือนกรุงแตก!
และผู้คนก็หลบลี้หนีหายเข้าป่าเข้าดงหรือว่ากลับบ้านไปต่างจังหวัด
ถ้าเปรียบก็เหมือนกับน่าจะมีคนแต่งเพลงยาวได้ละ เพลงยาวที่แสดงถึงว่า ณ
เพลาที่กรุงรัตนโกสินทร์พินาศ
เนื่องจากผู้มีอำนาจที่ปกครองเป็นผู้มีอำนาจที่ไร้สติปัญญา ไร้วิสัยทัศน์
ไม่สามารถที่จะดูแลประชาชน คือไม่สามารถรักษาพระนครได้
เพราะตอนนี้มันแตกโดยสิ้นเชิง
เอาตัวอย่างของแพทย์ชนบทที่เขาเข้ามาทำงานในเมือง
3 วัน ใน 31,518 คน ทำ Rapid
Test ในการตรวจ พบผลเป็นบวก 5,086 คน ซึ่งเท่ากับ 16%
บางคนเขาบอกว่า Rapid Test ไม่น่าเชื่อถือ
แต่เชื่อมั้ยว่าเมื่อเอาไปทำ PCR พบผู้ติดเชื้อ 5,133 คน ตัวเลขใกล้เคียงกัน
ดังนั้น กล่าวได้ว่า 16% ของคนที่ไปตรวจ คือมันมีตั้งแต่ 20 จนกระทั่ง 10% ต้น ๆ
เอาประมาณว่า 15-16%
ทีนี้ถ้าเราลองมาคำนวณดูก็คิดว่าน่าจะเป็นประมาณเกือบล้านคน
ถ้าเราคิดว่าคนกรุงเทพฯ 6 ล้านนะ แล้วเอาประมาณ 16% ก็ประมาณ 9 แสนกว่า
ก็ประมาณเกือบล้านคนที่ติดเชื้อ
เพราะฉะนั้นก็สรุปง่าย
ๆ ว่าตอนนี้คนกรุงเทพฯ ในขณะนี้ติดเชื้ออยู่โดยที่ไม่ได้ตรวจพบเกือบล้านคน
คำถามว่าในล้านคน เอา 80% ไม่เป็นอะไร เอา 20% เป็นเหลืองกับแดง
คำถามว่ากรุงไม่แตกได้ยังไง? มันเป็นภาวะวิกฤติที่เรียกว่าไม่ใช่สาธารณสุขอย่างเดียว
นี่คือสภาพที่เราพูดได้ว่า “เป็นเวลากลียุคของพระนครของประเทศไทยแล้ว”
คำถามว่าจะทำยังไง?
มันเหมือนกับที่ดิฉันเคยพูด มาเรียงแถว คนรอตรวจ รอจนติด รอเตียง รอตาย
แล้วสุดท้ายรอเตา ตอนนี้เมรุถล่มเลย ก็รอวัด!
หลายท่านที่ดูคลิปนี้
แต่ไม่ได้ดูคลิปเก่า ดิฉันอยากให้กลับไปดูคลิปเก่า
เพราะว่าหลายอย่างเราก็ไม่อยากพูดซ้ำเหมือนเดิมนะคะ
แต่ว่ามันเป็นไปตามที่คลิปเก่าได้พูดมาหมด
ในประเด็นของการป้องกัน
ในขณะนี้ Priority
ที่สำคัญที่สุดคือทำยังไงให้คนตายน้อยที่สุด
ทำไงให้คนเจ็บป่วยน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นมันก็คือต้องป้องกันการระบาดของโรค
ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันทางกายภาพ ประชาชนนั้นทำดีที่สุดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก Keep Distancing อาจจะมีข้อยกเว้นบ้างสำหรับบางคณะที่ไปกินหมูกระทะกัน
หรือว่าคนรวยไปเปิดห้องปาร์ตี้ แต่โดยทั่วไปประชาชนไทยให้ความร่วมมือ
แต่มันเป็นปัญหาโครงสร้างของประชากร
ของชุมชน และระบบและระบอบที่มันเกิดขึ้นอยู่ โดยเฉพาะในสังคมกรุงและสังคมเมือง
ซึ่งมันไม่ได้เอื้อประโยชน์กับสุขอนามัยที่ดี มันไม่เอื้อประโยชน์ให้มีการแก้ปัญหาโรคระบาด
ที่สำคัญคือการเมืองการปกครองและระบบราชการ รัฐราชการที่โง่เง่า งี่เง่า ปล่อยยังไงจนมาถึงขั้นนี้
แน่นอน!
เป็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด
แต่ว่าความยากของสังคมกรุงมันก็คือท้าทายขีดความสามารถของผู้ปกครองว่า
ผู้ปกครองนั้นมีวิสัยทัศน์ มีขีดความสามารถแค่ไหน
คุณอย่าไปบอกว่าประเทศอื่นเขาก็ติดเชื้อมาก ใช่! แต่เราต้องทำได้ดีกว่านี้
เรามีพื้นฐานของบุคลากรการแพทย์ที่ดี
เราได้ชื่อว่าเป็นระบบสาธารณสุขเป็นที่หนึ่งเลยของประเทศ
แต่ดิฉันจะบอกให้เลยว่าปัญหาความคิด การเมืองการปกครอง
และระบบราชการนี่แหละที่มันทำให้ความเย่อหยิ่งอวดดีว่าเราเป็นหนึ่งในสาธารณสุข
มันพังทลายโดยสิ้นเชิงเมื่อมาเจอโควิด โดยเฉพาะเดลต้า ซึ่งมีขีดความสามารถที่ยิ่งกว่าระบบราชการไทย
ยิ่งกว่าการเมืองการปกครองไทย ยิ่งกว่าอีลิทไทยทั้งหมดเลย
และมันได้โชว์ให้ชาวโลกเห็นว่า ไอ้ที่บอกว่าเก่งน่ะ จอมปลอม ของจริงเป็นอย่างนี้! ก็คือการล่มสลายของสาธารณสุขไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมือง
ขณะนี้ในความเป็นจริง
ประชากรในกรุงเทพฯ น่าจะติดเชื้อร่วมล้านคน นี่เขาทำมา 3 แห่ง ดิฉันลดให้เลยก็ได้
ลดให้แรง ๆ เลย ไม่ต่ำกว่า 5-6 แสน เอา 10% ไม่เอา 16% 10%
ก็คือไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนคน ในขณะที่ผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ
ขณะนี้ประกาศมาว่าประมาณแสนกว่า คือวันละ 15,000 แล้วตอนนี้ ปลายสัปดาห์นี้ก็จะ 2
หมื่น จะไล่ไปเรื่อย ๆ มันอาจจะไปพีคที่ 4 หมื่นก็ได้
อันนั้นหมายถึงว่าผ่านการตรวจแล้วนะ
แล้วเราต้องเข้าใจว่าอันนี้เขานับ
PCR เฉย ๆ Antigen Test ก็ไม่มานับ
ก็คือคนติดที่ปรากฎอาจจะไปถึง 4-5 หมื่นต่อวัน ใน 4-5 หมื่น 80% อาจจะไม่มี แต่ 20%
อย่าว่าแต่ 4-5 หมื่นเลย 2 หมื่นก็แย่แล้ว 20% ของผู้ติดเชื้อแต่ละวันสะสมไป
ก็คือคนไข้หนักมันก็จะมีจำนวนมาก
สมมุติว่ามี
6 แสน 10% ของ 6 แสน ก็คือ 6 หมื่น ก็คือคนไข้หนักนับเป็นแสน แล้วคนตายล่ะ
เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้นะ เตรียมเมรุ! เตรียมเตาเผาสำหรับในกรณีที่มีคนตายแต่ละวัน
เรียกว่าไม่ใช่นับร้อย นับพันเอ้า! ดิฉันเอาให้แค่ 10 เท่าพอ
คุณเตรียมเตา
คุณเตรียมถังออกซิเจนแบบที่เราเห็นที่อินเดีย ภาพที่อินเดียนั่นแหละมันจะปรากฎ
และอินโดนีเซีย คุณเตรียมออกซิเจน แล้วก็เตรียมเครื่องช่วยหายใจ
เครื่องมือที่ทำให้ออกซิเจนโฟลแรง แล้วคุณก็ต้องเตรียมบุคลากร เตรียมยา แน่นอน
บางส่วนอาจจะบอกว่ากินสมุนไพร แต่ดิฉันยังคิดว่าให้มันเป็นวิทยาศาสตร์
ก็เอายาฆ่าเชื้อนั่นแหละ เพราะว่ามีคนเขียนออกมาในรายงานที่ต้องช่วยตัวเอง
ก็คือหมอเขาก็ไปหาวิธีเอายา “ฟาวิพิราเวียร์” เอามาจ่ายให้จนได้ ก็ปรากฎว่ารอดได้
คุณเตรียมยา
คุณเตรียมเรื่องกลไกการช่วยหายใจ เตรียมบุคลากรอาสา
ทั้งหมดนี้คือแก้ปัญหาการตายก่อน แล้วค่อยแก้ปัญหาการเจ็บป่วยระบาด
ขณะนี้ที่ถูกด่ากันทุกแขนงเลย เขายอมแก้ไขกี่อย่าง แต่ดูว่าการแก้ไขนั้นมันสำเร็จมั้ย
แก้ไขหนึ่ง คือเอา Rapid
Test หลังจากที่ อ.ธิดา พูดมาตั้งแต่ปี 63 นะ ว่าคุณต้องตรวจเชิงรุก
ทำไมถึงต้องตรวจเชิงรุก? ก็อธิบายมาตลอด มาถึงตอนนี้เป็นปีแล้ว บอกว่าจะซื้อ 8.5
ล้านชุด แต่คำถามว่าตรวจพบแล้วเป็นยังไง มีกติกาของระบบราชการว่าไม่รับรอง
คุณต้องไปตรวจ PCR อีกที แล้วหาที่ไหนตรวจ PCR ตายก่อน! หาไม่ได้
โอเค
ตรวจ Antigen
Test ไปซื้อเอามาตรวจ เสร็จแล้วก็ต้มน้ำขิง ต้มกระชาย
กินฟ้าทะลายโจรไปตามเรื่อง คุณฉีดวัคซีนคนเปราะบาง คนอายุ 60 ปี ไม่ถึง 20%
อยู่ในประมาณนั้นประมาณ 20% เพราะมันประมาณเรียกว่า 12 ล้านกว่าคน คุณฉีดไป 2
ล้านกว่า คำถามว่าแล้วเอาวัคซีนไปฉีดใคร?
นี่ไง!
เงื่อนไขที่ว่าคนที่ตายส่วนใหญ่คือกลุ่มคนอายุเกิน 60 ปี คนที่เปราะบาง คนที่มีโรค
แล้วไม่หนำซ้ำยังไม่รวมคนที่ตั้งครรภ์
จนมีผู้หญิงตั้งครรภ์มากถึงจะรวมเข้าไปในกลุ่มคนเปราะบาง
เพราะฉะนั้น
ความพยายามที่จะแก้ไขที่ดิฉันเคยบอกว่า “คนโง่จะไม่ยอมแก้ไข คนจัญไรก็เอาแต่แก้ตัว
แล้วถ้าเป็นคนชั่วก็โยนความผิดให้คนอื่น” ครบเลยค่ะ
จนกระทั่งทำให้ดิฉันคิดถึงนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
เวลาเขาว่าคนเขาบอกคนบางคนความชั่วมีลักษณะสมมาตร เป็นทรงกลม
ก็คือมองมุมไหนมันก็เหมือนกันหมดเป็นลักษณะสมมาตร เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นความชั่วที่สมมาตร
ก็คือครบเลย ครบทุกประเด็น มองมุมไหนมันก็ไม่มีดีเลย อันนี้เขาเรียกว่าเป็นความชั่วแบบเรขาคณิต
ในกรณีของ
Antigen
Test Kit กว่าจะยอมรับ ผ่านมาร่วมปี ถึงจะยอมรับว่า Antigen
Test Kit นั้นมีประโยชน์ แล้วไงต่อ! คุณไม่รับเขาเข้าโรงพยาบาล ไม่รับเข้าสถานพักฟื้น
จนกระทั่งเป็นที่มาของ ดูเหมือนจะเป็นผู้ว่าฯ สมุทรสาคร
เขาบอกว่าระหว่างคนตายกับระเบียบเอาอะไร? เขายอมเอาเรื่องแก้ปัญหาการตายก่อน
แต่นั่นเป็นผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เขาพูดได้
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ
ในพระนคร ในระบบราชการโดยรวม
ซึ่งมีพวกลูกกะโล่ทั่งหลายที่กลัวความผิดมากกว่าความตายของประชาชน
กลัวความผิดระเบียบ ระเบียบว่ายังไงต้องทำตามนั้น ถึงจะตายต่อหน้าก็ยอม
ขออย่าให้ผิดระเบียบก็แล้วกัน นี่คือเวลาของกลียุคที่ดิฉันพูดในพระนคร
เพราะว่ากลไกรัฐเป็นกลไกที่มีความผิดพลาดและเลวอย่างสมมาตร มองทางไหนก็ผิดหมด
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าบุคลากรการแพทย์และข้าราชการมันจะไม่มีดี
แต่เมื่อเรามองมาเป็นภาพรวมทั้งหมดว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เราจำเป็นที่พูดเพื่อแก้ไข การพูดเพื่อแก้ไขคือต้องยอมรับผิดก่อนตามที่ดิฉันเคยบอก
ถ้าคุณไม่ยอมรับผิด คุณก็จะไม่แก้ไข ก็บอกว่ามันอย่างงี้ ปัญหามันเกิดขึ้นจากเชื้อกลายพันธุ์
ถ้าไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ เราก็ยังเป็นฮีโร่ ยังแก้ไขปัญหาประเทศได้
ทำไมคุณไม่รู้หรือว่าเชื้อโรคมันจะเก่ง
คุณไม่รู้หรือว่าเชื้อโรคจะกลายพันธุ์
นี่ก็เป็นความโง่แบบหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ว่ามันช่วยไม่ได้
ความผิดไม่ใช่เป็นที่คน แต่ความผิดเป็นที่โควิด มันดันกลายพันธุ์
เมื่อกี้ที่ดิฉันพูดก็คือประการที่สำคัญที่สุดเลยว่า
ขณะนี้ความพยายามจะแก้ไขมี Antigen Test Kit แล้วไงต่อ?
คนก็ยังต้องรอตรวจ PCR แล้วคนก็ยังต้องรอเตียง
แล้วก็ต้องรอจนตาย แล้วก็ต้องไปรอเตาแบบที่ดิฉันได้พูดมาก่อนแล้ว
ดิฉันขอตัดข้ามมายังต่างประเทศเลย
ก็คือจดหมายของแอสตร้าเซนเนก้า อันนี้ก็เป็นการประจานความเลวร้ายของรัฐไทยชัด ๆ
ฉบับหลังสุดเป็นแอสตร้าเซนเนก้าที่ออกจดหมายเปิดผนึก เขาจดหมายถึงประชาชนไทย
เขาบอกเปิดผนึกถึงคนไทย ก็คือเขาจะไม่ยอมถูกโยนความผิดให้ว่า ผมตกลงกับแอสตร้าเซนเนก้า
10 ล้าน ก็เขาส่งมาให้ไม่ได้ ดังนั้นเขาบอกมาแล้วรอบแรกว่าพวกคุณบอกเขา 3 ล้าน
ตอนนี้เขาให้ 5-6 ล้าน ก็มากกว่าเดิมเท่าตัวใช่มั้ย ความผิดใคร
ความผิดที่สองก็คือ
จองก็ช้า คนอื่นเขาจองก่อนหมดแล้ว แต่นี่อาศัยว่าเห็นใจว่าจองมากหน่อย
จองมากเพราะเล็งผลเลิศมาก ก็อาจจะแบ่งให้มากหน่อย แต่ฉบับนี้นายเจมส์ ทีก
ประธานบริษัทแอสตร้าฯ ส่งจดหมายเปิดผนึก แล้วก็แจกแจงตัวเลขต่าง ๆ ทั้งหมด
แล้วก็ต้องการยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ผิดคำพูดหรือผิดสัญญา
อธิบายให้ฟังว่าการที่ทำได้เพียงแค่ 15 ล้านโดสมันเป็นปัญหาของชีววัตถุที่เป็นตัวตั้งต้นที่ดิฉันพยายามจะอธิบายมาก่อนแล้วว่า
คุณไม่รู้หรือว่าการทำวัคซีนแบบนี้มันยาก! มันต้องเลี้ยงเซลล์ที่เขาใช้คำว่าชีววัตถุ
คือต้องเลี้ยงเซลล์ตั้งต้นในการที่จะทำให้เพาะไวรัสได้ บางทีมันตาย
เพราะอันนี้มันยาก คุณคิดไม่ออกหรือว่าเป็นยังไง
เขาบอกเลยว่าเป็นปัญหาที่กระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
เพราะฉะนั้น เขานอกจากอธิบายว่าทำไมเขาส่ง 5-6 ล้าน เพราะเราไปขอเขา 3 ล้าน
เขายังบอกอีกว่า แต่ที่มันได้แค่นี้มันเพิ่มไม่ได้เพราะมันมีปัญหาที่ชีววัตถุ
ไม่ใช่ใช้คำว่าวัตถุดิบนะ ชีววัตถุที่เอามาเป็นตัวตั้ง ซึ่งดิฉันเคยบอกแล้วว่านี่บุญแล้วนะที่เขายังอุตส่าห์ทำได้
ถ้าทำไม่ได้นะจะไปโทษใคร
เหมือนการเลี้ยง
บางวันมันก็ขึ้น บางวันมันก็งอก มันเลี้ยงยากยิ่งกว่าต้นไม้อีก เลี้ยงเซลล์นะ
อย่างของ Messenger
RNA (mRNA) ง่ายกว่า หรือว่าเป็นวัคซีนเชื้อตาย
ก็เซลล์ตั้งต้นไตลิงก็ง่ายกว่า อาจารย์เคยเลี้ยงเซลล์ตั้งต้นของคนนะ เลี้ยงยาก
เพราะฉะนั้น นี่เขาก็อธิบาย แล้วคำถามก็คือเขาไม่พูดผ่านรัฐบาล
เขาทำจดหมายถึงประชาชนไทย แปลว่าอะไร ไม่ไว้ใจ กลัวจะมาบิดเบือน
กลัวจะมาโยนให้แอสตร้าฯ เป็นผู้ร้าย
แล้วตามมาด้วยการจัดการประชุมของรมต.สาธารณสุขแต่ละประเทศ
หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเขายกย่องไทยนะ แล้วยังแถมไทยยังอาสาเป็นหัวหน้าอีก
ในทัศนะดิฉันนะ จะผิดหรือเปล่า แต่ดิฉันว่าอันนี้มันเป็นแผนของแอสตร้าเซนเนก้าด้วย
และเป็นแผนของรัฐบาลอื่น ๆ ด้วยที่ป้องกันไม่ให้ไทยยึด 15 ล้านโดสต่อเดือน
แอสตร้าเซนเนก้า คือจะไปออกกฎหมายว่าผลิตในประเทศไทย ขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหามาก
ดังนั้นจะไม่ให้นำวัคซีนออกนอกประเทศ ไปช่วยประเทศอื่น
แอสตร้าเซนเนก้าเองเขาก็บอกว่ามันต้องแบ่งให้คนอื่นเขา แล้วคนอื่นเขาจองก่อนด้วย
แล้วตอนนี้มีการประชุม ในการประชุมของรมต.สาธารณสุขนั้น อย่าไปนึกว่าได้หน้า
ที่จริงเขาจะบอกว่า “อย่ายึดวัคซีนนะ มันต้องแบ่งให้คนอื่น” อันนี้เป็นนัยยะระหว่างบรรทัดในทัศนะของอ.ธิดา
ในกิจการระหว่างประเทศเขาบอกอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น
ไอ้ที่บอกว่าจะไปออกกฎหมายยึด มันคงยิ่งยากขึ้น
เพราะว่าให้แต่ละประเทศมาประชุมร่วมกัน แต่เราไม่รู้หรอก ยังไปอาสาอีกเป็นหัวหน้า
เก่งยังไงไปเป็นหัวหน้าเขา! ตัวรมต.อาจจะบอกว่าไม่ได้เป็นประธานโน่น
ไม่ได้เป็นประธานนี่ แต่ว่าถ้าเอาคำพูดต่าง ๆ มาเรียง
ดิฉันคิดว่าไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นรมต.สาธารณสุข
ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมควบคุมโรค ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการวัคซีนแห่งชาติ แย่แน่ทั้งนั้น!
มันมาจนกระทั่งถึงกรณีโมเดอร์นา
ที่มันมีปัญหากับโรงพยาบาลเอกชนต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย จนกระทั่ง เอฟ อี ซิลลิค
ต้องทำจดหมายเอง จนกระทั่งสภากาชาดก็ต้องทำจดหมายแถลงการณ์ออกมา
หมายความว่ากระทรวงสาธารณสุขและองคาพยพอาจจะให้ข่าวที่บิดเบี้ยว แล้วโยนความผิดไปให้คนอื่น
เพราะฉะนั้นสภากาชาดเขาก็บอกว่าเขาดีลมานานแล้ว โดยตรงเลยกับซีดีซี
กับองค์การระหว่างประเทศ แล้วก็กับสหรัฐฯ ในการที่จะเอาวัคซีนไม่ว่าจะไฟเซอร์
โมเดอร์นา หรือจอห์นสันเข้ามา
เขาไม่ได้ไปแย่งโควตา
แต่เป็นเพราะองค์การเภสัชฯ ต้องการที่จะรวบเอาขององค์กรเอกชนกับสภากาชาดมาเป็นล็อตเดียว
5 ล้าน ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชนเอาไป 4 ล้าน สภากาชาดเอาไป 1 ล้าน
คือขณะนี้สาธารณสุขไทยไม่ว่าคุณจะคบหาทำงานกับใคร ปรากฏว่าทุกฝ่าย ทุกส่วน
กระทั่งบริษัทนำเขาหรือองค์กรต่าง ๆ ตั้งออกมาแถลงการณ์หมด
เพราะว่ามิฉะนั้นเขาจะกลายเป็นแพะ!
ข้อใหญ่ใจความของดิฉันก็คือว่า
สถานการณ์ขณะนี้มันเลวร้ายสุด ๆ มันคือกลียุคของพระนครและของประเทศไทยแล้ว
ขณะนี้ถ้าเป็นไฟมันก็ลามไหม้
ถ้าคุณมีจินตนาการแบบกรุงศรีอยุธยาก็คือไฟไหม้หมดทั่วทั้งพระนครแล้ว
และผู้คนก็พากันเปิดหนี คนหนีจากแคมป์ หนีจากบริษัท แล้วก็หนีจากตัวพระนคร
เพราะฉะนั้น ขณะนี้มันก็ลามไปทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯ ยอดเฉพาะที่ตรวจ ที่ติด
ก็เกือบประมาณครึ่ง ๆ ของยอดรวมทั้งประเทศ แต่ไฟมันลามไปหมด
เพราะผู้ปกครองไร้วิสัยทัศน์ ไร้ความสามารถ แล้วก็ไม่ยอมแก้ไข
คือคนโบราณเขาใช้คำว่า คนดีจะแก้ไข แต่คนจัญไรนี่แก้ตัว
แต่ดิฉันขอเปลี่ยนมา
เพราะมันจะได้มีหลายมุม บางอย่างไม่ใช่ชั่ว แต่โง่ โง่ก็ไม่ยอมแก้ไข
แล้วคนแบบประมาณจัญไรนี่แหละก็จะเอาแต่แก้ตัว
แต่ที่ชั่วในทัศนะดิฉันคือคนเราทำผิดได้ ทำพลาดได้ แต่คนชั่วจริง ๆ
คือโยนความผิดให้คนอื่น คือทั้งไม่แก้ไข แล้วไม่อยากแก้ตัวด้วย เลยโยนความผิดให้คนอื่น
ตอนนี้โยนความผิดไปให้โควิดว่าเพราะมันกลายพันธุ์ สรุปว่าตัวเองไม่ผิดเลย
พี่น้องประชาชน
คือขณะนี้เราแต่ละคนก็ช่วยตัวเองอย่างมาก
แต่หลายคนอาจจะคิดว่ามันยังไกลตัวหรือเปล่า แต่ดิฉันคิดว่ามันไม่ไกลแล้วนะ
ขณะนี้คุณต้องคิดว่าคนที่อยู่รอบข้างคุณติดเชื้อ คุณต้องป้องกันขนาดนั้น
แน่นอนเราก็ยังเป็นประชาชนที่ต้องสวมแมสก์ ต้องหมั่นล้างมือหรืออะไรต่าง ๆ
ตามที่เขาโฆษณา
แต่ที่รัฐโฆษณานั้นเรียกร้องประชาชน
แต่เวลาประชาชนจะมาเรียกร้องรัฐ มาเล่นงานเขา มาจับเขา มาฟ้องร้องเขา ทำไม
คุณเอาเงินของเราไป เอาไปกินอยู่อย่างดีด้วยภาษีประชาชน
แล้วคุณมาบอกให้เราช่วยตัวเอง แล้วต้องฟังคุณ คุณเรียกร้องเราได้
แต่เราเรียกร้องคุณไม่ได้ เรากลายเป็นกบฏ ประมาณนั้น
สิ่งที่ประเทศไทย
คนไทย เหนือกว่าประเทศอื่นคืออะไร คือจิตใจอาสา ดิฉันดูแล้ว
จดหมายของแอสตร้าเซนเนก้ามีอยู่ตอนหนึ่งที่เขาเขียนเลยว่า เขาพบว่าคนไทย 1 ใน 3
ได้บริจาคเงินและได้พยายามช่วยกิจการส่วนรวม เขาเขียนอย่างนี้แปลว่า
นัยยะก็คือเขาด่ารัฐบาลนั่นแหละ ก็คือประชาชนต้องออกมาช่วยตัวเอง การเก็บศพ
การตามหาเตียง แล้วการที่ขนคนกลับต่างจังหวัด อะไรต่าง ๆ เหล่านี้นะเป็นอาสาทั้งนั้น
เรามีอาสามาตั้งแต่ป่อเต็กตึ๊งมาร่วมกตัญญูมายาวนาน
บัดนี้อาสาเต็มไปหมดทั่วทั้งประเทศ แล้วกลุ่มอาสาประชาชนนำหน้าสาธารณสุขไป
แล้วเป็นคนที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แล้วรัฐตาม ตอนนี้สิ่งที่ทำบอกว่ามี Antigen Test Kit สั่งแล้ว 8.5 ล้านชุด โน่น...ได้เอาดไตรมาส 4 แล้วไม่มีอะไรรองรับ
แก้ปัญหาอีกอันหนึ่งก็คือเอาทหารเอาตำรวจมาช่วย
ถามว่าทำไมเพิ่งคิด ที่ทางของทหารก็มีตั้งเยอะแยะ โรงพยาบาลก็มีตั้งเยอะ บุคลากร
แล้วภาพที่ทหารมีกาชาดอยู่ข้าง ๆ ที่แขน ดิฉันเคยเห็นแต่สะพายปืนนะ
เวลามาปราบประชาชนมีภาพทหารติดปลอกแขนกาชาดสะพานปืน ปี 53 มาเป็นลำดับ
ก็เปลี่ยนซิคะ เปลี่ยนมาใส่ชุด PPE มาเป็นพลเปลลงสู่ประชาชน ตอนนี้เพิ่งทำ
คำถามว่าทำไมเพิ่งทำ
ในขณะที่บุคลากรการแพทย์อื่น
ๆ
นอกจากทำเต็มที่แล้วยังถูกโกงค่าเบี้ยเลี้ยงอีกจากพันกว่าเหลือเจ็ดร้อยกว่าตามที่ดิฉันทราบ
แล้วถ้าไม่เรียกกลียุค จะเรียกว่าอะไร เพราะว่าการแก้ไขนั้นมันไม่ทันการ
เพราะมันไม่ได้ยอมรับและมันไม่รู้ว่าอะไรคือผิด อะไรคือถูก
เมื่อไม่รู้ว่าอะไรคือผิดอะไรคือถูก ก็ปล่อยประเทศไปตามยถากรรม
ปล่อยให้กลไกรัฐที่ชั่วร้าย ที่อืดอาดทำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี กสทช.
เรื่องเบอร์โทรศัพท์ มันเป็นตัวอย่างเลวร้ายที่สุดเลยว่าสาธารณสุขมีการบอกว่าของตัวเองฟรี
แต่ไม่พูดถึงผู้ที่โทรมาหา
แล้วกสทช.กับกระทรวงดีอีเป็นบ้าเป็นยังไงไปหรือเปล่า
ไม่รู้หรือว่านี่มันถึงคราวไฟไหม้พระนครแล้วนะหรือกลียุคอยู่แล้ว
คุณยังไปคิดเงินกับเขาได้ยังไง แล้วเขาโทรก็ไม่ติด โทรก็ไม่ติด
หน้าที่ดีอีไม่ใช่มาแก้ปัญหาว่าคนด่ารัฐบาล
มันต้องทำให้การติดต่อของประชาชนโดยการใช้การสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือนั้นคล่องตัวที่สุด
นี่มันเป็นหน้าที่ ไม่ใช่มีหน้าที่เอาไว้จับคนด่ารัฐบาล
เขาด่าเพราะเขาต้องการให้ประเทศดีและแก้ไขปัญหา เขาไม่ได้ด่าเพื่อตัวเขาเองจะได้ยิ่งใหญ่ขึ้น
เราช่วยตัวเองเราก็ต้องช่วย
เมื่อผ่านมา 7 ปี แล้วมาจนถึงขั้นนี้ แล้วหน่วยงานความมั่นคงทั้งหลาย
กรรมการยุทธศาสตร์ 20 ปีทั้งหลาย ไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
แล้วก็ไปเป็นตายร้ายดียังไง ไอ้กรรมการยุทธศาสตร์ 20 ปี คุณมีเรื่องโควิดบ้างมั้ย?
คุณมีเรื่องโรคระบาดบ้างมั้ย? อย่าว่าแต่คุณจะไปแก้ปัญหาประเทศ 20 ปี ปีเดียว
สองปี สามเดือน คุณก็ยังทำไม่ได้เลย.
#COVID19
#โควิด19
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์