แลไปข้างหน้า
กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.52
ตอน
: รอตรวจ รอติด รอตาย สุดท้ายรอเตา!
ก็มาพบกันในเวลาที่เลวร้ายสุด
ๆ ของประเทศไทย เลวร้าย! ไม่ใช่ว่าเป็นพายุถล่ม แผ่นดินไหว หรืออะไร
อันนั้นหมายความว่ามันเกิด ต่อให้มันรุนแรงอย่างเช่นสึนามิ
มันเลวร้ายขนาดคนตายทันที 700-800 คน แต่อันนี้มันเลวร้ายกว่านั้น!
เหตุผลที่เลวร้ายกว่านั้นเพราะว่ามันเป็นลักษณะเลวร้ายยืดเยื้ออย่างไม่เห็นอนาคตเลย
มองไม่เห็นอนาคต และเมื่อกระบะทรายก็กลายเป็นปราสาททรายเรียบร้อยแบบที่นายกฯ พูด
ดิฉันถือว่า นี่คือสถานการณ์เลวร้ายสุด ๆ ของประเทศ
ในยามที่พวกจารีตนิยม/อำนาจนิยมครองประเทศ ครองมากว่า 7 ปี
แล้วทำท่าจะครองยาวนาน
การครองอำนาจยาวนานครั้งนี้มันได้พิสูจน์สุด
ๆ เลยว่า วิธีคิด วิธีทำงาน และฝีมือในการบริหารประเทศ
ในการรับผิดชอบประเทศนี้อยู่ในระดับไหน? ระดับที่แย่สุด ๆ
ถ้าคิดเป็นคะแนนมันก็คือสอบตก F ตกไปเลย แต่มันไม่ใช่คะแนนของตัวเอง
มันเป็นคะแนนของประเทศที่คนไทยต้องอยู่กับสภาพที่เลวร้ายอย่างที่ไม่เห็นอนาคต
ดิฉันก็ยังเตรียมเอาไว้ว่าสภาพของคนในประเทศทุกวันนี้ก็คือ
รอตรวจ(เชื้อ) แล้วก็รอการติด(โรค) แล้วก็รอ(ตาย) เพราะว่าต้องรอนาน
รอตายแล้วสุดท้ายยังต้องรอเตา(เผา)
ถามว่ามันเคยมีแบบนี้มั้ย???
นี่มันได้แสดงฝีมือของพวกจารีตเลยว่าไม่มีความสามารถในการที่จะดูแลรับผิดชอบชีวิตประชาชน
อย่าหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แล้วก็อย่าไปหวังว่าจะมีอนาคตที่รุ่งเรืองอะไรต่าง ๆ
แบบที่คุยเอาไว้ว่าจะปฏิรูปประเทศ แล้วก็นักการเมืองเลว
ปล่อยให้นักการเมืองมาบริหารไม่ได้ มันมีแต่คนขึ้โกงแล้วก็ประเทศย่อยยับ
แต่มา
ณ บัดนี้ อำนาจอยู่ในมือของชนชั้นนำจารีตเด็ดขาด
รวมทั้งรัฐธรรมนูญที่เขียนไม่ให้แก้ คือเขาครองอำนาจเบ็ดเสร็จ เราเคยมีหนังเรื่อง
“2499 อันธพาลครองเมือง” แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าอันธพาลครองเมือง คือครองอำนาจมากว่า 7
ปีแล้ว แล้วทำท่าจะอยู่ต่อไปอีกสิบกว่าปีด้วย
เมื่อจารีตนิยม/อำนาจนิยมครองเมือง
ในสภาพที่ท่านผู้ชมลองคิดดูว่าเราพูดถึงปรากฏการณ์ ขณะนี้เคยมีมั้ย?
การที่ประชาชนต้องออกมารอตรวจเชื้อโควิด แล้วก็เข้าคิวกันเต็มไปหมด
คนที่มารอตรวจเชื้อนะ
ซึ่งมันเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องจัดหาให้ในการตรวจว่าตัวเองติดโรคหรือเปล่า?
เพราะว่าเมื่อตรวจแล้วถ้ารู้ก็จะได้ไปรักษาหรือจะได้แยกตัว
แล้วก็จะได้ไม่อยู่ในชุมชน ไม่อยู่ในสังคม ซึ่งจะทำให้มีการระบาดไปอีก
การรอตรวจมันบ่งชี้หลายอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นเลย
ดิฉันเคยพูดมาตลอดว่าทำไมคุณไม่ใช้ Rapid Test มาถึงวันนี้มาใช้ Rapid
Test มันสายไปแล้ว คือถ้าเหมือนเป็นไฟไหม้มันก็ลาม ลามไหม้ไปทั้งกรุงเทพฯและทั่วประเทศแล้ว
คุณจะมาใช้ Rapid Test ตอนนี้ เอาล่ะ! มันก็ยังดี
แต่คำถามว่าแล้วทำไมเพิ่งมาใช้?
เพิ่งมาใช้เพราะว่าต้องพูดว่าเป็น
“นิสัย” ดิฉันไม่อยากจะใช้คำ ถ้าพูดเป็น “สันดาน” ก็ได้
จารีตนิยมก็จะเป็นแบบนี้ก็คือไม่ต้องการโชว์ตัวเลขว่าคนติดเชื้อมาก
ไม่ต้องการโชว์ตัวเลขว่าคนตายมาก อยากจะทำให้ดูตัวเลขน้อย ๆ
ดังนั้นถ้าตรวจมากมันก็พบติดเชื้อมาก มีที่ไหนที่ตรวจแล้วพบการติดเชื้อ 80
กว่าเปอร์เซ็น
อย่างขณะนี้คนติดเชื้อในระดับหมื่น
คุณต้องตรวจวันละเป็นแสน ไม่ใช่คนติดเชื้อหมื่น แล้วก็ตรวจได้ 1 หมื่น แล้วตอนนี้เอา
Rapid
Test มา ถามว่าตรวจได้เท่าไหร่ ทำไมไม่ให้ประชาชนเขาใช้ เพราะว่า Rapid
Test อย่างน้อยที่สุด โรงงาน ตลาด ชุมชน ให้เขาตรวจ เขาก็จะได้รู้
แล้วคนไหนที่ผลเป็นบวก (Positive) ก็ไปตรวจซ้ำ
แล้วสิ่งที่ทำที่แสดงให้เห็นที่ดิฉันบอกเลยว่าความเลวร้ายของพวกจารีตก็คือก็อยากจะบอกว่ารัฐบาลนี้ดี
คนติดเชื้อน้อย มีการไปบอกโรงพยาบาลด้วยว่าถ้าตรวจแล้วมีผลบวก ต้องรับผิดชอบเอง
ก็แปลว่าไม่อยากให้ตรวจ ก็แปลว่าไม่อยากให้มีตัวเลขคนติดเชื้อเยอะ? แล้วเป็นยังไง
เพราะฉะนั้น
ตอนนี้มันจากรอตรวจก็เป็นการรอติดโรคที่ลาม แล้วก็รอตายเพราะว่าคุณไม่เอาเขาไปรักษา
คุณต้องรอเตียง แล้วสุดท้าย คิวไปรอเตาเผา คือมันเริ่มต้นจากความคิดที่ปกปิดข้อมูล!
แล้วมา
ณ บัดนี้ จากที่เราอยู่ในลำดับท้าย ๆ ดิฉันดูของ Worldometer.info ซึ่งเป็นเรียลไทม์
วันนี้นะมีคนตายที่เขารายงานของโลกทั้งหมดมันเป็นเรียลไทม์ เพิ่งรายงาน 247 คน
ของเราเขาเขียนเลย ตาย 80 ดูทั้งหมดเลยของโลกเราตายมากที่สุด
แต่ว่ามันเป็นไปได้ว่าบางประเทศยังไม่ได้รายงาน
ก่อนหน้านี้
ก่อนหน้าที่คิวบาและประเทศในอเมริกาใต้จะชี้แจงออกมา ลำดับของเรานั้น
อัตราติดเชื้อต่อแสนคนอยู่ในลำดับ 5 ผู้ป่วยหนักอยู่ในลำดับ 8 ของโลก
คือบางทีเราดูตัวเลขคล้าย ๆ ดูเหมือนเราน้อยกว่าอินเดียนิดนึง
แต่อย่าลืมว่าเราต้องเทียบอัตราส่วน ประชากรอินเดียเขามีเท่าไหร่
เขาติดเชื้อหรือเจ็บหนักตัวเลขใกล้กับเรา แต่จริง ๆ
เราแซงเพราะว่าประชาชนกรเขามากกว่าเราเยอะ นี่ยกตัวอย่าง
ดังนั้น
แปลว่าเราพุ่งไปในทางเลวร้าย
หรือจะเรียกว่าดำดิ่งไปในความเลวร้ายก็ได้ในอัตราที่สูงและไวมาก
ซึ่งเราพูดตั้งแต่ต้นแล้ว ดิฉันไม่ได้อยากจะมาตำหนิทั้งโกลน แต่ว่าขณะนี้สถานการณ์ประเทศมันดิ่งเหว
แล้วการที่กลุ่มจารีตครองอำนาจ วิธีคิด
วิธีทำงานแบบจารีตมันตามไม่ทันกระทั่งเชื้อโรค
อย่าว่าแต่จะไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น
เพราะเป็นวิธีคิดและวิธีทำงานที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจริง
แต่ต้องการปกปิดข้อมูล ต้องการยกยอรัฐบาล ต้องการปกป้องรัฐบาล แล้วก็ป้อยอ
แล้วหัวร่อต่อกระซิก จนกระทั่งดิฉันถามว่าคุณได้ยินเสียงร้องไห้ของประชาชน
ได้ยินเสียงคร่ำครวญของประชาชนมั้ยที่ไปยืนหัวร่อต่อกระซิกกัน
แล้วความคิดต่าง
ๆ มันไม่ได้สอดคล้องความเป็นจริง เพราะความผูกพันกับประชาชนนั้น เนื่องจากไม่ได้มีที่มาจากประชาชน
ดังนั้น ความคิดรับใช้ประชาชนมันจึงไม่มี หรือมีน้อยมาก
แต่ตรงข้ามคือความคิดเป็นนาย พอเป็นนายประชาชนก็แล้วแต่นายจะจัดสรรอะไรให้
วัคซีนเหรอ? ก็จัดมาแบบนี้ ไม่มีทางเลือก คุณก็ฉีดไปซิ
“วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่มี” เขาร้องอยากได้ Messenger RNA Vaccine (mRNA) หรือ “โนวาแวกซ์” ตอนนี้ที่ต้องการก็คือ “โนวาแวกซ์” กับ mRNA
Vaccine ไม่ว่าจะเป็น “โมเดอร์นา” ไม่ว่าจะเป็น “ไฟเซอร์” ก็ได้
แต่คำถามว่า
เวลาคิดแบบเป็น “นาย” ก็ถือว่า “นาย” คิดดีแล้ว พวกคุณก็รับไปเท่าที่ให้
เหมือนเป็นข้า เป็นทาส เป็นอะไร ก็แล้วแต่เขาให้มา ดีเท่าไหร่แล้ว แต่ขอโทษ
เงินที่เอาไปซื้อ ภาษีประชาชนทั้งสิ้น เงินเดือนที่กินอยู่แล้วก็ไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจก็มาจากประชาชน
แต่ประชาชนกลับไม่ใช่ “นาย” กลายเป็นว่าคนที่เอาเงินจากประชาชนเป็น “นาย”
และประชาชนผู้ซึ่งทำงานแล้วก็จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนของเหล่าข้าราชการทั้งการเมืองและข้าราชการของรัฐบาลขณะนี้
ซึ่งเป็นกลุ่มจารีตขึ้นมาครองอำนาจทั้งสิ้น
คนเหล่านี้มันไม่ได้ผูกพันกับประชาชนในฐานะที่เห็นประชาชนเป็น “นาย” แต่กลับกัน
เพราะฉะนั้นปัญหามันถึงได้เกิดขึ้นในขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการซื้อวัคซีน การกระจายตัววัคซีน การบริหารกิจการ
และการปกปิดข้อมูล
ดังนั้น
มาถึงในขั้นนี้ ถ้าคุณไปดูภาพของการที่รอตรวจ คนไปรอตรวจมันกลับจะไปติดเชื้อกันตรงนั้นนะ
แล้วก็ความที่ว่าตั้งรับ ก็คือไม่ตรวจเชิงรุก ก็ตั้งรับที่โรงพยาบาล
แล้วบอกโรงพยาบาลอย่าตรวจมาก ถ้าตรวจแล้วรับผิดชอบนะ ดังนั้น
ตัวเลขในขณะนี้ที่มันพุ่งกระฉูด คำถามว่าถ้าคุณอยู่ในสภาพตั้งรับขนาดนี้ คิดอวดดี
ก็คิดว่าเอาอยู่ รับอยู่ สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ก็รอตาย คือรอเตียงจนตาย
รอเข้าโรงพยาบาลจนตาย แล้วสุดท้าย ตายก็ยังไปเข้าคิวที่เตาเผา ดังนี้เป็นต้น
คือจากที่ไม่น่าจะต้องติด
ไปรอตรวจ คนแน่นขนัด มันก็จะไปติดตรงรอตรวจนั่นแหละ!
หรืออีกอันหนึ่งก็คือการบริหารงานฉีดวัคซีน
คือทั้งหมดนี้ถ้ามันเริ่มต้นการป้องกัน
และมีวิธีคิดที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนายประชาชน แต่ประชาชนเป็นนาย
ทำยังไงที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับประชาชน คุณจะไปซื้อ “แอสตร้า เซนเนก้า”
อย่างเดียวได้ยังไง จนกระทั่งขณะนี้คนก็เลยพยายามไปขุดคุ้ย “สยามไบโอไซเอนซ์”
อะไรต่าง ๆ ขึ้นมา จริง ๆ ไม่ใช่ความผิดของสยามไบโอไซเอนซ์
แต่มันเป็นความผิดของรัฐบาล
หรือกระทั่งการที่มาในขณะนี้
โรงพยาบาลเอกชนเขาก็อยากจะซื้อวัคซีนที่เป็นทางเลือก
ก็ปรากฏว่ารัฐบาลที่เป็นเจ้านายแบบนี้
โดยเฉพาะองค์การเภสัชกรรมและกระทรวงสาธารณสุข ก็เตะถ่วง เดิมอ้างว่าอยู่ที่อัยการ
ต่อมาก็บอกว่าที่ต้องคิดเงินเพิ่มเพราะมีภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมศุลกากรออกมาบอกเลยว่าไม่มีการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ขอคืนภาษีได้) ในยาพวกนี้
ดิฉันมองว่ากลุ่มชนชั้นนำจารีตและอำนาจนิยมที่ครองอำนาจในสังคมไทยขณะนี้ครองอำนาจมายาวนาน
นี่เป็นครั้งที่เขามีอำนาจมากที่สุด แล้วเป็นเอกภาพมากที่สุด
แล้วก็เผชิญกับมหันตภัยที่มันทดสอบฝีมือ คืออย่าบอกเลยว่ามีนักการเมืองเลว
อย่าบอกว่ามีประชาชนโง่เง่า ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มีวินัย ไม่ใช่ทั้งนั้นเลย!
เป็นฝีมือของจารีตนิยม/อำนาจนิยมล้วน ๆ
ที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีความสามารถในการที่จะแก้ปัญหาและนำพาประเทศหรือประชาชนให้หลุดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้เลย
ดิฉันเชื่ออย่างนั้น อย่าโทษใคร พวกคุณนั่นแหละทั้งนั้นเลยที่เป็นคนตัดสินใจในการซื้อวัคซีน,
ตัดสินใจในการที่ไม่ยอมตรวจเชิงรุก, ติดสินใจที่จะปกปิดข้อมูล
เวลาเขาถามอะไรก็คาดดำมาหมด ข้อมูลต่าง ๆ แล้วก็อ้างโน่นอ้างนี่
คือทำงานแบบข้าราชการในรัฐจารีตและรัฐเผด็จการ มันถึงเกิดผลอย่างนี้ สิ่งนี้ประชาชนไทยควรจะตาสว่างได้แล้วว่า ที่คุณบอกว่าต้องให้คนดีบริหารประเทศ
เอาคนไม่โกงกิน ต้องเอาคนที่จงรักภักดี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เข้ามาดูแลประเทศ เป็นไง? ไปโทษว่าคนอื่นเขาไม่จงรักภักดี เขาไม่รักชาติ
ก็คนดีนี่แหละมีอำนาจที่สุด มีอำนาจทั้งในรัฐบาล
มีอำนาจทั้งในสภานิติบัญญัติเพราะมีวุฒิสมาชิก มีอำนาจทั้งในระบบราชการ
มีอำนาจในกระทรวงสาธารณสุข คือพูดง่าย ๆ ว่าแนวคิดเป็นสลิ่มแท้ ๆ เป็นจารีตนิยมแท้
ๆ แล้วก็ต้องการให้ทหารเข้ามาเป็นผู้นำเพื่อกดทับนักการเมือง
พรรคการเมืองที่ประชาชนชื่นชอบ
ตอนนี้มันชัดอยู่แล้ว
และมองไม่เห็นอนาคตประเทศ ดิฉันก็อยากจะถามว่าประชาชนคนไทยจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรือ?
แน่นอน ปัญหาโควิดเป็นอุปสรรค แต่ว่าในวิกฤตมันก็มีข้อดีของมัน
ถ้าคนที่ยังมองไม่เห็นความเลวร้าย ความไร้ความสามารถของพวกจารีตนิยม ในเวลานี้นะ
ดิฉันว่ามันเข้าข่ายไม่รู้ว่าเป็นคนเมา เป็นคนบ้า หรือปัญญาอ่อนกันแน่
ดังนั้น
คนที่ไม่ใช่คนบ้า คนที่ไม่ใช่คนปัญญาอ่อนทั้งหลาย ก็น่าจะตาสว่าง
และเมื่อตาสว่างแล้วเราพบความเลวร้ายที่สุด
มันก็เป็นข้อดีว่าจะทำให้คนจำนวนมากมองเห็น จึงเกิดสลิ่มกลับใจอยู่มากพอควร
ดิฉันก็คิดว่าในร้ายที่สุดมันก็มีสิ่งดี แต่สิ่งดีตัวนี้มันแลกมาด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต และความหายนะของประเทศ ดังนั้น ต่อไปหลังจากนี้ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่าที่สุด ที่ไม่ควรจะให้โศกนาฏกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ
#COVID19 #โควิด19
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์