ทนายตั้ง 4 คำถาม ติดใจการนับวันคุมขังและวันนับโทษต่อ กรณี "จตุพร"
วันนี้ (8 ก.ค. 64) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้โพสต์เป็นบันทึกคดีวันนี้ โดยมีความว่า
พึ่งออกจากศาลมาครับ วันนี้เหนื่อย…
“…จำเลยก็อุทธรณ์และฎีกาเพียงว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในเรื่องการนับโทษต่อว่าไม่ชอบแต่อย่างใดจำเลยเพิ่งยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นกล่าวอ้างภายหลังจากคดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว ซึ่งหาอาจจะทำได้ไม่เนื่องจากล่วงเลยระยะเวลาอุทธรณ์และฎีกาแล้วจึง เท่ากับจำเลยยอมรับในเรื่องคดีที่ขอให้นับโทษต่อ… “นั้น
ด้วยความเคารพครับ
ข้อเท็จจริงคือ หากโจทก์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) โดยทนายโจทก์ ไม่ยกเรื่องที่รับโทษต่อไม่ครบ ให้เรียกจำเลยมารับโทษอีก เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะจำเลยถูกบังคับคดีถูกขังตามหมายขังของศาลและปล่อยตัวมาแล้วด้วย
ดังนั้น การที่จำเลยยกเหตุผลการนับโทษต่อขึ้นสู่ศาลฎีกาว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ไม่เป็นธรรม) จึงเป็นเรื่องที่มิใช่พึ่งจะมาโต้แย้งภายหลังแต่อย่างใด
~~~~~~
ที่ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้นับโทษคดีที่สองต่อจากคดีเเรกเมื่อคดีเเรกถึงที่สุดนั้น
#สรุปว่าศาลอาญาได้ตรวจสอบวันคุมขังที่ให้นับต่ออีกต้องถูกคุมขังอีกนับแต่วันนี้(8 ก.ค.64) ให้หักวันคุมขังเพียง 14 วัน
ถามว่า สิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขังจริง(นายจตุพร) ก่อนหน้านี้ นายจตุพรควรจะได้รับประโยชน์ด้วยใช่หรือไม่
#ผมยังติดใจการนับวันคุมขังและวันนับโทษต่อ ซึ่งจะยื่นคำร้องและหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีศาลอาญาต่อไปในเร็ว ๆ นี้
แต่วันนี้ขอตั้งประเด็น (คำถาม) ให้คิดว่า
1) การรับโทษตามคดีแรกครบแล้ว ไม่มีโทษให้นับต่อแล้วใช่หรือไม่
2) หมายปล่อยตัวของศาลทั้งสองคดี ยังเป็นหมายปล่อยที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิ่งใดบอกว่าหมายปล่อยตัวไม่ชอบฯใช่หรือไม่
3) การเอาตัวจำเลยที่ถูกขังตามหมายขังแล้ว การจะเอาตัวจำเลยมาขังใหม่ เพียงเหตุว่าศาลฎีกาบอกให้นับต่อได้ แต่คำตอบข้อ 1)และ 2) ยังไม่ได้ถูกลบล้างไป จำเลยย่อมถูกกระทบสิทธิอย่างร้ายแรง ใช่หรือไม่
4) หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด ที่ส่งผลให้จำเลยต้องขังในเรือนจำจริง แม้จะถูกศาลเพิกถอนหมายจำคุกฯ จะมีผลให้ไม่สามารถนำวันคุมขังมาหักใช่หรือไม่
บันทึกคดี 8 กรกฎาคม 64 19:32 น.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์