"ลิเบอร์ต้า" จ่อทำเนียบรอบ 2 " ทวง 5 ข้อเรียกร้อง" - พญ.จี้ประยุทธ์ อนุทิน หยุดแก้ตัว ด้านพยาบาลเผยกดดันจากภาระงาน ยอดคนไข้ และต้องมากดดันกับความผิดของรัฐบาลอีก
สืบเนื่องจากกลุ่มลิเบอร์ต้าได้ยื่นหนังสือ 5 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1. ลดค่าเทอม 50 เปอร์เซ็นต์ 2. จัดหาวัคซีนถ้วนหน้า 3. เยียวยาขั้นต่ำ 80 เปอร์เซ็นต์ 4. พักชำระหนี้ทุกอาชีพ 5. เพิ่มเงิน และบรรจุบุคลากรทางการแพทย์ เป็นข้าราชการ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยได้ให้เวลารัฐบาล 5 วัน ในการทำตามข้อเรียกร้อง จนครบกำหนดยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ นั้น
วันนี้ ( 27 ก.ค. 64) ที่ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มลิเบอร์ต้า พร้อมด้วยประชาชนจำนวนหนึ่ง จึงได้จัดกิจกรรมทวงความคืบหน้า 5 ข้อเรียกร้อง
โดยเวลาประมาณ 17.30 น. ราษดรัมรัวกลอง จากนั้นพิธีกร กล่าวว่า เมื่อ 5 ข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบรับ เราจึงต้องมาทวงถาม กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต่อมา พญ.ปวลิน ชื่นพุฒิ หน่วยแพทย์พยาบาลเพื่อมวลชน (พมช.) ปราศรัยถึงสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมานั้น ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่คนของรัฐเองกับเป็นผู้ที่ทำให้เกิดคลัสเตอร์เสียเอง ทั้งสนามมวย และทองหล่อ
ทั้งนี้มาตราการต่าง ๆ ของรัฐก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เช่นในเรื่องการตรวจหาเชื้อที่ตรวจได้จำนวนน้อย รวมทั้งสถานที่ตรวจเองนั้นก็ค่อนข้างแออัด อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อขึ้นได้
กรณีผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วการหาเตียงนั้นค่อนข้างยากทำให้ผู้ป่วยหลายคนต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งการดูแลไม่ทั่วถึงนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ป่วยจำนวนมาก
ปัญหาในเรื่องงบประมาณและบุคลากรที่มีค่อนข้างจำกัด ทำให้บุคลากรที่ได้มีความถนัดในเรื่องโรคติดต่อต้องเข้ามาทำงาน
เรื่องการใช้วัคซีนเชื้อตายหรือซิโนแว็ค นั้นในปัจจุบันแทบจะไม่สามารถรับมือกับสายพันธุ์เดลต้าได้ซึ่งกำลังระบาดหนักในปัจจุบัน บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ก็ฉีดซิโนแว็คทำให้บุคลากรหลายคนติดเชื้อและเสียชีวิต
กรณีการฉีดแอสตร้าเซเนก้าก็มีผลข้างเคียงสูง อาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต ในส่วนวัคซีน mRNA นั้น โดยเฉพาะ "ไฟเซอร์" ค่อนข้างใช้ได้ผลทั้งเชื้อตัวเก่าและเชื้อที่กลายพันธุ์ ผลข้างเคียงก็มีค่อนข้างน้อย ซึ่งวัคซีนที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ "ไฟเซอร์" และ"โมเดอร์น่า" โดยรัฐจะต้องเป็นผู้นำเข้าและฉีดให้กับประชาชนอย่างถ้วนหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ขณะนี้ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และเสียชีวิตอีกจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีและคณะทำงานจะบ่นว่าทำงานหนักไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือต้องเร่งจัดหาวัคซีน ไม่ใช่การออกมาแก้ตัว หากยังจัดหาวัคซีนไม่ได้ก็ขอให้ลาออกแล้วให้คนที่มีความสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหา
ขณะที่ นางสาวสาวิตรี พยาบาลด่านหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ปราศรัย โดยกล่าวว่าตอนนี้พยาบาล 1 คนดูแลคนไข้ 40 คน โดยใน 1 เวรใช้เวลา 8 ชม. ที่ต้องใส่ชุด PPE เพื่อเข้าไปดูแลคนไข้ พวกเราไม่ได้กลับบ้านมานานแค่ไหนแล้ว ในขณะที่คุณไม่มีทางที่จะไม่ได้กลับบ้าน
เราคือคนที่มารับปัญหาในการกระทำที่ผิดพลาดของคุณ และเรายังได้รับการคุ้มกันที่ไม่มากพอ ล่าสุดมีคุณหมอติดเชื้อในขณะที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3 เข็ม คือ ซิโนแวค 2 เข็มและแอสตร้าในเข็มที่ 3 เบี้ยเสี่ยงภัยบางพื้นที่ก็ไม่ได้ ค่าเวรก็ได้เท่ากับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ภาระงานกลับมากขึ้นหลายเท่า วินาทีที่รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตทั้งจากความเหนื่อยล้าจากยอดผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริหารไม่ดีพอของผู้นำ
มันหนักถึงขนาดที่ว่า เคยร้องไห้ใต้ชุด PPE มาแล้ว เป็นปีที่รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะความกดดันจากภาระงาน ยอดคนไข้ คือการไม่ได้รับการจัดการโดยผู้บริหารที่ดี ชักช้า และความผิดพลาดของรัฐบาล คือความกดดันที่ทำให้รู้สึกว่าทำไมเราต้องมาอยู่ตรงนี้ ทำให้ร้องไห้ออกมา
"เจาะเลือดคนไข้ไป สะอื้นไป ไม่คิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดแย่ขนาดนี้ สิ่งที่ทำให้มีแรงขึ้นเวรในทุกวัน ก็เพราะสงสารคนไข้ที่เป็นประชาชนตาดำ ๆ ไม่มีสิทธิเลือก แต่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพียงเพราะผู้มีอำนาจ เลือกจัดการบริหารอย่างไม่ตรงจุดแบบนี้ หากคนที่มีอำนาจ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คุณจะไม่มีบุคลากรเพียงพอในการจัดการปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน"
"แค่สู้กับโรคร้ายก็หมดแรงแล้ว แต่ยังต้องมาสู้กับผู้มีอำนาจอีก อยากบอกว่าถ้าวันหนึ่งคงเราหมดแรงจะสู้แล้วอยากให้ทุกคนรู้ว่าเราสู้มาเต็มที่แล้ว" พยาบาลด่านหน้ากล่าว
ด้านตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ไม่ทน กล่าวปราศรัยในฐานะผู้ใช้แรงงาน พร้อมระบุว่า ทางกลุ่ม ได้จัดกิจกรรม โดยผู้ขับรถแท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขับรถไปจอดที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ), ชุมนุมส่งเสริมสหกรณ์, กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน
จากนั้น "บิ๊ก" จากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ปราศรัยในประเด็น "เยียวยาถ้วนหน้า" กล่าวตอนหนึ่งถึงรัฐบาลว่า ให้คิดถึงประชาชนบ้าง ผ่านมา 7 ปี ไม่มีอนาคต มีแต่การกู้เงิน แต่ไม่ได้ทำให้ประเทศพัฒนา ซึ่งทุกประเทศที่กู้เงินมา ได้เอาเงินมาเยียวยาประชาชน
วันนี้มีอำนาจควบคุมสั่งการได้ แต่วันที่หมดอำนาจ ทำตัวไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ที่เดียวที่อยู่ได้คือคุก ไม่เห็นใจคนบ้างหรือ เสียภาษีมา อยากให้รู้ว่า ภาษีทุกบาท ทุกสตางค์ ไม่ใช่น้อย อยากทวงถามว่าภาษีที่เสียไป เอาไปใช้อะไรบ้าง ประชาชนอยากให้เอาไปซื้ออะไรทีคุ้มค่า จัดรัฐสวัสดิการ ทำขนส่งสาธารณะที่ดี ไม่ใช่เอื้อนายทุนเข้ามาหาผลประโยชน์กับประชาชน" บิ๊กกล่าว
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต และ สน.นางเลิ้ง กระจายกำลังทั้งสองฝั่งถนนบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษ
โดยบรรยากาศในช่วงเริ่มกิจกรรมได้มีฝนโปรยปรายลงมา แต่ประชาชนก็ยังคงนั่งฟังการปราศรัย จนกระทั่งยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 19.10 น.
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ลิเบอร์ต้า #mRNAให้บุคลากรด่านหน้า
ประมวลภาพ