“บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”
อีกหนึ่งวันที่เจ็บปวดของฝ่ายประชาธิปไตย
ที่หลักฐานการฆ่าประชาชนกลางเมืองถูกทำลายจนหมดสิ้น
หลังการสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.) ในยุทธการกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์ของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้จบลงในวันที่
19 พ.ค. 53 โดยมีประชาชนเสียชีวิตร่วมร้อย บาดเจ็บนับพันราย อันเป็นผลจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหาร
ซึ่งอยู่ในการควบคุมของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.
โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้อำนวยการ
ต่อมา
ศอฉ.
ได้ส่งมอบพื้นที่การชุมนุมให้กับกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินการทำความสะอาดและปรับปรุงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย
และในวันที่ 23 พ.ค. 53 ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัทธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
(ในขณะนั้น) ได้นำเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรุงเทพมหานครและประชาชนจิตอาสากว่า 3,000
คนร่วมกันระดมเข้าฉีดน้ำล้างทำความสะอาดถนน ทางเท้า ทาสีทับบริเวณเสา สะพาน
สถานที่และถนนสายต่าง ๆ ทุกพื้นที่การชุมนุมและที่มีการฆ่าประชาชนในเหตุการณ์พฤษภา
53
ที่เฟซบุ๊ก
Weng
Tojirakarn ได้เคยโพสต์ถึง “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” เมื่อ 23 พ.ค. 63 โดยคุณหมอเหวงได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า
“บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”
คือวันจงใจทำลายหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ของการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองเมื่อพฤษภา
53 ไปจนหมดสิ้น
ทุกคนที่ไม่ได้เรียนกฎหมาย
ไม่ได้เรียนตำรวจ ไม่ได้เกี่ยวข้องทางด้านนิติศาสตร์เลยแม้แต่น้อย ก็พอจะรู้ว่าในคดีอาชญากรรมทุก
ๆ คดี หลักฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะนำอาชญากรมาดำเนินคดี
ดังนั้นอาชญากรที่มีสติปัญญาไหวพริบในการก่ออาชญากรรมทุกคนล้วนทำลายหลักฐานของการก่ออาชญากรรมของตนให้ไม่เหลือหลอเพื่อที่ตนเองจะได้พ้นเงื้อมมือกฎหมายลอยนวลภายหลังการก่ออาชญากรรมไปได้เพื่อไปก่ออาชญากรรมครั้งต่อ
ๆ ไป
“การฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองเมื่อพฤษภาคม
2553” น่าจะเริ่มลงมือภายหลังจาก “เล็งยิงกบาลเสธ.แดง พล.ต.แห่งกองทัพบก
โดยการดำเนินไปตามแผนอำมหิตของศอฉ.” เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2553
ซึ่งใน
“เสนาธิปัตย์” วารสารกรมยุทธศึกษาทหารบกได้เขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องกำจัด “เสธ.แดง” ภายหลังกำจัดฝ่ายนำทางการเมืองคือ
วีระ มุสิกพงศ์ ได้แล้ว
ฝ่ายศอฉ.ถือว่า
“เสธ.แดง” เป็นฝ่ายนำทางการทหาร
ซึ่งเป็นเรื่องโกหก
เพราะคนเสื้อแดงนปช.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ไม่ได้ต่อสู้ด้วยอาวุธ เป็นเพียงการต่อสู้ทางการเมืองล้วน
ๆ
จึงเริ่มมีการเล็งยิงประชาชนกระจายเป็นบริเวณกว้าง
ตั้งแต่สนามมวยลุมพินี (เดิม) ที่ถนนพระราม4 แถวบ่อนไก่
แถวสี่แยกสวนลุมพินี ตัดถนนสาธร แถวถนนสีลม แถวถนนราชปรารภ แถวประตูน้ำ
แถวสามเหลี่ยมดินแดง แถวอนุสาวรีย์ชัย แถวถนนสีลม แถวถนนสุขุมวิทพุ่งตรงไปยังเซ็นทรัลชิดลม
และบริเวณโดยรอบเวทีใหญ่สี่แยกราชประสงค์
ดังนั้นฆาตกร
ทิ้งร่องรอยไว้จำนวนมาก
ถ้าให้ผู้เชี่ยวชาญในการพิสูจน์หลักฐานที่เที่ยงธรรมเข้าไปเก็บหลักฐานทุกชนิด ตั้งแต่ภาพถ่ายไปจนถึงวัตถุต่าง
ๆ ที่น่าสงสัย ก็จะสามารถปะติดปะต่อภาพของการ “ฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมือง” ได้ไม่ยากและสาวลึกลงไปจนถึงชื่อพลทหาร
นายทหาร ผู้บังคับบัญชาการฆ่าทั้งหมดได้
ดังนั้นฟากอาชญากรจึงสร้างกระแส
“บิ๊กคลีนนิ่ง” ขึ้นมา
เพื่อทำลายหลักฐานของการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองให้หมดสิ้น
หรือให้มากที่สุดจนไม่อาจจะต่อภาพของการ “ฆ่าประชาชนกลางเมือง” ได้
พวกที่เข้าร่วมใน
“บิ๊กคลีนนิ่ง” ก็รู้ดีว่า
นี่คือการทำลายหลักฐานอย่างเป็นระบบครั้งมโหฬารและเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคงรวมไปถึงฝ่ายรักษาความยุติธรรมทั้งหลายก็รู้ดี
แต่ไม่เห็นมีการห้ามปรามหรือ กล่าวถึงแม้สักนิด
นี่เป็นการชี้บ่งชัดเจนว่า
เป็นการดำเนินการของ “ฝ่ายฆ่าประชาชน” ต้องการสร้างมาตรการที่ทำลายหลักฐานทั้งหมดทำให้ไม่สามารถสาวถึงตัวพวกเขาได้
ยิ่งเป็นการยืนยันว่า
“การฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมืองปี 2553 นั้น” เป็นการกระทำของฝ่ายรัฐ
ฝ่ายศอฉ. ฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ นั่นเอง
คนที่เข้าร่วมใน
“บิ๊กคลีนนิ่ง” ครั้งนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเครื่องมือ
หรือผู้ช่วยสำคัญในการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางเมือง
ทางกฎหมายถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมโดยตรงในการกระทำฆาตกรรม
#11ปีพฤษภา53 #บิ๊กคลีนนิ่งเดย์
#นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์
ประมวลภาพกิจกรรม "บิ๊กคลีนนิ่งเดย์"
(ขอบคุณทุกเจ้าของภาพ)