อ.ธิดา - หมอเหวงทำบุญ 11 ปี พฤษภา53 ธิดา ชี้ 11 ปีแห่งการรำลึก 15 ปีแห่งการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ลั่นภูมิใจที่ร่วมกับคนเสื้อแดง
ขณะที่นพ.เหวง ย้ำ 11 ปีแล้วที่ฝ่ายฆ่ายังลอยนวล เป็นหน้าที่คนยังมีชีวิตอยู่ต้องดำเนินการในการทำความจริงปรากฏ
วันนี้ (19 พ.ค. 64) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักข่าว ยูดีดีนิวส์ แคราย นนทบุรี อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมด้วย มวลชน กว่า 10 คน ร่วมพิธีทำบุญพระสงฆ์ 4 รูป ทำพิธีสงฆ์สวดบังสกุลและถวายสังฆทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม 2553
โดย บรรยากาศภายในงาน มีการนำรูป พร้อมรายชื่อวีรชนผู้เสียชีวิต ช่วงการชุมนุมเมื่อ เมษา- พฤษภา 53 มาติดไว้
ด้านอ.ธิดา กล่าว 19 พฤษภาคม 2564 นี้ถือเป็นการทำบุญ ซึ่งการจัดงานรำลึกปีสองปีมานี้ มีกลุ่มเยาวชน ขึ้นมานำพาการต่อสู้ และร่วมงานรำลึกหลายเหตุการณ์ 10 เมษา 2564 ถือป็นงานแรก ที่กลุ่มเยาวชนนำพวงหรีดมาวางและร่วมรำลึก กันอย่างพร้อมเพียงซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี พวกเราและคนเสื้อแดงทุกคน ที่อยู่ที่นี่และไม่ได้อยู่ที่นี่ ต่างแยกย้ายไปทำบุญ หรือกระทั่งอยู่ที่บ้านติดตามการถ่ายทอดของยูดีดีนิวส์อยู่ ก็ส่งใจรำลึกและร่วมทำบุญกับเราไปด้วยเรียกว่าร่วมทำบุญออนไลน์
สำหรับพวกเรา 10 เมษา, 19 พฤษภา ที่เราจัดงานรำลึก การรำลึกความเสียสละ ความเจ็บปวดของการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ที่นำโดยนปช. และเสื้อแดงอิสระทั้งหลายในฐานะผู้รักประชาธิปไตย เรารำลึกเรื่องเล่านี้ไม่ใช่แค่ 2 วัน แต่เรารำลึกทุกวัน
11 ปีนับจากปี 2553 การต่อสู้ของเรา นับเวลาไม่ใช่ 11 ปี ถ้าเราย้อนหลังไปปี 2549 นั่นหมายถึงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถึงวันนี้ 15 ปีมาแล้ว 11 ปีแห่งการรำลึก 15 ปีแห่งการต่อสู้ของคนเสื้อแดง
ถ้านับว่าเสื้อแดงเป็นคนรุ่นใหม่ตอนนั้น ณ บัดนี้ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ และการต่อสู้คนใหม่ที่นำโดยเยาวชนได้เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับพวกเราคนเสื้อแดงหลายคนก็อายุมากขึ้นร่วงโรย แต่สิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจ ก็คือ ใครจะบอกว่าเราเป็นควายแดงบ้านนอก เป็นบริวารของนายทุนสามานย์เขาจะขนานนามเราอย่างนั้นก็ตาม เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง เป็นพวกล้มเจ้า อะไรก็ตาม แต่ว่ามาจนถึงปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นที่อาจารย์ภาคภูมิในมากก็คือเสื้อแดงแต่ละคนมีความคิด มีความรู้ และมีการปฏิบัติได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระไม่จำเป็นต้องมีใครมาชี้นำ
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือการปฏิบัติโดย การเข้ามามีส่วนร่วม ในการต่อสู้ด้วยตัวเอง แล้วได้เรียนรู้ว่าการต่อสู้ ที่พยายามต่อสู้ทางการเมืองแต่ถูกปราบปรามทางการทหาร และการเมือง ต่อให้ชนะในรัฐสภาก็ยังถูกจัดการทางการทหาร เพราะฉะนั้นประเทศนี้ ฝั่งจารีตนิยม บวกกับอำนาจทหาร ก็มาบทขยี้ความชอบธรรม ของประชาชนมาเป็นลำดับ
ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนอย่างป้าเป้า คนอย่างเฮียซ้ง หรือหลายคนก็ตาม พวกเราถ้าใครเอาไมค์ไปจ่อปากอาจารย์เชื่อว่าพูดได้ทุกคน
แม้ว่าบัดนี้ประชาชน จะเรียกว่ายังไม่ชนะ อำนาจอธิปไตย ยังอยู่ในมือฝั่งของจารีต พวกชนชั้นนำ ระบอบเก่า กลุ่มคนหัวเก่า กลุ่มคนที่ใช้กำลัง ทหาร และก็ใช้กำลังของระบอบอุปถัมภ์ของข้าราชการ ในกระบวนการยุติธรรม มาจัดการเรา
เพราะฉะนั้นขบวนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง 15 ปี เรารำลึก 11 ปี แต่การต่อสู้นั้น 15 ปี มันมากพอที่ทำให้เราแข็งแกร่ง
พร้อมกันนั้น อ.ธิดา ได้ฝากเน้นย้ำ ไว้ 3 ประการด้วยกัน คือ ประการแรกขอให้ยืนยันในเป้าหมายของการต่อสู้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้เพื่อบุคคล เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อพรรคการเมือง แต่เราต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลง ให้ก้าวไปข้างหน้า ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่อำนาจเป็นของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง (ซึ่งเป็น ข้อที่ 1 ของนโยบาย นปช.)
ประการต่อมา ขณะนี้เป็นเวลาที่เรา ต้องผนึกกำลังกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ซึ่งขณะนี้มีการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ เป็นเหมือนการเชื่อมสายธารประวัติศาสตร์การต่อสู้ ของคนเสื้อแดงและคนในอดีต อย่างอาจารย์ธิดากับหมอเหวง ก็ตั้งแต่รุ่น 2516 จาก 2516 มาจนถึง 2564 มันยาวนาน แต่อาจารย์ภาคภูมิใจมากที่ได้ร่วมกับคนเสื้อแดง ซึ่งก่อนหน้านั่นคนเสื้อแดงค่อนข้างโดดเดี่ยวแต่ไม่ใช่ปัจจุบัน ปัจจุบันเยาวชนและอนุชน ไม่ว่าจะเด็กมัธยม ประถม เขาก็ลุกขึ้นมา ก็เป็นเวลาอันนี้ ที่นักต่อสู้รุ่นก่อนและก็อยู่จนถึงปัจจุบันจะได้ผนึกกำลังกันกับเยาวชนคนรุ่นใหม่
ประการที่สาม อย่าสับสนกับปัญหาความขัดแย้งของพรรคการเมือง
ในท่ามกลางการต่อสู้นั้น เราต่อสู้ ทั้งในสภาและนอกรัฐสภาอาจารย์จะเน้นในส่วนขาประชาชนที่ต่อสู้นอกรัฐสภา
เพราะว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมาก จริง ๆ การต่อสู้ประชาชนต้องเป็นเรื่องสำคัญเพราะ ณ บัดนี้มันได้พิสูจน์แล้วว่าเวทีที่ชนะในรัฐสภาก็ถูกล้มมาตลอด เพราะฉะนั้นขอให้ผนึกกำลังในการต่อสู้ เรื่องพรรคการเมืองเป็นเรื่องเล็ก เรื่องรอง เรื่องการต่อสู้ประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ แล้วไปชวนพวกพรรคการเมืองให้เข้าใจประเด็นนี้ด้วย ถ้าเข้าใจชัดเจน ข้ออ่อนด้อยการต่อสู้ประชาชนก็จะลดลงตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพราะว่าถ้าเป็นเวทีรัฐสภาแล้วเอาการต่อสู้ประชาชนเป็นเครื่องมือที่จะได้รับชัยชนะในรัฐสภา แล้วพอมีเวทีรัฐสภาแล้วไม่สนใจหรืออาจจะลดทอนขบวนการต่อสู้ประชาชน นั้นเป็นเรื่องผิดอย่างยิ่ง และในที่สุดมันก็พิสูจน์ว่าทำให้การต่อสู้ซึ่งมีคนมาร่วมเป็นจำนวนมาก ไม่มีครั้งไหนมากเท่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดง และเป็นกำลังของคนชั้นล่างในสังคมเป็นส่วนใหญ่ ปัญญาชนกับคนชั้นกลางบนไปอยู่อีกฝั่ง ก็เรียกว่าเราอาภัพและค่อนข้างโดดเดี่ยว เพราะเสียงของไพร่มันไม่ดังเท่ากับเสียงของคนชั้นกลางบนและพวกกลุ่มคนดีทั้งหลาย
อ.ธิดา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้คนที่ได้ต่อสู้มาก่อน อย่าได้ท้อถอยและวางมือ รวมพลังกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพื่อที่จะช่วยกันให้การเดินต่อไปนั้นเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เราไม่จำเป็นต้องไปอยู่บนเวทีในฐานะผู้นำ อาจจะไม่เหมาะ แต่ในฐานะพลังของคนเสื้อแดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับแต่มีการต่อสู้ของประชาชนมา ก็เป็นพลังที่น่าเกรงขามถ้าเราร่วมใจ ร่วมมือกัน ในการที่จะเดินทางต่อ 15 ปี ของการต่อสู้
11 ปี ที่มีการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่เราก็จะเดินต่อไป
ขณะที่ นพ.เหวง กล่าวสดุดีวีรชนปี 53 เป็นเวลา 11 ปี แล้ว ที่ฆาตกรและผู้สังฆ่ายังลอยนวล เป็นภาระหน้าที่คนยังมีชีวิตอยู่ที่ต้องดำเนินการเพื่อนำตัวฆาตกรและผู้สั่งฆ่า มาลงโทษตามกฏหมายให้ได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด และไม่ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานมากน้อยเพียงใด
นพ.เหวง ยังกล่าวต่อไปว่า จนถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลา 11 ปีแล้ว ที่ศัตรูของประชาชน ไม่สามารถจับกุมชายชุดดำแม้เพียงคนเดียว อย่าว่าแต่เป็นกองกำลังติดอาวุธเลย ดังนั้นเรื่องกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำจึงเป็นเรื่องโกหกใส่ร้ายป้ายสีที่รัฐบาลอภิสิทธิ์และศอฉ. สร้างขึ้นเพื่อเป็นเหตุผลในการเข่นฆ่าประชาชนที่มาเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างสันติ ด้วยทหารใช้อาวุธสงครามได้อย่างเหี้ยมโหด
นี่จึงเป็นเรื่องที่สังคมไทยทั้งหมดต้องร่วมกันในการนำเอา ศอฉ.และรัฐบาลอภิสิทธิ์มาดำเนินการทางกฎหมายในเรื่อง “การฆ่าประชาชนสองมือเปล่าเมื่อเดือนเมษา-พฤษภาปี53”
เพราะหากสังคมไทยทั้งหมดนิ่งเฉย การฆ่าประชาชนสองมือเปล่าด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงครามยังจะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
เพราะเป็นตัวอย่างให้เห็นตำตาว่า ผู้มีอำนาจสามารถใช้ทหารทั้งกองทัพเพื่อฆ่าประชาชนที่เห็นต่างสองมือเปล่าด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงครามได้อย่างเมามันและลอยนวลไม่ต้องได้รับโทษทางกฏหมายใดๆทั้งสิ้น
กรณีเซ็นทรัลเวิลด์และห้างเซนคำพิพากษาถึงที่สุดได้ยืนยันแล้วว่า คนเสื้อแดงไม่ได้เผา ในความจริง ภายหลัง 13.00 น.แกนนำสลายชุมนุม แล้วมอบตัวและถูกนำไปค่ายนเรศวรประจวบแล้ว พื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์และบริเวณรอบนอกทั้งหมดไปจนสะพานหัวช้าง สี่แยกชิดลมล้วนแล้วแต่ถูกยึดครองโดยทหารสมัยนั้นทั้งสิ้นเป็นจำนวนหลายหมื่นและมีภาพชายชุดคล้ายทหารพร้อมอาวุธลาดตระเวณหรือบางครั้งก็งัดประตูห้างร้านภายในห้างเซนและเซ็นทรัลเวิด์ลชัดเจน
ในประเด็นเรื่องการเผา นพ.เหวงได้กล่าวว่า ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องสะสางชำระความให้ความจริงปรากฏขึ้นมาในอนาคตอีกต่อไป
อีกทั้งได้กล่าวเชิญชวน ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดทางการเมืองอย่างแท้จริงต้องแสดงตัวออกมาเพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดทางการเมืองของตนเองคืนมา โดยร่วมกันยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นมาใหม่เพื่อใช้แทนที่รัฐธรรมนูญฉบับคสช.
ปัจจุบัน คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้มีความตื่นตัวทางการเมืองต่อสภาพการณ์บ้านเมืองของไทยอย่างลึกซึ้ง พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาและได้เคลื่อนไหวอย่างครึกโครมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หนุ่มสาวเยาวชนนักเรียนนักศึกษาพวกนี้แหละจะเป็นกองหน้าและสะพานเชื่อมไปประชาชนชนชั้นและชั้นชนต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อผนึกกำลังกันขึ้นมาต่อสู้ช่วงชิงเพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นกลับคืนมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ฟื้นฟูเกียรติภูมิการต่อสู้ของคนเสื้อแดงกลับคืนมาจากการเหยียบย่ำของพวกอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมเผด็จการทหารขวาจัด
ดังนั้นพี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายต้องตระหนักในบทบาทกองหน้าและสะพานเชื่อมของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในปัจจุบัน และให้การโอบอุ้มสนับสนุนลูกหลานเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบันผนึกกำลังกันจนก่อเกิดเป็นคลื่นมหึมาถาโถมใส่อำนาจรัฐเผด็จการขวาจัดอนุรักษ์นิยมให้พังทลายไปและร่วมกับประชาชนทั้งประเทศสร้างอำนาจสูงสุดของประเทศที่เป็นของประชาชนทั้งหลายที่แท้จริงขึ้นมา นพ.เหวงกล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นเปิดเพลงนักสู้ธุลีดิน ที่ขับร้อง โดยจิ้น กรรมาชน โดย
อ.ธิดา, นพ.เหวง พร้อมด้วยมวลชน ลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความไว้อาลัยและสดุดีวีรชน ตลอดทั้งเพลง
#11ปีเมษาพฤษภา53
#นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์
ประมวลภาพ