#11ปี10เมษา ตอนที่ 3 การแรลลี่รอบกรุงเทพมหานคร!
เหตุการณ์ช่วงก่อนถึงวันสังหารประชาชน
10 เมษา 53
จากบทบรรยาย
ยุทธการขอคืนพื้นที่ เมษา 53
ตอนที่ 1
(เหตุการณ์ 13 มีนาคม 2553 ถึง 9
เมษายน 2553)
20
มีนาคม 2553 หลังการชุมนุมของกลุ่ม นปช.
ได้เริ่มขึ้นมาสักระยะบริเวณสะพานผ่านฟ้า
ก็ได้มีแนวคิดที่จะเคลื่อนขบวนไปรอบ ๆ กรุงเทพฯ
แบบดาวกระจายเพื่อแสดงจุดยืนของการชุมนุมในครั้งนี้พร้อมกับมีการระดมแจกสติ๊กเกอร์รูปหัวใจและเป็นการเชิญชวนคนกรุงเทพฯ
เข้าชุมนุมกับกลุ่ม นปช.
การเคลื่อนพลของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น.
ของวันที่ 20 มีนาคม 2553 นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์
แกนนำ นปช. โดยได้มีการตั้งขบวนบริเวณถนนหลานหลวง
ประกอบด้วยรถบรรทุกเครื่องขายเสียงกว่า 10 คัน
พร้อมรถกระบะและรถจักรยานยนต์จำนวนมาก
โดยในรถบรรทุกแต่ละคันจะมีแกนนำ นปช. ประจำรถ โดยคันที่ 1 คือนายณัฐวุฒิ
และคันที่ 10 ซึ่งเป็นคันสุดท้ายจะเป็นของนักวิชาการและพระสงฆ์
โดยแกนนำได้แจ้งผ่านเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางโดยสงบ ซึ่งนพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งใน
แกนนำ
นปช. บอกว่าจะใช้สูตร 3 ไม่ คือ ไม่โกรธ, ไม่ตอบโต้, ไม่รุนแรง และ 3 ส่ง คือส่งยิ้ม, ส่งความรัก
และส่งความสุข
การเคลื่อนพลของกลุ่มผู้ชุมนุมตลอดการเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปด้วยมิตรภาพ
มีการโบกไม้โบกมือให้กำลังใจของประชาชนระหว่างทางพร้อมกับการแสดงรอยยิ้มให้กันและกันทั่วกรุงเทพฯ
รวมไปถึงพื้นที่ในย่านเขตเศรษฐกิจสำคัญอย่างสีลม
ก็มีภาพการตอบรับของประชาชนที่ตอบรับการแรลลี่ของกลุ่มผู้ชุมนุมและให้กำลังใจจากผู้คน
รวมถึงพนักงานของหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ บนตึกสูง มีการเตรียมน้ำดื่ม, อาหาร และรอยยิ้มให้กันและกันอย่างน่าชื่นชม และเนื่องจากขบวนที่ยาวมาก
จึงมีการตกลงกันทำการแยกสายทำการแรลลี่ครั้งนี้เป็น 2 เส้นทาง ขณะที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.
ได้รับมอบหมายให้อยู่เฝ้าเวทีชุมนุมใหญ่
โดยมีการปราศรัยเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนอย่างสันติ
27
มีนาคม 2553
หนทางการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่ม นปช.
ที่ยืนหยัดด้วยสันติซึ่งเป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ห้วงเวลาของการเริ่มชุมนุมที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม
2553 นั้น
กลับเป็นฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์และทหารที่ได้ใช้กลอุบายหลากหลายวิธีในการหาทางที่จะทำลายสลายการชุมนุมและใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนมาโดยตลอด
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพความยุติธรรมและมนุษยชนของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หลังการเคลื่อนขบวนแบบดาวกระจายในวันที่ 20
มีนาคม 2553
ซึ่งได้ผลตอบรับจากประชาชนชาวกรุงเทพฯ เป็นอย่างดี
ก็มีกระแสข่าวของการเคลื่อนขบวนแบบดาวกระจายอีกครั้ง แต่หลังจากมีการประเมินแล้วว่าอาจจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนรวมมากเกินไปในการสัญจรไปมาและความสะดวกในด้านต่าง
ๆ ของชาวกรุงเทพฯ
แต่จะขอเปลี่ยนเป็นการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องให้ทหารที่ทำการซ่อมสุมกำลังและซ่อนตัวในพื้นที่วัดต่าง
ๆ รอบพื้นที่ชุมนุมและส่วนราชการต่าง ๆ ออกจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ซ่องสุมกำลังอยู่
ภาพที่ปรากฏตามหน้าสื่อมวลชนจึงเป็นภาพของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ดินไปสถานที่ต่าง ๆ
เพื่อขอร้องและเชิญให้ทหารออกจากสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการซ่อมสุมกำลังทหารอยู่ เช่น
วัดตรีทศเทพ,
วัดมกุฎกษัตริยาราม, วัดแคนางเลิ้ง, วัดโสมนัสวรวิหาร, เขาดินวนา, สนามม้านางเลิ้ง
และมหาวิทยาลัยวิทยาเขตพาณิชยการพระนคร
ภาพของการแสดงความยินดีโบกไม้โบกมือให้กันระหว่างผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงและทหารที่เคลื่อนตัวออกจากที่ซอนพร้อมอาวุธประจำกาย
คงเป็นสิ่งที่บอกได้ถึงแนวทางการต่อสู้ในแบบสันติวิธีที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม
นปช. ให้การยึดมั่นมาโดยตลอดการชุมนุมเรียกร้อง
แต่กลับมีการเขียนรายงานของเหตุการณ์นี้ไปในทางลบของผู้ชุมนุม โดยรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ออกมาในปี
2556 นั้น
กลับได้เขียนรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุม นปช. นั้นได้เคลื่อนขบวนเพื่อขับไล่เจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่บริเวณวัดและสถานที่ต่าง
ๆ โดยไม่ได้แยแสกับหลักฐานต่าง ๆ ทั้งภาพถ่าย, คลิปเหตุการณ์ที่แสดงหลักฐานชัดเจน
และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกลับไม่มีความเห็นเชิงลบใด ๆ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ
พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ทางรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้ประกาศออกมา
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์