กรมราชทัณฑ์
แถลงการควบคุมดูแลกลุ่มแกนนำราษฎรภายในเรือนจำ แจงการย้ายตัวเพนกวินหรือผู้ถูกควบคุมเป็นความลับ
เกรงจะเกิดความวุ่นวาย
24
มี.ค. 64 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กรมราชทัณฑ์ ถ.นนทบุรี 1 อ.เมือง
จ.นนทบุรี นายวีรกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ
แถลงการควบคุมดูแล กลุ่มแกนนำราษฎรภายในเรือนจำ เปิดเผยว่า
ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
มีการควบคุมผู้ต้องขังและผู้ต้องกักขังที่เป็นที่สนใจของประชาชน ดังนี้
1.
นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ เรือนจำพิเศษธนบุรี
2.
นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ทัณฑสถานหญิงกลาง
3.
นายภาณุพงศ์ จาดนอก เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
4.
นายปิยรัฐ จงเทพ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
5.
นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
6.
นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
7.
นายอานนท์ นำภา เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
8.
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
9.
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี
10.
นายพรหมศร
วีระธรรมจารี เรือนจำอำเภอธัญบุรี
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในห้องแยกกักโรคตามมาตรการป้องกันโควิด-19
ในแต่ละเรือนจำ โดยหากพ้นระยะกักตัวแล้ว
จะได้รับการจำแนกเพื่อส่งตัวไปควบคุมตามแดนต่าง ๆ ต่อไป
รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
เปิดเผยต่อว่า ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ประสบปัญหาในการประสานการทำงานให้เป็นแนวทางเดียวกันอยู่บ้าง
เนื่องจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกรมราชทัณฑ์ ประกอบไปด้วยเรือนจำ/ทัณฑสถาน
และสถานกักขัง มีมากถึง 143 แห่งทั่วประเทศ
แม้ว่าภายใต้ระเบียบหลักจะมีการเขียนกำกับไว้อย่างชัดเจน
แต่อาจจะไม่ได้มีการเขียนระบุในส่วนของรายละเอียด
ทำให้ในบางครั้งผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจของตนเองในการตัดสินใจ
ซึ่งอาจจะมีการปฏิบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อยภายใต้กรอบข้อบังคับ
แต่ก็อาจจะสร้างความไม่พอใจ รวมถึงเป็นประเด็นสงสัยต่อสาธารณชนตามที่เป็นข่าว
กรมราชทัณฑ์
จึงได้ดำเนินการจัดทำ Standard
Operation Procedures หรือ SOPs เพื่อเป็นระเบียบกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยเฉพาะรายละเอียดพื้นฐานที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อลดการใช้ดุลพินิจของผู้ปฏิบัติงานลงให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง
และช่วยปรับปรุงระเบียบข้อบังคับที่อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมให้มีความเหมาะสมมากขึ้น
โดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการทบทวนเอกสาร และคำสั่งที่เคยประกาศไปแล้วทั้งหมด
เพื่อจัดทำร่างและเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงาน
ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจัดทำร่างดังกล่าวได้แล้วเสร็จภายในช่วงกลางเดือนเมษายน 2564
นี้
นายวีระกิตติ์
กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดเยี่ยมญาติผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์
ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องระบุให้ชัดเจน
โดยเฉพาะในผู้ต้องขังที่อยู่ในระหว่างกักตัว 14 วัน
ที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ผู้บริหารเรือนจำและทัณฑสถานใช้ดุลยพินิจเพื่อพิจารณาเปิดเยี่ยมได้
เพียงแต่จะต้องจัดสถานที่สำหรับการเยี่ยมผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์เป็นการเฉพาะ
ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือกำชับไปยังผู้บริหารเรือนจำและทัณฑสถานแต่ละแห่ง
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 64 ให้มีการทบทวนระเบียบการเยี่ยมอีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสพบปะญาติในระหว่างกักตัว
โดยเฉพาะในผู้ต้องขังรับใหม่และผู้ต้องขังคดีการเมืองที่เป็นที่สนใจของประชาชน
ซึ่งจะช่วยลดความวิตกกังวลทั้งต่อญาติเอง
และลดความเครียดของผู้ต้องขังได้เป็นอย่างดี
ด้านอาการของนายพริษฐ์
ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่อยู่ในช่วงอดอาหาร ในวันนี้ (24 มี.ค. 64) ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาลได้เข้าตรวจอาการ
ซึ่งนายพริษฐ์ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารและการตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว
เนื่องจากวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย ผลการตรวจร่างกายอื่น ๆ
พบว่า ยังมีระดับความรู้สึกตัวที่ดี มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยจากการอดอาหาร
โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้รับประทานอาหารอื่นทดแทน อาทิ ขนมปัง นม น้ำหวาน เกลือแร่
เพื่อป้องกันภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ และยังคงมีผื่นบริเวณหน้าอกและหลังอยู่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จ่ายยารับประทานและยาทา เพื่อรักษาอาการดังกล่าวแล้ว ส่วนสภาพร่างกายทั่วไปยังถือว่าปกติไม่น่าเป็นห่วง
โดยทีมแพทย์ได้กำชับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องกักขังร่วมห้องให้สังเกตอาการผิดปกติอยู่เป็นระยะเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
นายวีระกิตติ์
กล่าวปิดท้ายว่า ต่อประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการย้ายเรือนจำของผู้ต้องขังโดยไม่แจ้งญาตินั้น
ขอเรียนว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของงานราชทัณฑ์
ที่การย้ายผู้ต้องขังระหว่างเรือนจำจะต้องเป็นความลับจนกว่าการย้ายจะแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ในระหว่างการปฏิบัติงาน
ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องขังบางรายมีความกังวลใจในความปลอดภัย
คาดว่าเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงการปรับตัว ทำให้อาจจะมีความกังวลใจ ความเครียด
และวิตกกังวล ซึ่งขอยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์
มีการดำเนินการและปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียม
ไม่เฉพาะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
และผู้ต้องขังทุกคนที่ถูกคุมขังภายใต้หน่วยงานของกรมราชทัณฑ์จะได้รับการปฏิบัติตามกฎ
และระเบียบอย่างเท่าเทียม ไม่มีการทำร้ายร่างกาย
หรือใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่เรือนจำแต่อย่างใด
ทั้งนี้กรณีเพนกวินฯได้ย้ายสถานที่คุมขังจากเรือนจำ
ไปสถานกักขังปทุมธานี ฐานละเมิดอำนาจศาล
จากกรณีเมื่อวันที่
15 มีนาคม เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญาได้นัดตรวจพยาน
หลักฐานคดีชุมนุมที่ท้องสนามหลวงวันที่ 19-20 ก.ย. 63 และอัยการขอให้รวมสำนวนคดี โดยศาลอาญา ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล
ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา หรือ ผอ.ศาลอาญา กล่าวหา นายพริษฐ์
ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน จำเลยคดี ม.112 และความผิดฐานชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
เป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาล ตามรายงานว่านายพริษฐ์ปฎิบัติตัวไม่เรียบร้อย
โต้ตอบผู้พิพากษาในขณะปฏิบัติหน้าที่ ขออ่านแถลงการณ์ แม้ถูกคัดค้านก็ไม่ยอมฟัง
ยังยืนยันอ่านแถลงการณ์โดยลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวายมีคนเขวี้ยงขวดนำลงพื้น
โดย นายพริษฐ์สารภาพ
ศาลพิพากษา
จำคุก เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ 1 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล (ลดโทษเหลือ 15
วันเนื่องจากรับสารภาพ) โดยขณะนี้
เพนกวินถูกย้ายตัวมากักขังที่สถานกักขังจังหวัดปทุมธานีแล้ว ตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00
น. ของคืนวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์
#เพนกวิน