ยูดีดีนิวส์ : ในเฟสบุ๊คแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มีการโพสต์ข้อความ โดย อ.ธิดา ได้แสดงความคิดเห็นต่อการบรรยายของท่าน ผบ.ทบ. ซึ่งล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ที่สำคัญทั้งสิ้น โดยในเบื้องต้นทางทีมงานยูดีดีนิวส์ ได้นำมาเสนอต่อทุกท่านใน 3 ประเด็น โดยอ.ธิดาได้โพสต์ว่า
พล.อ.อภิรัชต์
คงสมพงษ์ บรรยายยืดยาวหลายประเด็นที่น่าสนใจ ดิฉันแปลกใจที่ท่านกล้าหาญออกมาพูดเรื่องราวต่าง
ๆ มากมาย
ซึ่งคงจะเกิดจากความเชื่อมั่นของท่านว่าท่านมีความรู้จริงในเรื่องเหล่านี้
และต้องการแสดงออกถึงความรู้เพื่อถ่ายทอดให้กับสังคม ท่านพูดเรื่องใหญ่ ๆ เช่น
ประวัติศาสตร์ไทย การให้ความหมายคำว่า ชาติ, ความมั่นคง, ศัตรูของความมั่นคงของชาติไทยคือใครบ้าง
วีธีการทำสงครามในยุคนี้ และความเห็นต่อพรรคการเมือง นักการเมือง คอมมิวนิสต์
ฝ่ายซ้าย นักวิชาการ การสื่อสาร ฯลฯ
ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น
ดิฉันของตั้งข้อสังเกตในประเด็นเหล่านี้บางประเด็น
อันเนื่องมาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวที่ท่านพูดแตกต่างกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นให้ถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้รับรู้แนวคิดของท่านและคณะของท่าน
ที่สนับสนุนท่าน และแนวคิดของคณะอื่นที่ต่อต้านเผด็จการทหารและการสืบทอดอำนาจ
หรือหมายถึงคณะที่สนับสนุนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตบางประเด็นดังนี้
ปัญหาการพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย
ขอเริ่มต้นว่า
“คนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต”
แว่นแคว้นในดินแดนแถบนี้มีเจ้าผู้ครองนครมากมาย ลำปาง, แพร่, น่าน,
เชียงใหม่, ลำพูน, เชียงราย ล้วนมีเจ้าผู้ครองนครกันทั้งสิ้น
ภาคใต้ก็เช่นกัน
มีเจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ เช่น ปัตตานี ตรังกานู ไทรบุรี ปะลิส ฯลฯ
ถ้าเราพิจารณาในช่วงปลายอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ หลายจังหวัดทางภาคอีสาน
ลาว เขมร ล้วนมีเจ้าผู้ครองนครทั้งสิ้น
ยังดีนะที่ท่านไม่พูดว่า
คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต แต่ท่านมาเริ่มพูดในยุครัตนโกสินทร์ที่มีการเสียดินแดนให้แก่อังกฤษ,
ฝรั่งเศส ซึ่งรายละเอียดของท่านดิฉันไม่จับผิดหรอกค่ะว่าตรงบ้างไม่ตรงบ้าง
เมื่อท่านพูดถึงการเสียดินแดน
ก็มีประเด็นที่ดิฉันคิดว่าท่านน่าจะหาข้อมูลประวัติศาสตร์ไทย
ในฐานะที่ยุครัตนโกสินทร์เรามีฐานะเป็นเจ้าอาณานิคมย่อยในภูมิภาค
อันเกิดต่อเนื่องมาจากยุคกรุงธนบุรีที่เราขยายดินแดนไปตีเอาลาว, เขมร, ล้านนา
และภาคใต้ ซึ่งต่างก็มีเจ้าผู้ครองนครกันอยู่แล้ว
ฐานะประเทศไทยก็ประมาณเจ้าอาณานิคมย่อย
ๆ ในภูมิภาคนี้ เจ้าอาณานิคมตะวันตกจึงใช้วิธีและเล็มและฮุบเอาดินแดงแถบนี้ โดยการปรับความสัมพันธ์กับเจ้าผู้ครองนครเหล่านั้นให้หันไปยอมรับเป็นอาณานิคมของอังกฤษ,
ฝรั่งเศส แทนที่ไทย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย
ทำให้รักษาดินแดนที่ส่วนใหญ่เป็นชนชาติไทยครอบครองอาศัยอยู่ยาวนาน
และทำให้เป็นเชื้อเดียวกันได้โดยศึกษาวิธีปกครองอาณานิยมของอังกฤษเป็นแบบอย่าง
และความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ความเป็นพุทธศาสนิก และค่อย ๆ
สร้างรัฐชาติไทยขึ้นมา
ดังนั้นพื้นฐานประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อนที่จะคิดว่าต้องใช้การทหารปราบปราม
ประเด็นคำว่าชาติ
ประเด็นคำว่า
“ชาติ” ดิฉันเคยไปปราศรัยหน้าราบ 11 เพราะเห็นคำขวัญ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เขียนไว้ว่า เราเข้าใจตรงกันหรือไม่ว่า ชาติ
ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญที่สุดคือประชาชน
พร้อมทั้งอาณาบริเวณเขตพื้นที่ที่ประชาชนอันมีรากเหง้า สังคม วัฒนธรรม ภาษา
ศาสนาหลักร่วมกันในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งมีฐานะทางประวัติศาสตร์มายาวนาน
ดังนั้นกล่าวได้ว่า ชาติ คือ ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ใช่แผ่นดินเป็นสำคัญ
ดังที่กลุ่มจารีตนิยมมักพูดอยู่เสมอ คำหนึ่งก็แผ่นดิน สองคำก็แผ่นดิน
แล้วแผ่นดินถ้าไม่มีประชาชนมันจะเป็นชาติได้อย่างไร
วิธีคิดแบบจารีตนี้มาจากคติโบราณของนักรบผู้เอาชนะในการศึก
ก็กวาดต้อนผู้คนมาเป็นไพร่ทาส ทาสเชลย
“เก็บผักใส่ซ้า
เก็บข้าใส่เมือง”
คนเหล่านี้ก็จะเน้นการชนะศึก
ปล้นทรัพย์สิน จับเชลย มายังแว่นแคว้นตน
และตั้งเจ้าเมืองปกครองใหม่ที่สวามิภักดิ์กับตน
คติเช่นนี้เมื่อมาในยุคที่มีการล่าอาณานิคม
ทำให้อาณาเขตประเทศและรัฐชาติจึงเพิ่งมาชัดเจนขึ้น
เพราะทรัพยากรและรายได้ที่ต้องเป็นของเจ้าอาณานิคม
ต้องการพื้นที่อาณาเขตชัดเจนเพื่อวางแผน ขูดรีดทรัพยากรจากแผ่นดิน จากการผลิต
ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว แทนที่จะเป็นการปล้นฆ่าครั้งเดียวแบบเจ้าอาณานิคมท้องถิ่น
ดังนั้นขอบเขตประเทศไทยจึงมีคนหลายเชื้อชาติ
หลายภาษา หลายศาสนา แต่โชคดีที่มีปัญหาน้อย อันเนื่องมาจากการสวามิภักดิ์
กษัตริย์ไทยนับถือศาสนาพุทธ หินยาน ภาษาใกล้เคียงกัน
การเกิดรัฐชาติไทยในยุคอาณานิคมจึงเหลือแผ่นดินเท่าที่มีอยู่
และสูญเสียอาณานิคมไปมาก แต่แม้จะดำรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็ไม่ใช่เอกราชสมบูรณ์
เพราะเราสูญเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้กับประเทศชาติตะวันตกทั้งหมด
เราเพิ่งได้รับเอกราชสมบูรณ์เมื่อ
พ.ศ. 2482 (แก้ปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขตได้หมด)
อันเป็นที่มาของการสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรื่องเช่นนี้ไม่เห็นท่าน ผบ.ทบ.
พูดถึงเลย (หรือไม่รู้)
ประเด็นคำว่า “ความมั่นคง”
ถ้าเข้าใจคำว่า
“ชาติ” มีประชาชนเป็นสำคัญ ความมั่นคงของชาติ
คือความมั่นคงของประชาชนเป็นสำคัญนั่นเอง และประกอบด้วยการรักษาดินแดนของประเทศเป็นอย่างที่สอง
ความมั่นคงของชาติ
คือความมั่นคงของประชาชน ในการใช้ชีวิต มีความปลอดภัย มีสิทธิ เสรีภาพ
และความเท่าเทียมกัน ในฐานะประชาชนผู้มีอำนาจเป็นเจ้าของประเทศ
ไม่ใช่พระมหากษัตริย์และขุนศึกขุนนาง ทหารที่ทำการรัฐประหาร เป็นเจ้าของประเทศ
เช่นในอดีตกาลหรือความมั่นคงของรัฐเผด็จการ และนี่คือความแตกต่างระหว่างความมั่นคงของชาติในระบอบประชาธิปไตย
กับความมั่นคงของชาติในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
หรือระบอบเผด็จการทหารและชนชั้นในในสังคม
การมองประชาชนเป็นปฏิปักษ์ของการปกครอง
สะท้อนวิธีคิดของชนชั้นนำที่ยังยึดมั่นในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ระบอบอำมาตยาธิปไตย
คณาธิปไตย หรือระบอบเผด็จการ
ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยและข้าราชการระดับสูงในระบอบประชาธิปไตยต้องถือว่าตนเองทำหน้าที่รับใช้ประชาชน
ไม่ใช่เจ้านายประชาชน ต้องฟังเสียงเรียกร้องต้องการของประชาชน สนใจทุกข์ของประชาชน
ถ้าแก้ปัญหาไม่ถูกใจประชาชนก็ต้องลาออกจากหน้าที่ให้ผู้ทำหน้าที่คนใหม่มาทำแทนตน
ธิดา ถาวรเศรษฐ
15 ต.ค. 62