วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แกนนำ นปช. วางดอกไม้รำลึก "นวมทอง ไพรวัลย์" 31 ต.ค. 62


ยูดีดีนิวส์ : 31 ต.ค. 62 เวลา 11.00 น. แกนนำนปช. ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ รวมทั้งภรรยาและลูก ๆ ของลุงนวมทอง ได้มาวางดอกไม้เพื่อรำลึกถึงลุงนวมทอง นอกจากนี้ยังมีพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็ได้มาร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้ด้วย


จากนั้นนายณัฐวุฒิเป็นตัวแทนกล่าวว่า ที่ตนและคณะ รวมทั้งครอบครัวของลุงนวมทองมาในวันนี้ เพื่อแสดงความคารวะ อาลัย และสดุดีต่อความองอาจกล้าหาญของลุงนวมทอง สามัญชนคนขับแท็กซี่ที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการอย่างถึงที่สุด สละชีวิตของตนเองเพื่อรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของประชาชน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 13 ซึ่งก็คงเป็นความเจ็บปวดอีกคำรบหนึ่งที่ต้องมารำลึกวีรชนผู้ต้านเผด็จการในยุคที่บ้านเมืองยังปกครองด้วยรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ ประวัติศาสตร์ของลุงนวมทองอธิบายกับเราว่า ประชาชนคนธรรมดาแต่ถ้ายึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย หยิ่งทะนงในเกียรนิยศศักดิ์ศรีแห่งความเป็นประชาชน เขาก็ไม่พร้อมที่จะค้อมหัวยอมรับการกดขี่หรืออำนาจอันไม่ชอบธรรมใด ๆ

"การต่อสู้ของลุงนวมทองจะไม่สูญเปล่า แม้ว่าวันเวลานี้ระบอบประชาธิปไตยจะประสบภาวะบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นใกล้ตายก็ตาม แต่เราเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งวิถีแห่งประชาธิปไตยก็จะกลับคืนมาสู่สังคมไทยในที่สุด" นายณัฐวุฒิกล่าว

ในการให้สัมภาษณ์นั้น นายณัฐวุฒิได้นึกถึงลุงอีกคนหนึ่งซึ่งทุกคนรู้จักดี และอยากบอกไปยังลุงคนนั้นว่า คนแบบลุงนวมทองไม่ได้มีเพียงคนเดียว อยากให้ลุงคนนั้นรับฟังความรู้สึกของประชาชนบ้าง ประชาชนไม่ได้มองท่านเป็นศัตรู แต่มองว่าอำนาจเผด็จการเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต่อต้าน ตนและคณะยืนยันปฏิเสธอำนาจและวิถีทางของเผด็จการต่อไป

ภาพบรรยากาศการรำลึก "ลุงนวมทอง ไพรวัลย์"

บรรยากาศการวางดอกไม้รำลึกลุงนวมทองในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเรียบง่าย ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเช่นทุกปี





วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

13 ปี “นวมทอง ไพรวัลย์” บุรุษผู้ต่อต้านการทำรัฐประหาร / นิสัยคนไทย ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้

นวมทอง ไพรวัลย์

ยูดีดีนิวส์ : 30 ต.ค. 62 ทุกวันที่ 31 ต.ค. ของทุกปี ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกคนย่อมไม่มีวันลืมประชาชนคนขับแท็กซี่ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผู้ซึ่งยอมอุทิศชีวิตตนเองเพื่ออุดมการณ์อันแน่วแน่ของตนเองในการต่อต้านเผด็จการและรังเกียจการทำรัฐประหาร โดยการทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการผูกคอตายกับราวสะพานลอยบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 49 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 13 ปีแล้ว

หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คมช. ได้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 49 ได้ปรากฏข่าวของ “นวมทอง ไพรวัลย์” คนขับแท็กซี่ อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อายุ 60 ปี ได้ขับรถแท็กซี่คู่กายพุ่งชนรถถังที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำ คางทะลุถึงภายในช่องปาก รักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระฯ 13 วัน นี่เป็นปฏิบัติการครั้งแรกของลุงนวมทอง


ปฏิบัติการครั้งต่อมาเกิดในคืนวันที่ 31 ต.ค. 49 ได้มีคนพบร่างของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผูกคอตายกับราวสะพานลอยคนเดินข้ามเยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ พร้อมทั้งจดหมายลาตายซึ่งได้เขียนก่อนวันที่ลุงผูกคอ 1 วันระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้” และที่ลุงนวมทองเลือกพลีชีพในวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมนั้น ได้ระบุในจดหมายด้วยว่า เพราะเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่วิญญาณของวีรชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ได้ต่อสู้เรียกร้องจนได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของลุงนวมทองก็จะขอสถิตย์อยู่กับเหล่าวีรชนเหล่านั้นตลอดไป

โดยในการปฏิบัติพลีชีพครั้งนี้ ลุงนวมทองได้สวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนด้านหลังด้วยบทกวีของศรีบูรพา หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ความว่า

“อันประชา สามัคคี มีจัดตั้ง
เป็นพลัง แกร่งกล้า มหาศาล
แสนอาวุธ แสนศัตรู หมู่อันธพาล
ไม่อาจต้าน แรงมหา ประชาชน”

จดหมายที่ "นวมทอง ไพรวัลย์" เขียนไว้ก่อนพลีชีพ 1 วัน
ท้ายจดหมายที่เขียนด้วยลายมือ “นวมทอง ไพรวัลย์” ได้กล่าวถึงลูก ๆ และภรรยา ความว่า

“สุดท้ายขอให้ลูก ๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิบัติอีก ลาก่อน พบกันชาติหน้า ปล. ขอแก้ข่าว ขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแคบซูลใบแปะก๊วย ไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าวนสพ. ผมไม่เครียด แต่ประท้วงจอมเผด็จการ”

และเมื่อปี 2556 แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้จัดสร้าง “สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์” ขึ้นที่บริเวณใต้สะพานลอยคนเดินข้ามถนนวิภาวดีรังสิต เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 56 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเคารพการตัดสินใจของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ยกย่องในอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แน่วแน่ ควรค่าแก่การจดจำจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

แกนนำนปช.และครอบครัว "นวมทอง ไพรวัลย์" วางดอกไม้ ณ สดมภ์อนุสรณ์เมื่อ 31 ต.ค. 61 (ภากจากมติชน)

แกนนำนปช.และประชาชนทยอยวางดอกไม้ (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยไม่เคยลืมลุง (ภาพจากผู้จัดการออนไลน์)

ทุกวันที่ 31 ต.ค. ของทุกปี ผู้คนยังคงเดินทางมาเพื่อรำลึกถึง "นวมทอง ไพรวัลย์"
ผ่านมาแล้ว 13 ปี การพลีชีพของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ทิ้งอะไรให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักคิดบ้าง?

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : นายกฯ ประยุทธ์และรัฐบาล จะนำพาเศรษฐกิจไทยไปรอด...หรือไม่?

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : 'ธิดา' ถาม ผบ.ทบ. รู้ตัวหรือไม่ว่าปฏิปักษ์ของคุณคือใคร?


ยูดีดีนิวส์ : 15 ต.ค. 62 ต่อเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ หลังการบรรยายพิเศษของท่าน ผบ.ทบ. ในหัวข้อเรื่อง "แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง" 

ทีมข่าวยูดีดีนิวส์ได้รวบรวมข้อสังเกตของ อ.ธิดา มานำเสนออีก 2 ประเด็นด้วยกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ประเด็นคอมมิวนิสต์กลับใจไม่กลับใจ, ซ้ายดัดจริต, MASTERMIND

พรบ.คอมมิวนิสต์ ยกเลิกเมื่อ พ.ศ. 2543 ต่อให้ใครประกาศตัวว่าเป็นคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันก็ไม่ผิดกฎหมาย หน่วยงานความมั่นคงที่ใช้ปราบปรามคอมมิวนิสต์ต้องยุบ ยกเลิก นี่แถมขยายเป็น กอ.รมน. ใหญ่เบ่อเริ่ม เป็นองค์กร มีงบ มีคน มีกำลัง มีอำนาจ แผ่ขยายทั่วประเทศ ก็เอาไว้ปราบประชาชนพวกไหน? น่าสงสัยท่าน ผบ.ทบ. ก็เฉลยแล้วว่ายังเกลียดกลัวพวกคอมมิวนิสต์และซ้ายดัดจริตจะมาเป็น MASTERMIND เป็นผู้มีบทบาทผลักดันความคิดต่อต้านรัฐไทย ถามว่าดร.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว, คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แม้แต่คุณปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นคอมมิวนิสต์หรือ

คุณปิยบุตรยอมรับเป็นซ้ายดัดจริตอย่างขำขัน (เป็นซ้ายจริงหรือเปล่าก็ยังตั้งคำถามได้อยู่) ตกลงคุณกลัวนายทุนสามานย์ นายทุนที่เป็นฮ่องเต้ซินโดรม นักวิชาการที่เรียนมาจากเมืองนอก หรือกลัวคอมมิวนิสต์กันแน่ พูดว่าคอมมิวนิสต์ แต่ด่านายทุน นักวิชาการ และเลือกข้างประเทศจีน ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ใหญ่ ตกลงรู้ตัวหรือไม่ว่าปฏิปักษ์ของคุณคือใคร คนพวกไหน ด่าคอมมิวนิสต์ นายทุน ผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศ แต่สรรเสริญซูฮกประเทศคอมมิวนิสต์ใหญ่ นายทุนใหญ่ทั้งในและนอกประเทศ

ระบอบของคุณมันพิลึกพิลั่น เพราะผู้นำไม่รู้เรื่องทั้งประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์โลก สถานการณ์ปัจจุบันทั้งภายใน ภายนอกประเทศ ทั้งทฤษฎีการเมืองการปกครองที่มีบทเรียนมาทั่วโลก รู้แต่การใช้การทหาร อาวุธเต็มรูปแบบปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่างเช่นนั้นหรือ?


ประเด็น Hybrid warfare สงครามลูกผสม

ดิฉันไม่ตั้งใจจะมาจับผิดจับถูกท่านเรื่องการทหารและการสู้รบ แต่ขอท้วงติงว่า Hybrid warfare ที่ท่านพูดทั้งหมดเป็นเรื่องของรัฐทหาร ไม่ใช่ฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เพราะ

1) ประชาชนไม่มีกองทัพ ไม่มีกองกำลังอาวุธเป็นกำลังหลัก (นี่มันเรื่องของท่าน)
2) ประชาชนไม่มีกองหนุนการต่อสู้ด้วยอาวุธในรูปแบบอื่น ๆ ในการเรียกร้องประชาธิปไตย

แค่เรื่องหลัก 2 เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องของประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้นมันจะเป็น Hybrid warfare ของประชาชนได้อย่างไร?

ประชาชนที่มีความเห็นแตกต่าง เขาไม่มี 2 ข้อแรก และไม่มีกลไกรัฐอื่นใดมาทำสงครามกับรัฐทหาร

อย่างมากก็ใช้การสื่อสารออนไลน์แสดงความคิดเห็น หรือการสัมมนาวิชาการตามมหาวิทยาลับเท่านั้น

ตกลงใครทำสงครามแบบ Hybrid warfare กันแน่ ทหารที่กุมอำนาจรัฐต่างหากที่ทำ Hybrid warfare รวมทั้งสร้างข่าวลับลวงพราง สร้างมวลชนต่อต้านประชาชนผู้รักประชาธิปไตย

ดิฉันยังไม่พูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 เลย เพราะไม่มีใครเสนอแก้มาตรา 1 สักคน

อาจมีคนบอกว่าควรแก้ทั้งฉบับ หรือให้แก้ยืดหยุ่นให้มากสักหน่อย

ที่ออกมาพูดเพื่อแสดงความรอบรู้เรื่องความมั่นคงและสงครามลูกผสมของท่าน

ขอบคุณที่ทำให้เรารู้ว่าท่านรู้อะไร และไม่รู้เรื่องอะไร


ฟังบรรยายทั้งหมดสรุปได้ว่า

ผู้บรรยายมองแนวคิดเสรีนิยม สังคมนิยม เป็นศัตรูทางความคิด มองนักการเมือง พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนตามแบบสากลเป็นปฏิปักษ์ที่ต้องจัดการ มองประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองและองค์กรประชาชนที่ต่อต้านเผด็จการทหารเป็นไพร่พล ศัตรูที่ต้องกวาดล้างเช่นเดียวกับนาย

และมองประชาชนทั่วไปว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจทางการเมือง โดยเฉพาะเยาวชนที่จะถูกชักจูงไปให้ชื่นชมแนวคิดเสรีนิยม และพรรคการเมืองที่ต้องการต่อสู้เผด็จการทหาร

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

ธิดา ถาวรเศรษฐ
15 ต.ค. 62

ธิดา ถาวรเศรษฐ : 'ธิดา' ตั้งข้อสังเกตต่อการบรรยายของ ผบ.ทบ.


ยูดีดีนิวส์ : ในเฟสบุ๊คแฟนเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มีการโพสต์ข้อความ โดย อ.ธิดา ได้แสดงความคิดเห็นต่อการบรรยายของท่าน ผบ.ทบ. ซึ่งล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ที่สำคัญทั้งสิ้น โดยในเบื้องต้นทางทีมงานยูดีดีนิวส์ ได้นำมาเสนอต่อทุกท่านใน 3 ประเด็น โดยอ.ธิดาได้โพสต์ว่า

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ บรรยายยืดยาวหลายประเด็นที่น่าสนใจ ดิฉันแปลกใจที่ท่านกล้าหาญออกมาพูดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ซึ่งคงจะเกิดจากความเชื่อมั่นของท่านว่าท่านมีความรู้จริงในเรื่องเหล่านี้ และต้องการแสดงออกถึงความรู้เพื่อถ่ายทอดให้กับสังคม ท่านพูดเรื่องใหญ่ ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ไทย การให้ความหมายคำว่า ชาติ, ความมั่นคง, ศัตรูของความมั่นคงของชาติไทยคือใครบ้าง วีธีการทำสงครามในยุคนี้ และความเห็นต่อพรรคการเมือง นักการเมือง คอมมิวนิสต์ ฝ่ายซ้าย นักวิชาการ การสื่อสาร ฯลฯ  ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น  ดิฉันของตั้งข้อสังเกตในประเด็นเหล่านี้บางประเด็น อันเนื่องมาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวที่ท่านพูดแตกต่างกัน

เรื่องที่เกิดขึ้นให้ถือเป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้รับรู้แนวคิดของท่านและคณะของท่าน ที่สนับสนุนท่าน และแนวคิดของคณะอื่นที่ต่อต้านเผด็จการทหารและการสืบทอดอำนาจ หรือหมายถึงคณะที่สนับสนุนการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตบางประเด็นดังนี้

ปัญหาการพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย

ขอเริ่มต้นว่า “คนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต”  แว่นแคว้นในดินแดนแถบนี้มีเจ้าผู้ครองนครมากมาย ลำปาง, แพร่, น่าน, เชียงใหม่, ลำพูน, เชียงราย ล้วนมีเจ้าผู้ครองนครกันทั้งสิ้น

ภาคใต้ก็เช่นกัน มีเจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ เช่น ปัตตานี ตรังกานู ไทรบุรี ปะลิส ฯลฯ  ถ้าเราพิจารณาในช่วงปลายอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ หลายจังหวัดทางภาคอีสาน ลาว เขมร ล้วนมีเจ้าผู้ครองนครทั้งสิ้น

ยังดีนะที่ท่านไม่พูดว่า คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต แต่ท่านมาเริ่มพูดในยุครัตนโกสินทร์ที่มีการเสียดินแดนให้แก่อังกฤษ, ฝรั่งเศส ซึ่งรายละเอียดของท่านดิฉันไม่จับผิดหรอกค่ะว่าตรงบ้างไม่ตรงบ้าง เมื่อท่านพูดถึงการเสียดินแดน ก็มีประเด็นที่ดิฉันคิดว่าท่านน่าจะหาข้อมูลประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะที่ยุครัตนโกสินทร์เรามีฐานะเป็นเจ้าอาณานิคมย่อยในภูมิภาค อันเกิดต่อเนื่องมาจากยุคกรุงธนบุรีที่เราขยายดินแดนไปตีเอาลาว, เขมร, ล้านนา และภาคใต้ ซึ่งต่างก็มีเจ้าผู้ครองนครกันอยู่แล้ว

ฐานะประเทศไทยก็ประมาณเจ้าอาณานิคมย่อย ๆ ในภูมิภาคนี้ เจ้าอาณานิคมตะวันตกจึงใช้วิธีและเล็มและฮุบเอาดินแดงแถบนี้ โดยการปรับความสัมพันธ์กับเจ้าผู้ครองนครเหล่านั้นให้หันไปยอมรับเป็นอาณานิคมของอังกฤษ, ฝรั่งเศส แทนที่ไทย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย ทำให้รักษาดินแดนที่ส่วนใหญ่เป็นชนชาติไทยครอบครองอาศัยอยู่ยาวนาน และทำให้เป็นเชื้อเดียวกันได้โดยศึกษาวิธีปกครองอาณานิยมของอังกฤษเป็นแบบอย่าง และความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ความเป็นพุทธศาสนิก และค่อย ๆ สร้างรัฐชาติไทยขึ้นมา ดังนั้นพื้นฐานประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อนที่จะคิดว่าต้องใช้การทหารปราบปราม


ประเด็นคำว่าชาติ

ประเด็นคำว่า “ชาติ” ดิฉันเคยไปปราศรัยหน้าราบ 11 เพราะเห็นคำขวัญ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เขียนไว้ว่า เราเข้าใจตรงกันหรือไม่ว่า ชาติ ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญที่สุดคือประชาชน พร้อมทั้งอาณาบริเวณเขตพื้นที่ที่ประชาชนอันมีรากเหง้า สังคม วัฒนธรรม ภาษา ศาสนาหลักร่วมกันในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งมีฐานะทางประวัติศาสตร์มายาวนาน ดังนั้นกล่าวได้ว่า ชาติ คือ ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ใช่แผ่นดินเป็นสำคัญ ดังที่กลุ่มจารีตนิยมมักพูดอยู่เสมอ คำหนึ่งก็แผ่นดิน สองคำก็แผ่นดิน แล้วแผ่นดินถ้าไม่มีประชาชนมันจะเป็นชาติได้อย่างไร

วิธีคิดแบบจารีตนี้มาจากคติโบราณของนักรบผู้เอาชนะในการศึก ก็กวาดต้อนผู้คนมาเป็นไพร่ทาส ทาสเชลย

“เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง”

คนเหล่านี้ก็จะเน้นการชนะศึก ปล้นทรัพย์สิน จับเชลย มายังแว่นแคว้นตน และตั้งเจ้าเมืองปกครองใหม่ที่สวามิภักดิ์กับตน คติเช่นนี้เมื่อมาในยุคที่มีการล่าอาณานิคม ทำให้อาณาเขตประเทศและรัฐชาติจึงเพิ่งมาชัดเจนขึ้น เพราะทรัพยากรและรายได้ที่ต้องเป็นของเจ้าอาณานิคม ต้องการพื้นที่อาณาเขตชัดเจนเพื่อวางแผน ขูดรีดทรัพยากรจากแผ่นดิน จากการผลิต ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว แทนที่จะเป็นการปล้นฆ่าครั้งเดียวแบบเจ้าอาณานิคมท้องถิ่น

ดังนั้นขอบเขตประเทศไทยจึงมีคนหลายเชื้อชาติ หลายภาษา หลายศาสนา แต่โชคดีที่มีปัญหาน้อย อันเนื่องมาจากการสวามิภักดิ์ กษัตริย์ไทยนับถือศาสนาพุทธ หินยาน ภาษาใกล้เคียงกัน การเกิดรัฐชาติไทยในยุคอาณานิคมจึงเหลือแผ่นดินเท่าที่มีอยู่ และสูญเสียอาณานิคมไปมาก แต่แม้จะดำรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็ไม่ใช่เอกราชสมบูรณ์ เพราะเราสูญเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้กับประเทศชาติตะวันตกทั้งหมด

เราเพิ่งได้รับเอกราชสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2482 (แก้ปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขตได้หมด) อันเป็นที่มาของการสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรื่องเช่นนี้ไม่เห็นท่าน ผบ.ทบ. พูดถึงเลย (หรือไม่รู้)


ประเด็นคำว่า “ความมั่นคง”

ถ้าเข้าใจคำว่า “ชาติ” มีประชาชนเป็นสำคัญ ความมั่นคงของชาติ คือความมั่นคงของประชาชนเป็นสำคัญนั่นเอง และประกอบด้วยการรักษาดินแดนของประเทศเป็นอย่างที่สอง

ความมั่นคงของชาติ คือความมั่นคงของประชาชน ในการใช้ชีวิต มีความปลอดภัย มีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมกัน ในฐานะประชาชนผู้มีอำนาจเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่พระมหากษัตริย์และขุนศึกขุนนาง ทหารที่ทำการรัฐประหาร เป็นเจ้าของประเทศ เช่นในอดีตกาลหรือความมั่นคงของรัฐเผด็จการ และนี่คือความแตกต่างระหว่างความมั่นคงของชาติในระบอบประชาธิปไตย กับความมั่นคงของชาติในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือระบอบเผด็จการทหารและชนชั้นในในสังคม

การมองประชาชนเป็นปฏิปักษ์ของการปกครอง สะท้อนวิธีคิดของชนชั้นนำที่ยังยึดมั่นในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ระบอบอำมาตยาธิปไตย คณาธิปไตย หรือระบอบเผด็จการ

ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยและข้าราชการระดับสูงในระบอบประชาธิปไตยต้องถือว่าตนเองทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่เจ้านายประชาชน ต้องฟังเสียงเรียกร้องต้องการของประชาชน สนใจทุกข์ของประชาชน ถ้าแก้ปัญหาไม่ถูกใจประชาชนก็ต้องลาออกจากหน้าที่ให้ผู้ทำหน้าที่คนใหม่มาทำแทนตน

ธิดา ถาวรเศรษฐ
15 ต.ค. 62

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : นายทหารผู้หลงยุค หลงตัว และท้าทายกระแสโลก

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : กอ.รมน. องค์กรซ้อนในรัฐไทย!

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562

จตุพร ถึง สมหวัง ... ขอโทษที่ทำให้เดือนร้อน!!!

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบนายกฯ กูเกิล