ยูดีดีนิวส์ : 15 ก.ค. 62 วานนี้ได้มีการฌาปนกิจศพลุงธง แจ่มศรี โดยมีอดีตสหายและผู้ให้ความเคารพรักในตัวลุงธงร่วมงานเป็นจำนวนมาก และนพ.เหวง โตจิราการเป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งรักเคารพและศรัทธาลุงธง โดยได้โพสต์ในเพจเฟสบุ๊คและใช้นามปากกาว่า "หมอเข้ม" มีข้อความดังนี้
“ธง
แจ่มศรี”
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ผู้รักษาเกียรติภูมิของพคท.และลัทธิมาร์กซ์ไว้ได้ในท่ามกลางมรสุมร้ายของฝ่ายขวาจัดอำนาจนิยม
ผมรู้จัก
“ธง แจ่มศรี” ตั้งแต่เริ่มทำงานนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
เป็นการรู้จักจากหนังสือและเอกสารต่าง ๆ ของฝ่ายก้าวหน้าในสมัยนั้นที่กล่าวถึงการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
เป็นความรู้จักเพียงแค่ว่า
เป็นกรรมการกลางและกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่เริ่มเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชนชั้นผู้ใช้แรงงานตั้งแต่อายุยังน้อย
และต้องประสบชะตากรรมติดคุกติดตารางตั้งแต่ยังเยาว์วัยเท่านั้น
แต่ก็สร้างแรงประทับใจได้อย่างมาก
ทำให้เกิดความ “ทึ่ง” ในจิตวิญญาณที่อุทิศตนเองเพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติตั้งแต่ในวัยเด็กของลุงธง
มารู้จักอีกทีก็เมื่อผมจำเป็นต้องเปลี่ยนเวทีการต่อสู้จาก
นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลที่ลี้ภัยการเข่นฆ่าอำมหิตของฝ่ายขวาจัดอำนาจนิยมเมื่อปี2518-2519
ผมเข้าป่าทางจังหวัดน่าน
ทำงานในเขตงานน่านเหนือ
ต่อมาเมื่อนักศึกษาที่โดนพวกฆาตกรโหดไล่จับไล่ฆ่าหลัง
6 ตุลาคม 2519 เปลี่ยนเวทีมาต่อสู้ด้วยอาวุธภายใต้การนำของพคท.
ทางอิสานซึ่งเป็นเขตงานกว้างใหญ่ไพศาลมากและนักศึกษาเข้าป่าทางนั้นก็มีจำนวนมาก
ทางพรรคจึงขออาสาสมัครแพทย์ปริญญาที่เข้าป่าทางเหนือหลายคนมาช่วยทางอิสานสักหนึ่งคน
ผมจึงอาสาสมัครไป
ในระหว่างเดินทางจากน่านไปอิสาน
ผมต้องผ่านเขตงานน่านใต้ ซึ่งลุงธง แจ่มศรีและป้าน้ำอยู่บนเส้นทางผ่านของผมพอดี ผมจึงได้มีโอกาสพบลุงธง
ภาพประทับใจของผมก็คือ
ผมเคยคิดว่าผู้นำระดับสูงมาก ชั้นกรรมการกลางกรมการเมือง
ต้องมีวิถีชีวิตที่แตกต่างและอย่างน้อยต้องดีกว่าสะดวกกว่าหรูหรากว่า
พลทหารแบบผมและชาวบ้านทั่วไป
แต่การกลับตรงข้าม
พบลุงธงครั้งแรก ท่านไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปเลย อยู่ในชุดขาสั้น
เสื้อแขนสั้นและแบกจอบที่เพิ่งขุดดินกลับมา
นัยว่าจะทำส้วมที่สามารถผลิตแก๊สนำมาใช้ได้ ผมทึ่งมาก และทำให้เกิดความเข้าใจที่หยั่งลึกมากขึ้น
ถึงคำว่า “ชนชั้นกรรมาชีพเป็นอย่างไร” “ท่วงทำนองมวลชน” เป็นอย่างไร
ในค่ำคืนนั้นได้สนทนากับลุงในเรื่องหนทางการปฏิวัติ
ทำให้ได้สัมผัสความสามารถทางด้านทฤษฎีและการชี้นำการปฏิวัติของลุงธงและพคท.
เมื่อผมไปทำงานในเขตงานอิสานแล้ว
ผมไม่ได้พบลุงธงอีกเลย
มาพบอีกครั้งก็ต่อเมื่อเกิดกรณี
“ป่าแตก”แล้ว ภายหลังจากที่ลุงธงออกจากเขตงานตะนาวศรีแล้วกลับมาอยู่อย่างเงียบ ๆ กับป้าน้ำ
ผมกับอ.ธิดาได้ พบปะกับลุงธงหลายครั้ง
ในช่วงนั้นความแตกต่างทางความคิดต่อหนทางปฏิวัติของกรรมการกลางและกรมการเมืองชุดที่
4 ได้แสดงออกมาทางสาธารณะไม่น้อยแล้ว จากการสนทนากับลุงธงทำให้ผมเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า
ทำไม “จึงเกิดภาวะป่าแตก” ขึ้น
เนื่องจากมีกรรมการกลางกรมการเมืองบางคน
ที่ไม่เข้าใจความเป็นจริงของสังคมไทย
ไม่สามารถยึดกุมวัตถุนิยมวิภาษวิธีได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ยังคงใช้
“ลัทธิคัมภีร์” ยังคงลอกเลียนหนทางปฏิวัติจากประเทศอื่นที่ประสบผลสำเร็จ
และเป็นกลุ่มที่ดื้อรั้นดันทุรัง ทำอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าใจไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดรับกับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากสมัชชาครั้งที่
3 เมื่อปี 2505 และจากแถลงการณ์พคท.ปี 2515 และมติทั่วประเทศของสมัชชาครั้งที่ 4 ของพคท. หลังจากการคืนเมืองและยกเลิกพ.ร.บ.คอมมิวนิสต์แล้ว
จึงเกิดการเกาะกลุ่มของกรรมการกลางและกรมการเมืองอีกขั้วหนึ่งแยกตัวออกไปจากลุงธง
อาการของโรคก็มาปะทุออกเมื่อมีการเคลื่อนไหวของ
“พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”เพื่อกรุยทางเปิดประตูไปสู่การรัฐประหารยึดอำนาจของพวกเผด็จการขวาจัดอำนาจนิยม
ลุงธงยืนอย่างสง่างาม
“ปฏิเสธและคัดค้าน” การเคลื่อนไหวของพวกเผด็จการขวาจัดอำนาจนิยม
และได้อธิบายให้กรรมการกลางกรมการเมืองอีกกลุ่มให้เข้าใจเพื่อโน้มน้าวพวกเขาให้กลับมาอยู่บนหนทางที่ถูกต้องของลัทธิมาร์กซ์
แต่กลุ่มตรงข้ามลุงธง
กลับโจมตีลุงธง และกระโจนเข้าไปให้ความร่วมมือสนับสนุน “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”
(พธม.) อย่างเต็มที่
เท่าที่ผมทราบ
พวก “ตรงข้ามลุงธง” ถึงกับนำพาสหายจำนวนหนึ่งเข้าไปเป็นกองกำลังให้กับ
“พธม.”เสียด้วยซ้ำไป
ทั้งที่ลุงธงและคณะได้คัดค้านและให้ความช่วยเหลือทางความคิดพวกเขาอย่างเต็มที่
กลุ่มดังกล่าวพยายามต่อสู้ทำลายการนำของลุงมาโดยตลอด แต่ลุงก็อดทนไม่ตอบโต้
จนพวกเขาไม่ยอมเปิดประชุมเพื่อแก้ปัญหาหลายครั้งหลายหน
ลุงจึงจำเป็นต้องออกแถลงการณ์การยุติสภาพของอดีตคณะนำพร้อมทั้งลุงธง
แต่พวกเขาพยายามจัดตั้งเลขาธิการพคท.คนใหม่ด้วยซ้ำ
ต่อมาภายหลัง
ฝ่ายเผด็จการรัฐประหารขวาอำนาจนิยมที่ยึดอำนาจปี 2549 ภายหลังร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
ก็ขอความร่วมมือให้ลุงสนับสนุน
ลุงก็ปฏิเสธไป!!!
เมื่อมีเหตุการณ์ปี
2553
ลุงก็ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งใหม่และคัดค้านการปราบปรามประชาชน
โดยที่
“กลุ่มต่อต้านลุง” กลับเงียบเชียบไม่ได้มีท่าทีใด ๆ ต่อการเคลื่อนไหวของมวลชนจำนวนมหาศาลครั้งนั้น
เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของกปปส.ของกลุ่มสุเทพ
พวกต่อต้านลุงก็ยังคงเข้าไปให้ความช่วยเหลือพวกกปปส.อย่างเอาการเอางานเต็มที่กระทั่งบางส่วนได้เป็นกองกำลังสำคัญของกปปส.ด้วยซ้ำ
เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร
22 พฤษภาคม 2557 ลุงก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจรัฐประหารครั้งล่าสุดเช่นกัน
มาถึงวันนี้ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไทยก็ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า
การรัฐประหาร
19 กันยายน 2549 อันเกิดจากการสร้างเงื่อนไขของพธม.เป็นการทำให้สังคมไทยถอยหลังไปไกล
รัฐธรรมนูญ
2550 ก็ทำลายความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทยไปมาก
ยิ่งรัฐประหาร
22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเกิดจากการสร้างเงื่อนไขเปิดประตูของพวกกปปส.อย่างเต็มที่
นำมาสู่รัฐธรรมนูญ
2560 การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ตั้งรัฐบาลสารพัด “คนดี”
ได้กระชากลากดึงสังคมไทยให้ถอยหลังไปหลายสิบปีจนต่างชาติยังประเมินได้ว่า
ถอยหลังไปกว่าสี่สิบปีด้วยซ้ำ
ดังนั้น
กลุ่มต่อต้านลุงธงที่นำเอาพลพรรคไปเป็นสมุนบริวารหางเครื่องของพธม.และกปปส. ล้วนทำลายเกียรติภูมิและหลักการแห่งลัทธิมาร์กซ์ของพคท.ทั้งสิ้น
เดชะบุญที่พคท.ยังมีเลขาธิการที่ชื่อ
“ธง แจ่มศรี” ผู้หยัดยืนอย่างทระนง
คัดค้านการรัฐประหารทั้งสองครั้ง
และคัดค้านบางส่วนของกรรมการกลางและกรมการเมืองชุดที่
4 ของพคท.ที่ทำลายศักดิ์ศรีของพคท.และลัทธิมาร์กซลงไปอย่างยับเยิน
แม้พคท.จะอยู่ในกระแสต่ำ
กระทั่งหมดบทบาทสำคัญในสังคมไทยปัจจุบัน
แต่การดำเนินงานทางการเมืองภายใต้มรสุมใหญ่ของการยึดอำนาจรัฐประหารเพื่อลากจูงสังคมไทยให้ถอยหลังกลับไปไกล
ยังเป็นภารกิจสำคัญของอดีตสหายพคท.ในการที่จะร่วมกับประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยรักความก้าวหน้าทั้งหลายในการที่จะต่อสู้ยืนหยัดเพื่อให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้าให้ได้
“ธงแจ่มศรี”
ได้ทำภาระหน้าที่นั้นอย่างสง่างาม
แม้วันนี้
ลุงธงจะจากเราไปแล้ว แต่ลุงธงได้สร้างตำนานไว้ให้แก่ประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้วว่า
ธง
แจ่มศรี เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ผู้รักษาเกียรติภูมิของพคท.และลัทธิมาร์กซไว้ได้อย่างสง่างามในท่ามกลางมรสุมร้ายคลื่นใหญ่ลมร้ายของฝ่ายขวาจัดอำนาจนิยม