ยูดีดีนิวส์ : 1 ก.ค. 62 กรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ที่ถูกชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้าและใช้อาวุธกระหน่ำตีปางตายนั้น วันนี้อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มีคำถามดัง ๆ ว่า "รุมตีหัวคนกลางถนนใหญ่...แล้วจะยังไงต่อ?"
โดยอ.ธิดาได้กล่าวว่า แม้ขณะนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แน่นอนเรื่องที่นายกฯ ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทั้งด้วยความจงใจที่ต้องการจะใช้อำนาจมาตรา 44 อยู่ และยังมีคณะรัฐมนตรีเดิม ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และชุดทำงานเดิมโดยเฉพาะรองนายกฯ สองท่าน คือน่าจะเป็นความจงใจที่จะยังไม่สามารถตั้งครม.ได้ รวมทั้งเรื่องที่ยังตกลงผลประโยชน์ยังไม่เสร็จ แต่สำหรับฝ่ายประชาชนปรากฎว่าเรื่องใหญ่สำคัญที่แทรกเข้ามาคือกรณี "จ่านิว" ถูกรุมตีบาดเจ็บสาหัส
อ.ธิดากล่าวว่า การที่มีดักทำร้ายกลางถนนใหญ่กลางวันแสก ๆ ไม่เกรงใจใคร ไม่เกรงกลัวอำนาจบ้านเมือง เป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า? หรือจะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวตำรวจ จนกระทั่งมีคนหลายคนตั้งข้อสังเกตุ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว ข้อสำคัญคือการกล้าทำอย่างอุกอาจในสถานที่ที่เป็นถนนใหญ่กลางวันแสก ๆ มีรถวิ่งไปมา รวมทั้งไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะ จำนวนคนที่ลงมือ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เป็นระบบ และสิ่งที่เอามาใช้เป็นอาวุธ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองถนัดที่จะใช้
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่ผ่านการต่อสู้มายาวนาน ทำให้ดิฉันอดที่จะรำลึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ จากการกระทำที่เรียกว่าตีสั่งสอน ยกตัวอย่างกรณีคุณเอกชัย มีการไปเผารถ ไปคุกคามถึงที่บ้าน หรือการไปทำร้ายที่ป้ายรถเมล์หน้าศาล ซึ่งศาลได้กำชับว่าตำรวจจะต้องติดตามมาให้ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ล่าสุดกรณี "จ่านิว" ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันบอกอะไรกับเราได้บ้าง? อ.ธิดาตั้งข้อสังเกต
ในทัศนะของดิฉันก็คือ
1) มีพัฒนาการของการทำร้ายผู้เห็นต่างหรือผู้ที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากทำรัฐประหาร ผู้ไม่สนับสนุนระบอบที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย นักกิจกรรมเหล่านี้จะถูกจัดการเป็นลำดับแล้วมีการยกระดับขยายตัวเพิ่มขึ้น
2) รัฐไทยขณะนี้ไม่เคยที่จะสามารถจับตัวผู้กระทำผิด หรือใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลในการที่จะจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
3) สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรามองเห็นลักษณะเครือข่ายของการปฏิบัติการที่มีความคิดสองขั้ว ขั้วหนึ่งสนับสนุนรัฐบาลทหารที่มาจากการทำรัฐประหาร อีกขั้วหนึ่งไม่สนับสนุน
เราจึงเห็นลักษณะเครือข่ายอันเนื่องมาจากการแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเครือข่ายนั้นแม้กระทั่งสนับสนุนฝ่ายรัฐประหารก็มีดีกรีตั้งแต่สุดโต่ง เช่น พล.ต.อนุชาติ บุนนาค ซึ่งอ.ธิดากล่าวว่า ตั้งสถาบัน ยังไม่รู้ว่าเป็นสถาบันเถื่อนหรือเปล่า?
หมายความว่าในเครือข่ายที่สนับสนุนนั้นมีดีกรีตั้งแต่สุดโต่งจนกระทั่งในเครือข่ายเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ก็มี แสดงว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ธรรมดา เป็นเรื่องราวที่มันมองเห็นว่ามีกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร สนับสนุนการทำรัฐประหาร สนับสนุนให้เกิดความเกลียดชังจนกระทั่งฆ่า
เราจะเห็นว่ามีคนจำนวนหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น พล.ต.อนุชาติ แนะหมอไม่ต้องรีบรักษาจ่านิว แล้วก็ยอมรับกับตัวเองว่ามีอกุศลจิต พูดง่าย ๆ ก็คือให้ตายไปเลยประมาณนั้น...หรือเปล่า? อ้างว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการสถาบันศึกษายุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ดิฉันให้ทีมงานลองไปดูก็ยังหาองค์กรนี้ไม่ได้ แต่ดิฉันไม่แปลกใจ เพราะดิฉันผ่านยุคที่มีการตั้งองค์กรเถื่อนของกลุ่มขวาจัดมาเยอะแยะ
ไม่ว่าจะเป็นในช่วง 6 ตุลา 19 "กลุ่มค้างคาว" "กลุ่มนวพล" "กลุ่มกระทิงแดง" กลุ่มเหล่านี้คล้าย ๆ เป็นเหมือนองค์กรประชาชนหรือมวลชนจัดตั้งขึ้นมา แต่จำนวนมากนั้นได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน. อย่างงานนี้ประธานญาติวีรชนปี 35 ได้ออกมาบอกว่าไม่ใช่ทหารสายบิ๊กแดง แต่เป็นสายอื่น
ดิฉันไม่ได้แปลกใจว่าจะเป็นสายไหน แต่มันมีอะไรที่มันคล้ายกับสถานการณ์ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือจะมีกลุ่มองค์กรในขณะนั้นซึ่งเป็นแนวคิดขวาจัดมองว่าพรรคการเมืองบางพรรคและประชาชนที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 14 ตุลา 16 การเคลื่อนไหวในแนวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเหล่านี้เป็นการเคลื่อนไหวแบบฝ่ายซ้าย แม้กระทั่งพระบางรูปก็บอกว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"
ดังนั้นไม่ว่ากรณีถีบลงเขา เผาลงถัง และเหตุการณ์ต่าง ๆ หลัง 14 ตุลา การตายของ แสง รุ่งนิรันดรกุล นักศึกษารามคำแหง, นิสิต จิรโสภณ แล้วก็นักศึกษามหิดล แล้วก็เลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ล่าสุด...สุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก็มีการแขวนคอช่างไฟฟ้า
ดังนั้นดิฉันจึงตั้งคำถามว่า...แล้วเป็นยังไงต่อ?
บาดเจ็บสาหัสไม่พอใช่ไหม? จะเอาถึงตายใช่หรือเปล่า?
ในคอมเมนต์ พล.ต.อนุชาติ บอกว่า "ไม่ต้องรีบรักษาก็ได้ครับคุณหมอ ปล่อยมันไว้แบบนี้สักสี่ห้าวัน พอขำ ๆ"
ไม่ใช่ พล.ต.อนุชาติ แค่นั้น ยังมี ส.ส.ศิริพงษ์ มีการโพสต์ซ้ำเติม "จ่านิว" ว่า "เวรกรรมติดจรวจ เมื่อวานมาพูดโกหก (ด่า) อยู่ที่หนองจอก วันนี้โดนสะแล้ว นิว ที่คลองสามวา น้อยไปหน่อย" ภายหลังอ้างว่าตนเองไม่ได้ทำ
ไม่พอ...ยังมีคุณปารีณา (เจ้าประจำ) ซึ่งแนวหน้าพาดหัวว่า "ปารีณา" ชี้เปรี้ยงไม่มีใครโง่ทำร้ายจ่านิว พุ่งเป้าสงสัยเป็นพวกพรรคขาลง อ.ธิดาอธิบายว่า พูดง่าย ๆ ว่าสร้างกระแสความสงสาร สร้างภาพไม่ดี กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม อ.ธิดาเสริมว่าคือรู้ว่าการรุมเป็นเรื่องไม่ดี คุณปารีณาโพสต์ว่า "ดิฉันขอประนามคนที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายร่างกายจ่านิวให้ถูกยุบพรรค และขอให้หัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค และโฆษกพรรค ต้องติดคุก โดยเธิษฐานให้โฆษกพรรคติดคุกคนแรกเลย" (หมายถึงคุณช่อ) อ.ธิดากล่าวว่า นี่ดูวิธีคิดของเธอ
ยังมีนักแสดงบางคนคือ หนุ่ม ไพฑูรย์ ส่งอุบล นักแสดงตัวประกอบซึ่งโพสต์ว่า "อาชีพใหม่ คือ โดนมือ โดนตีน ได้เงินบริจาค 5555"
อ.ธิดากล่าวว่า "ใครจะมาสร้างกระแส ต่อให้เขาเป็นคนที่ยากลำบาก กรณีจ่านิวเขามีกำหนดจะไปศึกษาต่อที่อินเดียกลางเดือนนี้ คราวนี้ก็ไปไม่ได้แล้ว นี่เรียกว่าซ้ำเติมอย่างรุนแรง"
อีกคนคือคุณศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรายการนิว 18 ยิ่งหนักเข้าไปอีกทีวีช่องนี้ บอกว่า "ครั้งที่แล้วไม่สมจริง ครั้งนี้เลยจัดสมจริง"
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นว่าเรามีความเกลียดชังกันระหว่างฝ่าย ทำให้ดิฉันอดนึกไปถึงเหตุการณ์หลัง 14 ตุลา 16, ในช่วง 6 ตุลา 19 คือมีความตื่นตัวของกลุ่มปัญญาชนและประชาชนในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมาก ก็เกิดรับไม่ได้ สถานการณ์มันรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ดิฉันมองด้วยความไม่สบายใจ
คือมีความเป็นห่วงว่าสถานการณ์มันจะรุนแรงขึ้นอีกหรือเปล่า? เพราะว่าจากของเอกชัย จากของจ่านิวซึ่งเจอมา 2-3 ครั้ง มันเบาไปหน่อยหรือเปล่าก็เลยจัดหนัก ถ้าหนักกว่านี้มันก็ถึงตาย จริง ๆ ของจ่านิวจะบอกว่าจนถึงขั้นตายนี่ก็ยังได้นะเพราะว่าเจอหนักมาก
แต่ไม่รู้ว่ามีคำสั่งให้ตีอย่างหนัก แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้ใช้อาวุธเช่นกระสุน ถ้าหนักกว่านี้ก็ต้องถึงตาย! แล้วถ้าถึงตายหมายความว่าจะเตรียมให้สถานการณ์ลุกลามไปอีกหรือเปล่า
ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากมีปัญหาเครือข่าย แล้วก็สร้างกลุ่มผู้คนที่เกลียดชัง และมีปฏิบัติการที่เป็นจริงมากขึ้น แล้วตอนนี้สถานการณ์ที่สภา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนส.ส.ที่สนับสนุน หรือการตั้งรัฐมนตรีที่ไม่ลงตัว และนอกสภามีการขับเคลื่อนของประชาชนทั้งสองฝ่าย
แน่นอนฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ไม่สนับสนุนการทำรัฐประหาร คุณคิดว่าตีแค่นี้จะให้เขาหยุดหรือ? มันไม่ใช่หรอก แต่ที่จงใจตีนี่จะให้เคลื่อนหรือเปล่า? นี่ขอตั้งคำถาม!!!
อยากให้เคลื่อนไหวมากขึ้นใช่ไหม? ... หรือเปล่า
ถ้ามีการทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น แล้วสถานการณ์ในรัฐสภาก็ยังรุนแรง ต่อรองตำแหน่งไม่ลงตัว มันก็มีคำถามขึ้นว่า ... แล้วต่อไปจะเอายังไง?
ประเด็นแรกที่มองไปได้ก็คือ ลุงตู่อยู่ต่อไปแบบนี้ ไม่ต้องรัฐบาลก็ได้ถ้ายังไม่ลงตัว ยังมีมาตรา 44 ยังเป็นนายกฯ
หรือมิฉะนั้นจะมีการทำรัฐประหารตัวเอง หรือทำรัฐประหารใหม่อีกครั้ง ... หรือเปล่า
แปลว่าอนาคตประชาธิปไตยมันดูมืดมัว ถามว่าถ้าคุณบอกว่าเปลี่ยนผ่าน จะเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการมาสู่ระบอบประชาธิปไตย แล้วทำไมสถานการณ์มันรุนแรงมากขึ้น ทำไมคุณจึงตีหัวคนจนเกือบตาย
ถ้าคุณจริงใจ (หมายถึงเครือข่ายที่สนับสนุนระบอบเผด็จการ) ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบของคุณนั่นแหละ (แบบที่มีส.ว. 250 คนมานั่งกำกับ, แบบที่มาโหวตเลือกนายกฯ ได้) แม้กระทั่งคุณจริงใจว่าจากระบอบเผด็จการเพียว ๆ 100% มาเป็นระบอบเผด็จการ 70% มาเป็นระบอบประชาธิปไตย 30% คุณก็ไม่จำเป็นต้องตีหัวคนขนาดนี้
แต่การตีหัวคนขนาดนี้ การขับเคลื่อนขนาดนี้มันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าต้องการให้นำไปสู่ ประชาธิปไตย 30% ก็อย่าเอาเลย เอาเผด็จการเพียว ๆ 100% เหมือนเดิมหรือเปล่า ... นี่ดิฉันตั้งข้อสงสัยว่า
การตีหัวคนกลางวันแสก ๆ อย่างไม่ยี่หระว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย จะต้องการนำประเทศไปสู่อะไร?
วันนี้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนนะคะ เพราะว่าดิฉันมีบทเรียนตั้งแต่ 6 ตุลาว่า "เมื่อไหร่ที่มีกลุ่มประชาชน (ฝั่งที่สนับสนุนรัฐประหาร) ออกมาแสดงบทบาทแบบนี้ ก็มักจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศยิ่งถอยหลังไปอีกค่ะ" อ.ธิดากล่าว
เราจะเห็นว่ามีคนจำนวนหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น พล.ต.อนุชาติ แนะหมอไม่ต้องรีบรักษาจ่านิว แล้วก็ยอมรับกับตัวเองว่ามีอกุศลจิต พูดง่าย ๆ ก็คือให้ตายไปเลยประมาณนั้น...หรือเปล่า? อ้างว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการสถาบันศึกษายุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ดิฉันให้ทีมงานลองไปดูก็ยังหาองค์กรนี้ไม่ได้ แต่ดิฉันไม่แปลกใจ เพราะดิฉันผ่านยุคที่มีการตั้งองค์กรเถื่อนของกลุ่มขวาจัดมาเยอะแยะ
ไม่ว่าจะเป็นในช่วง 6 ตุลา 19 "กลุ่มค้างคาว" "กลุ่มนวพล" "กลุ่มกระทิงแดง" กลุ่มเหล่านี้คล้าย ๆ เป็นเหมือนองค์กรประชาชนหรือมวลชนจัดตั้งขึ้นมา แต่จำนวนมากนั้นได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน. อย่างงานนี้ประธานญาติวีรชนปี 35 ได้ออกมาบอกว่าไม่ใช่ทหารสายบิ๊กแดง แต่เป็นสายอื่น
ดิฉันไม่ได้แปลกใจว่าจะเป็นสายไหน แต่มันมีอะไรที่มันคล้ายกับสถานการณ์ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือจะมีกลุ่มองค์กรในขณะนั้นซึ่งเป็นแนวคิดขวาจัดมองว่าพรรคการเมืองบางพรรคและประชาชนที่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 14 ตุลา 16 การเคลื่อนไหวในแนวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเหล่านี้เป็นการเคลื่อนไหวแบบฝ่ายซ้าย แม้กระทั่งพระบางรูปก็บอกว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป"
ดังนั้นไม่ว่ากรณีถีบลงเขา เผาลงถัง และเหตุการณ์ต่าง ๆ หลัง 14 ตุลา การตายของ แสง รุ่งนิรันดรกุล นักศึกษารามคำแหง, นิสิต จิรโสภณ แล้วก็นักศึกษามหิดล แล้วก็เลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ล่าสุด...สุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก็มีการแขวนคอช่างไฟฟ้า
ดังนั้นดิฉันจึงตั้งคำถามว่า...แล้วเป็นยังไงต่อ?
บาดเจ็บสาหัสไม่พอใช่ไหม? จะเอาถึงตายใช่หรือเปล่า?
ในคอมเมนต์ พล.ต.อนุชาติ บอกว่า "ไม่ต้องรีบรักษาก็ได้ครับคุณหมอ ปล่อยมันไว้แบบนี้สักสี่ห้าวัน พอขำ ๆ"
ไม่ใช่ พล.ต.อนุชาติ แค่นั้น ยังมี ส.ส.ศิริพงษ์ มีการโพสต์ซ้ำเติม "จ่านิว" ว่า "เวรกรรมติดจรวจ เมื่อวานมาพูดโกหก (ด่า) อยู่ที่หนองจอก วันนี้โดนสะแล้ว นิว ที่คลองสามวา น้อยไปหน่อย" ภายหลังอ้างว่าตนเองไม่ได้ทำ
ไม่พอ...ยังมีคุณปารีณา (เจ้าประจำ) ซึ่งแนวหน้าพาดหัวว่า "ปารีณา" ชี้เปรี้ยงไม่มีใครโง่ทำร้ายจ่านิว พุ่งเป้าสงสัยเป็นพวกพรรคขาลง อ.ธิดาอธิบายว่า พูดง่าย ๆ ว่าสร้างกระแสความสงสาร สร้างภาพไม่ดี กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม อ.ธิดาเสริมว่าคือรู้ว่าการรุมเป็นเรื่องไม่ดี คุณปารีณาโพสต์ว่า "ดิฉันขอประนามคนที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายร่างกายจ่านิวให้ถูกยุบพรรค และขอให้หัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค และโฆษกพรรค ต้องติดคุก โดยเธิษฐานให้โฆษกพรรคติดคุกคนแรกเลย" (หมายถึงคุณช่อ) อ.ธิดากล่าวว่า นี่ดูวิธีคิดของเธอ
ยังมีนักแสดงบางคนคือ หนุ่ม ไพฑูรย์ ส่งอุบล นักแสดงตัวประกอบซึ่งโพสต์ว่า "อาชีพใหม่ คือ โดนมือ โดนตีน ได้เงินบริจาค 5555"
อ.ธิดากล่าวว่า "ใครจะมาสร้างกระแส ต่อให้เขาเป็นคนที่ยากลำบาก กรณีจ่านิวเขามีกำหนดจะไปศึกษาต่อที่อินเดียกลางเดือนนี้ คราวนี้ก็ไปไม่ได้แล้ว นี่เรียกว่าซ้ำเติมอย่างรุนแรง"
อีกคนคือคุณศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรายการนิว 18 ยิ่งหนักเข้าไปอีกทีวีช่องนี้ บอกว่า "ครั้งที่แล้วไม่สมจริง ครั้งนี้เลยจัดสมจริง"
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นว่าเรามีความเกลียดชังกันระหว่างฝ่าย ทำให้ดิฉันอดนึกไปถึงเหตุการณ์หลัง 14 ตุลา 16, ในช่วง 6 ตุลา 19 คือมีความตื่นตัวของกลุ่มปัญญาชนและประชาชนในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพมาก ก็เกิดรับไม่ได้ สถานการณ์มันรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ดิฉันมองด้วยความไม่สบายใจ
คือมีความเป็นห่วงว่าสถานการณ์มันจะรุนแรงขึ้นอีกหรือเปล่า? เพราะว่าจากของเอกชัย จากของจ่านิวซึ่งเจอมา 2-3 ครั้ง มันเบาไปหน่อยหรือเปล่าก็เลยจัดหนัก ถ้าหนักกว่านี้มันก็ถึงตาย จริง ๆ ของจ่านิวจะบอกว่าจนถึงขั้นตายนี่ก็ยังได้นะเพราะว่าเจอหนักมาก
แต่ไม่รู้ว่ามีคำสั่งให้ตีอย่างหนัก แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้ใช้อาวุธเช่นกระสุน ถ้าหนักกว่านี้ก็ต้องถึงตาย! แล้วถ้าถึงตายหมายความว่าจะเตรียมให้สถานการณ์ลุกลามไปอีกหรือเปล่า
ดิฉันขอตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากมีปัญหาเครือข่าย แล้วก็สร้างกลุ่มผู้คนที่เกลียดชัง และมีปฏิบัติการที่เป็นจริงมากขึ้น แล้วตอนนี้สถานการณ์ที่สภา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนส.ส.ที่สนับสนุน หรือการตั้งรัฐมนตรีที่ไม่ลงตัว และนอกสภามีการขับเคลื่อนของประชาชนทั้งสองฝ่าย
แน่นอนฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ไม่สนับสนุนการทำรัฐประหาร คุณคิดว่าตีแค่นี้จะให้เขาหยุดหรือ? มันไม่ใช่หรอก แต่ที่จงใจตีนี่จะให้เคลื่อนหรือเปล่า? นี่ขอตั้งคำถาม!!!
อยากให้เคลื่อนไหวมากขึ้นใช่ไหม? ... หรือเปล่า
ถ้ามีการทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น แล้วสถานการณ์ในรัฐสภาก็ยังรุนแรง ต่อรองตำแหน่งไม่ลงตัว มันก็มีคำถามขึ้นว่า ... แล้วต่อไปจะเอายังไง?
ประเด็นแรกที่มองไปได้ก็คือ ลุงตู่อยู่ต่อไปแบบนี้ ไม่ต้องรัฐบาลก็ได้ถ้ายังไม่ลงตัว ยังมีมาตรา 44 ยังเป็นนายกฯ
หรือมิฉะนั้นจะมีการทำรัฐประหารตัวเอง หรือทำรัฐประหารใหม่อีกครั้ง ... หรือเปล่า
แปลว่าอนาคตประชาธิปไตยมันดูมืดมัว ถามว่าถ้าคุณบอกว่าเปลี่ยนผ่าน จะเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการมาสู่ระบอบประชาธิปไตย แล้วทำไมสถานการณ์มันรุนแรงมากขึ้น ทำไมคุณจึงตีหัวคนจนเกือบตาย
ถ้าคุณจริงใจ (หมายถึงเครือข่ายที่สนับสนุนระบอบเผด็จการ) ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบของคุณนั่นแหละ (แบบที่มีส.ว. 250 คนมานั่งกำกับ, แบบที่มาโหวตเลือกนายกฯ ได้) แม้กระทั่งคุณจริงใจว่าจากระบอบเผด็จการเพียว ๆ 100% มาเป็นระบอบเผด็จการ 70% มาเป็นระบอบประชาธิปไตย 30% คุณก็ไม่จำเป็นต้องตีหัวคนขนาดนี้
แต่การตีหัวคนขนาดนี้ การขับเคลื่อนขนาดนี้มันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าต้องการให้นำไปสู่ ประชาธิปไตย 30% ก็อย่าเอาเลย เอาเผด็จการเพียว ๆ 100% เหมือนเดิมหรือเปล่า ... นี่ดิฉันตั้งข้อสงสัยว่า
การตีหัวคนกลางวันแสก ๆ อย่างไม่ยี่หระว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย จะต้องการนำประเทศไปสู่อะไร?
วันนี้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนนะคะ เพราะว่าดิฉันมีบทเรียนตั้งแต่ 6 ตุลาว่า "เมื่อไหร่ที่มีกลุ่มประชาชน (ฝั่งที่สนับสนุนรัฐประหาร) ออกมาแสดงบทบาทแบบนี้ ก็มักจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศยิ่งถอยหลังไปอีกค่ะ" อ.ธิดากล่าว