วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ธิดา ถาวรเศรษฐ : การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจาก 2552 ถึง 2562


การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจาก 2552 ถึง 2562

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
26 มิ.ย. 62

กลายเป็นว่าความโด่งดังของการประชุมอาเซียนซัมมิทปี 2562 คนมาพูดกันเรื่องภาษาอังกฤษของนายกฯ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศไม่พอใจ ถูกแยกห้องออกไปและฟังไม่รู้เรื่อง

แต่ที่โด่งดังยิ่งกว่าคือ ผู้ถูกกล่าวหาจากการประชุมปี 2552 คนหนึ่งหลุดจากการถูกฟ้องร้องเพราะคดีความหมดอายุ ต่างจากคนอื่น ๆ ที่เป็นแกนนำ หลังจากเวลาผ่านไป 8-9 ปี ก็มาถูกฟ้องร้องทั้งที่กรุงเทพฯและพัทยา

มองปรากฎการณ์นี้อย่างไร?

1) เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 10 ปี แกนนำนปช.ถูกดำเนินคดีปี 51, 52, 53 และคดีอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ยังไม่มีสโลแกนเผาบ้านเผาเมือง, ล้มเจ้า จนมาบัดนี้สโลแกนนี้ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง แม้แต่ต่างจังหวัด ด้วยใจจริงดิฉันอยากรื้อฟื้นคดีเพราะเชื่อว่าแดงนปช.ไม่ได้เผาและไม่ได้บุกรุกสถานที่ราชการแน่นอน แต่เป็นไทยมุงยืนดู คนเผาจริงคือมือลึกลับที่คุ้นเคยสถานที่ราชการแล้วหายตัวไปแล้ว...ใช่หรือไม่? ชะตากรรมจึงตกที่ผู้ถูกกล่าวหา ที่เป็นปัญหากระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นจากพนักงานสอบสวนจนอัยการสั่งฟ้องร้อง

ดังนั้นควบคู่กันไปกับการยึดอำนาจประชาชนด้วยการทำรัฐประหารและสลายอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็พยายามลงโทษด้วยคดีความสำหรับผู้เกี่ยวข้อง ผู้สนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง แกนนำ มวลชน ล้วนประสบชะตากรรมและกระบวนการยุติธรรมที่ไม่อาจถือว่ามีนิติธรรม (Rule of Law) ได้จริง...ใช่หรือไม่?

ล่าสุด ปรากฎการณ์ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” ที่ย้ายพรรค บังเอิญว่าหลุดคดีได้คนเดียว ก็เป็นเรื่องที่กล่าวขวัญไปทั่วถึงกระบวนการยุติธรรมตอนต้นว่าทำตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจหรือไม่?

ในขณะที่พยายามออกหมายจับณัฐวุฒิตั้งแต่ปี 60 แต่ศาลไม่อนุมัติ และการพยายามดำเนินคดีฟ้องร้องโดยเลือกปฏิบัติหรือไม่? จนบางคนสามารถหลุดพ้นคดีได้เพราะขาดอายุความ ... น่าแปลกจริง ๆ

2) ย้อนกลับไปดูการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนปี 2552 มีประมุขสำคัญจากประเทศใหญ่ ๆ เช่น จีน, ญี่ปุ่น ฯลฯ มาร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก รัฐบาลขณะนั้นประกอบด้วยพรรคการเมืองสำคัญคือ ประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย และพรรคอื่น ๆ

ปี 2562 การประชุมนี้ไม่มีผู้นำจากประเทศใหญ่ ๆ มา  อาจตีความได้ว่ายังกลัวเหตุการณ์ปี 2552 หรือไม่อยากมาร่วมประชุมกับประเทศที่ยังไม่พร้อมจะเป็นประชาธิปไตยเช่นประเทศไทย

3) ปรากฎการณ์มวลชนในปี 2552

ความจริงไม่ใช่การต่อต้านการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แต่มวลชนต้องการไปยื่นจดหมายถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ ถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลขณะนั้นที่ตั้งขึ้นในค่ายทหาร และส.ส.แปรพักตร์จากพรรคเดิมในการหาเสียงที่มวลชนสนับสนุนพรรคเดิม ไปตั้งพรรคใหม่และเข้าร่วมรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้าม ทำให้รัฐบาลขณะนั้นไม่อาจบอกได้ว่ามาจากประชาชน

แต่การพยายามหยุดยั้งมวลชนโดยการใช้ความรุนแรงในการใช้อาวุธจริง และชายฉกรรจ์กลุ่มเสื้อสีน้ำเงินที่ออกมาปะทะกับมวลชนเสื้อแดง ทำให้เหตุการณ์บานปลาย มวลชนเสื้อแดงไม่พอใจที่ถูกใช้ความรุนแรง เรื่องจึงเปลี่ยนจากการจะไปยื่นจดหมายถึงผู้นำอาเซียน กลายเป็นขึ้นไปถึงโรงแรมที่ประชุม ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นถ้ารัฐบาลขณะนั้นให้ไปยื่นจดหมายโดยไม่ขัดขวางและใช้ความรุนแรงกับประชาชนก่อน

สุดท้ายรัฐบาลขณะนั้น เหมือนกับปี 2553 ที่ปราบปรามประชาชนด้วยกำลังทหาร ตำรวจกว่า 6 หมื่น ใช้อาวุธจริง ทั้งปี 2552, 2553 ก็ไม่ผิด ความผิดมาตกอยู่กับประชาชนและแกนนำนั่นเอง

สำหรับปรากฎการณ์มวลชนในปี 2562 ต่อการประชุมอาเซียนซัมมิท

มีจดหมายเปิดผนึกจากนักศึกษาชาวไทยจำนวน 400 คน ถึงผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ความจริงก็คล้ายกับปี 2552 แค่ไม่มีม็อบมวลชนขนาดใหญ่ และไม่มีการปะทะใช้ความรุนแรงแบบปี 2552 ก็ไม่เกิดเรื่องบานปลาย

เพราะจริง ๆ แล้วไม่มีใครคิดต่อต้านการประชุมสุดยอดอาเซียน ไม่ว่าปีไหน ๆ ก็ตาม ประชาชนที่จะต่อต้านการประชุมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ความกลัวของรัฐบาลต่อการเรียกร้องของประชาชนแล้วใช้การปราบปรามรุนแรงคือเหตุแห่งปัญหาปี 51, 52, 53 ที่แท้จริง!!!