วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นพ.เหวง โตจิราการ : เสวนา "9 ปี เมษา-พฤษภา'53 : พูดความจริง ทวงความยุติธรรม รำลึกวีรชน"

นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติม
ยูดีดีนิวส์ : เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. 62 ในเวลา 13.00 -15.30 น. ศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ ได้จัดงานเสวนา “9 ปี เมษา-พฤษภา53 : พูดความจริง ทวงความยุติธรรม รำลึกวีรชน” สำหรับผู้ร่วมโต๊ะเสวนาได้แก่ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์นายปกาศิต ไตรยสุนันท์นายโชคชัย อ่างแก้วนางพะเยาว์ อัคฮาด และนายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ผู้ดำเนินการเสวนาคือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยเข้าร่วมฟังเสวนาเป็นจำนวนมาก โดยการเสวนานี้ได้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมศูนย์ข่าวยูดีดีนิวส์ อาคารเอเวอรี่มอลล์ สี่แยกแคราย ถนนรัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี

ภายหลังที่วิทยากรได้กล่าวจบ นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งได้เข้ารับฟังการเสวนาในครั้งนี้ด้วย ได้ขอกล่าวเพิ่มเติมภายหลังจากที่วิทยากรได้กล่าวไปแล้ว โดยเพิ่มเติมว่า “คือผมเห็นว่าวันนี้เรามาพูดความจริง ผมจะเพิ่มเติมนิดเดียวคือ ปมหลักที่ทางรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งศอฉ.สร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าประชาชนมีปมเดียวครับก็คือเรื่อง “ชายชุดดำ” และจาก “ชายชุดดำ” ก็มีการขยายตัวต่อไปว่า "มีกองกำลังติดอาวุธ"

นพ.เหวงได้กล่าวต่อไปว่า “ผมขอเรียนด้วยความเคารพว่าผมตั้งใจค้นคว้าสืบสวนด้วยตัวของผมเอง พบว่า “ชายชุดดำ” ปรากฎโฉมในประวัติศาสตร์ไทยในวันที่ 13 เมษาครับ แต่วันที่เกิดการฆ่ากันอย่างมโหฬารโดยฝ่ายทหารยิงประชาชนเป็นวันที่ 10 เมษาครับ

และภาพที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอกย้ำ ซึ่งอันนี้ให้หลักการของฮิตเลอร์เลย คือถ้าคุณต้องการจะให้ประชาชนเชื่อเรื่องโกหก กรุณาโฆษณาเรื่องโกหกใหญ่ ๆ นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนในที่สุดประชาชนจะเชื่อคุณ...แม้มันจะเป็นเรื่องโกหก

และแม้นถ้าชายชุดดำมีจริง ภาพนั้นมีจริง กำบังหลังเสาไฟจริง แล้วยิงประชาชนจริงนั้น คุณต้องนำเสนอต่อทั่วโลกในเวลาทุ่มครึ่งหรือสองทุ่มครึ่งของคืนวันนั้น  เลย  แต่ภาพนั้นมานำเสนอในวันที่ 13 เมษายน


ท่านเกิดคำถามไหมครับ ไม่ว่าภาพนั้นจะถ่ายโดยใครก็ตาม แต่ภาพนั้นเป็นภาพที่มีความสำคัญระดับโลก ถึงนักข่าวคนนั้นไม่ประสงค์จะได้รางวัล แต่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้ว 1) ก็จะรักษาความเป็นจริงของประวัติศาสตร์ 2) เขาจะได้รับรางวัลระดับโลก และถ้าคิดทำมาหากินภาพนั้นก็จะสร้างรายได้ให้เขาอย่างมหาศาล

แต่ภาพถูกนำเสนอในวันที่ 13 เมษา และหนังสือพิมพ์ก็พาดหัวตั้งแต่วันที่ 13 เป็นต้นไปว่าคนเสื้อแดงมีชายชุดดำ

ผมได้จ้องดูภาพที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ฉายซ้ำ ๆ ผ่านโทรทัศน์ช่อง 11 เห็นว่าโลโก้ที่ปรากฎที่มุมภาพคือ “อัลจาชีร่า” และผมได้ขอพบตัวแทนของ “อัลจาชีร่า” ที่อยู่ที่ประเทศไทยและเขาบอกผมว่าเขาซื้อภาพนั้นมา และรัฐบาลอภิสิทธิ์เอามาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกจนประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อว่าคนเสื้อแดงมีชายชุดดำและมีกองกำลังติดอาวุธ

เพราะฉะนั้นเรื่อง “ชายชุดดำ” ผมยืนยันจนถึงวินาทีนี้ว่า คนเสื้อแดงไม่มีชายชุดดำอย่างแน่นอน ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ผมยืนยัน!

อีกประเด็นคือจากรายงานของคอป.กรณีการเสียชีวิตของพ.อ.ร่มเกล้า (ยศในขณะนั้น) และการตาย 6 ศพในวัดปทุมวนารามไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งจากข้อพิสูจน์ในภายหลังระบุว่าการเสียชีวิตของพ.อ.ร่มเกล้าเกิดจาก M67 ไม่ใช่ M79 ส่วนการตายในวัดปทุมวนารามในรายงานคอป.โดยนายสมชาย หอมลออ ระบุว่ามีการต่อสู้ระหว่างคนเสื้อแดงที่เป็นชายชุดดำติดอาวุธกับเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณเสาตอม่อไฟฟ้าตรงสามแยกเฉลิมเผ่า ซึ่งเป็นเรื่องเท็จโดยสิ้นเชิง

เพราะจากคำสั่งการตายของศาลกรณี 6 ศพวัดปทุมระบุชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเสียชีวิตจากการยิงโดยฝั่งเจ้าหน้าที่ และไม่มีอาวุธ ไม่มี เขม่าดินปืนในร่างกายของผู้เสียชีวิตทุกราย

สุดท้ายนพ.เหวงได้กล่าวยืนยันว่าเราไม่มีชายชุดดำ ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ แน่นอน และผมยืนยันที่จะเดินหน้าทวงหาความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตในเดือนเมษา-พฤษภา53 ไปจนกว่าจะเจอ นพ.เหวงกล่าวยืนยันในที่สุด.