วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประธาน นปช. ระบุ ส่อเค้าไม่ได้เลือกตั้ง หลัง ผบ.ทบ.ออกมาพูดถึงเพลง หนักแผ่นดิน


ประธาน นปช. ระบุ ส่อเค้าไม่ได้เลือกตั้ง หลัง ผบ.ทบ.ออกมาพูดถึงเพลง หนักแผ่นดิน และมีการยกวาทกรรมเผาบ้าน เผาเมืองออกมาพูด ในขณะนี้ ทำให้บรรยากาศของบ้านเมือง กำลังเป็นเหมือนช่วงก่อนเหตุการณ์ พลิกผันทางการเมืองในประเทศไทยหลาย ๆ ครั้ง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนวันนี้ว่า  ตนได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ในขณะนี้คล้ายเหมือนก่อนเหตุการณ์พลิกผันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 รวมถึง เหตุการณ์ พฤษภาคม 2535  โดยเฉพาะเพลงหนักแผ่นดินนั้น ได้ถูกนำมาใช้ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่เรียกกันว่าเป็นปฏิบัติการ ขวาพิฆาตซ้ายในขณะนั้น 

การที่ผู้บัญชาการทหารบก ได้หยิบยกเพลงหนักแผ่นดิน สื่อสารไปยังพรรคการเมืองที่มีนโยบายปรับลดงบกองทัพ นี่เป็นการส่งสัญญาณกันว่าเหตุการณ์ของบ้านเมืองจะจบลงเหมือนวันที่ 6 ตุลาคม 2519 หรือไม่? 

ส่วนการปราศรัยทางการเมือง ของบางพรรคการเมืองที่ตนได้ติดตาม ก็เห็นบรรยากาศถ้อยคำการปราศรัยเหมือนก่อนการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 การยกวาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง ทั้งพูด โพสต์เฟสบุ้ก ขยายความอย่างต่อเนื่อง 

ตนเองในฐานะประธาน นปช. หากปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป ก็คิดว่าจะมีปัญหาในอนาคต แต่ตนก็พอคาดการณ์ได้ว่า เจตนาของการพูดนั้น จะนำไปสู่การไม่มีเลือกตั้ง  เพราะเรื่องราวของวาทกรรมเหล่านี้ ได้มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคนเสื้อแดงในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว การขุดเอาวาทกรรมเช่นนี้มาพูดอีก เหมือนเป็นความพยายามต้องการให้เกิดเรื่อง นั่นก็คือ ต้องการให้มีการล้มกระดานการเลือกตั้ง 

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ตนได้ประเมินสถานการณ์กันมาตั้งแต่ต้นที่ว่า  แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะมี 250 เสียงอยู่ในมือ แต่จะไม่มีวันชนะในสนามของการเลือกตั้ง ในสนามของการแต่งตั้งท่านเป็นเจ้าภาพเดียว แต่งตั้งคนเพื่อมาเลือกตัวเอง แต่ในสนามการเลือกตั้ง ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐนั้น เริ่มห่างไกลเข้าไปทุกขณะ เพราะฉะนั้นการมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แทบเป็นไปไม่ได้ การปรากฎตัวของสาม ป.ที่สวนจตุจักรนั้น ตนไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์แต่ต้องการจะถามว่า ท่านต้องการจะสื่อความไปยังผู้ใด ไปยังใคร ให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพ เพราะพวกท่านไม่เคยออกงานในลักษณะแบบนี้มานานแล้ว แต่สำหรับประชาชนแล้ว ในสนามของการเลือกตั้ง ท่านไม่มีทางชนะในสนามประชาชน  ท่านชนะสนามเดียวเท่านั้น คือสนามแห่งการยึดอำนาจ 

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อประมวลท่วงทำนองของผู้บัญชาการทหารบก และพรรคการเมืองเรื่องเพลงหนักแผ่นดิน การหยิบยกวาทกรรมเผาบ้าน เผาเมืองนั้น ตนอยากให้พี่น้องประชาชนได้ติดตาม ในหัวใจตนค่อนข้างที่จะเชื่อว่า เราเริ่มจะเดินไปถึงวันที่ 24 มีนาคม ยากขึ้นทุกที ทำให้ตนต้องออกมาเตือนสังคมนี้ว่า อะไรที่เป็นเงื่อนไขให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นกันไม่ได้นั้น ทุกคนต้องเสียสละ แต่ถ้าทุกคนต้องการแค่อยากได้คะแนนเสียงเพียงแค่อย่างเดียว ยิ่งปั่นกระแสวาทกรรมเหล่านี้  พวกของตนจะชนะ แต่ประเทศไทยจะแพ้  ตนไม่ต้องการให้ประเทศไทยบอบช้ำไปมากกว่านี้ สถานการณ์รัฐประหารซ้อนในรูปแบบใดนั้น ไม่มีใครกล้าการันตีว่าจะไม่เกิดขึ้น ในประเทศไทยกันอีกแล้ว แต่ท่วงทำนองของแต่ละฝ่ายนั้น นำไปสู่การล้มกระดานการเลือกตั้ง