ยูดีดีนิวส์ : 14 ก.พ. 62 ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และสมาชิกพรรคทษช. ได้แถลงสถานการณ์ต่อผู้สื่อข่าว
เริ่มที่นายจาตุรนต์กล่าวว่า สื่อมวลชนครับ
เมื่อสักครูตอนที่เราเดินเข้ามาก็มีคำถามว่าวันนี้ทำไมถึงเข้ามาที่พรรค
ก็อยากจะเรียนอย่างนี้ครับว่า ที่เรามาหารือและมาร่วมกันแถลงข่าวทั้แน่นอนว่าเป็นสมาชิกพรรคทษช.
มีหน้าที่ต่าง ๆ เช่น ผมเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ มีประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
มีผู้ที่ทำงานเป็นกรรมการ เป็นประธานด้านต่าง ๆ
ทั้งหมดเป็นผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ที่เข้ามาหารือกันในวันนี้
ถามว่าทำไมเข้ามา เมื่อพรรคเผชิญกับปัญหา เราเป็นสมาชิกและเป็นผู้มีหน้าที่ต่าง ๆ
ของพรรค ก็ย่อมจะต้องมาร่วมกันคิดอ่านเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
และการร่วมแก้ปัญหาที่พรรคเผชิญอยู่ก็จะต้องดำเนินไปอย่างเต็มความสามารถจนถึงที่สุด
นี่เป็นความตั้งใจอย่างแรก
เราได้หารือกันทั้งก่อนหน้านี้มาจนถึงล่าสุด
ก็เนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์ก็ไปถึงขั้นที่จะมีการดำเนินการเกี่ยวกับการยุบพรรค
ทีนี้ได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ มา ก็อยากจะเรียนว่า เราติดตามกรณีการเสนอผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคด้วยความห่วงใยมาตลอด
และเมื่อสถานการณ์พัฒนามาจนถึงขั้นที่กกต.มีมติเสนอให้ยุบพรรคไปยังศาลรธน.
และศาลรธน.กำลังจะรับพิจารณาในวันนี้ว่าจะรับเรื่องพิจารณาดำเนินการต่อไปหรือไม่ ก็หมายความว่าเรื่องกำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรธน.
เนื่องจากข้อหาที่กกต.ได้ใช้ในการเสนอยุบพรรค
เป็นข้อหาที่เกี่ยวกับการเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และในเรื่องที่เกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
เราทราบดีทั้งจากการได้หารือหรือพูดคุยกับกรรมการบริหารหลายท่านหลังจากวันที่ 8
ก.พ. และได้รับฟังคำชี้แจงของคณะกรรมการบริหารต่อสาธารณะชนหลายครั้ง
ก็ทราบดีว่าคณะกรรมการบริหารมีเจตนาดีและดำเนินการไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลรธน.
เราก็เห็นว่าเพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ ในขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่จะไปว่ากันในศาลรธน.
รวมทั้งคณะทนายความฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้ดำเนินการเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ
ไปตามที่พึงมีตามกฎหมายแล้ว การดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนที่พวกเราเกี่ยวข้อง
หมายถึงประธานยุทธศาสตร์ก็ดี ประธานรณรงค์ก็ดี
การจะต้องไปปราศรัยต่อประชาชนจำนวนมาก ๆ เราคิดว่าเมื่อคำนึงถึงข้อหาและเรื่องที่กำลังจะไปสู่ศาลรธน.
น่าจะเป็นประโยชน์ให้ทุกอย่างไปรวมอยู่ที่นั่น ไปแก้ปัญหากันที่นั่น
เราก็จะงดกิจกรรมในส่วนที่เป็นการที่ต้องพบกับประชาชนจำนวนมาก ๆ
เพื่อให้ทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน
ส่วนการดำเนินการในขั้นตอนของศาลรธน.
ถ้าเรามีโอกาสหรือช่องทางใดที่จะช่วยในการที่จะยืนยันความมีเจตนาดีบริสุทธิ์ใจของคณะกรรมการบริหาร
เราก็พร้อมที่จะไปช่วยดำเนินการ
รวมทั้งก็พร้อมและมีความเต็มใจที่จะร่วมแก้ปัญหาของพรรคทษช.ไปจนถึงที่สุด
เราไม่ทราบว่ากระบวนการจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เราก็จะร่วมกันไปจนถึงที่สุด
ในส่วนที่พวกเรามีความผูกพันเกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่ต้องการให้พรรคทษช.นี้เป็นพรรคการเมืองที่จะแก้ปัญหาของประเทศ
แก้ปัญหาเศรษฐกิจ หรือผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูประชาธิปไตย
แต่มันก็เป็นสิ่งที่เรายังคงยืนยันว่าเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน
จึงขอชี้แจงให้ทราบนะครับ
เราก็คิดว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนเขาก็ย่อมมีสิทธิตามกฎหมายและอยู่ในฐานะที่ต้องพบปะประชาชนและควรจะพูดจากับประชาชน
ฉะนั้นการพบปะประชาชน การชี้แจงกับประชาชนก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา
และตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้ามอะไร ก็เป็นเรื่องที่ทำได้และเป็นเรื่องดีด้วยที่
พรรคการเมือง นักการเมืองย่อมมีความผูกพันกับประชาชน
แต่การปราศรัยขนาดใหญ่ทั้งหลายก็จะงดนะครับ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ : เนื่องจากว่าเป็นภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของผมโดยตรง
ก็อย่างที่ท่านประธานกรรมการยุทธศาสตร์ได้เรียนนะครับว่า
ตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งใน 100 กว่าเขตขณะนี้ ก็ถือว่ายังมีสถานะของการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
แล้วก็มีพันธะผูกพันในการที่จะทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชนและทีมงานในพื้นที่ ในส่วนนั้นทางผู้สมัครก็จะคงจะดำเนินการกันไป
ในส่วนของคณะกรรมการรณรงค์ซึ่งเวลาเคลื่อนไหวกิจกรรมก็จะเป็นกิจกรรมในลักษณะของการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่
หรือเคลื่อนไหวกิจกรรมที่เป็นการพบปะกับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก
ยกทีมไปจากส่วนกลาง ตรงนี้เราก็อยากจะให้ทางพรรคได้มีสมาธิ
มีช่วงเวลาในการที่จะไปติดตามสถานการณ์ที่ศาลรธน. หรือว่าทางฝ่ายกฎหมายจะมีแนวทางอย่างไรก็ให้ดำเนินการกันไปในส่วนนั้น
เราจะยุติภารกิจในส่วนของคณะกรรมการรณรงค์ที่เป็นเวทีปราศรัย
ที่เป็นการขับเคลื่อนจากส่วนกลางไว้เพื่อให้สถานการณ์นี้เดินหน้าไปจนถึงจุดที่มีความชัดเจนนะครับ
ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไรจากศาลรธน.ครับ
ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคของนายจาตุรนต์
และนายณัฐวุฒิในตำแหน่งประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ผมเป็นสมาชิกพรรคทษช.นะครับ
แล้วตอนที่เดินเข้ามาก็กล่าวกับพี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรค ว่าภารกิจของเราคือเจตนาดีเพื่อบ้านเมือง
เพื่อนำพาบ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย แล้วก็แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนซึ่งเราเห็นว่าวิกฤตมาตลอดเวลา
5 ปี ดังนั้นความรับผิดชอบนี้ยังคงอยู่นะครับ จะบทบาทหน้าที่ใดก็ตามก็จะขอยืนหยัดอยู่กับพรรคจนกว่าสถานการณ์จะได้ข้อยุตินะครับ”
จะยุติไปทางหนึ่งทางใดก็ตาม
ไม่ว่าจะทางที่พรรคทษช.เดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งได้ หรือเป็นแนวทางอื่น ๆ
สถานในความเป็นสมาชิกพรรค ผมไม่สามารถที่จะละทิ้งไปในยามนี้ได้
นายณัฐวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า
พอหยุดไปอย่างนี้จะกระทบต่อความนิยมของพรรคมั้ยคะ?
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า
ในขณะนี้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานการณ์
คือถ้าดูจากข้อกล่าวหาและประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
การดำเนินการในลักษณะที่จะต้องปราศรัยพบกับคนจำนวนมาก ไม่น่าจะเป็นผลดี และเราต้องให้ความสำคัญกับการที่จะไปเตรียมการ
หมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่มีหน้าที่ก็คงจะต้องไปเตรียมการในการที่จะไปชี้แจงในกระบวนการ
ขั้นตอนจากนี้ก็คือต่อศาลรธน.
ผมคิดว่าที่พรรคทษช.ได้ชี้แจงกับประชาชน
รณรงค์กับประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ในเรื่องนโยบาย ในเรื่องอุดมการณ์ ในเรื่องความต้องการที่จะแก้ปัญหาประเทศชาติและทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยอย่างที่เราได้ไปชี้แจงต่อประชาชนในช่วง
2 เดือนที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นความเข้าใจต่อประชาชน
การจะหยุดพักในการไปจัดชุมนุมปราศรัยก็ไม่น่าจะมีผลเสียหายอะไร
ส่วนเรื่องว่าในอนาคตจะชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไรเพื่อให้ร่วมกันแก้ปัญหาบ้านเมืองกันต่อไปก็ยังสามารถทำได้ที่พรรค
ในขณะนี้ก็ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาให้ตรงกับตัวปัญหา
ผู้สื่อข่าว : คุณจาตุรนต์และแกนนำที่อยู่ตรงนี้จะไปช่วยผู้สมัครหรือว่าจะลงไปอธิบายกับประชาชนมั้ยครับ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า
ในระหว่างนี้ผมคิดว่าเราจะเลือกใช้วิธีชี้แจงเรื่องนี้ แก้ปัญหานี้ในกระบวนการ
เรียกว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมก็ได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ศาลปกติ แต่เป็นศาลรธน.
ในกระบวนการที่ต้องไปว่ากันในศาลรธน. ผมคิดว่าการชี้แจงต่าง ๆ ให้มุ่งไปที่นั่น
การชี้แจงกับประชาชน พูดจากับประชาชน
จะเกิดขึ้นหลังจากศาลรธน.มีข้อยุติการตัดสินแล้ว
คือจะไม่ใช้วิธีการชี้แจงกับประชาชนในระหว่างที่มีการพิจารณา
ผู้สื่อข่าว : จากที่คุณจาตุรนต์เองเคยเขียนในทวิตเตอร์ว่าไม่ทราบเรื่องราวเหตุการณ์วันที่
8 ก.พ. มาก่อน ไม่ทราบว่าจะไปชี้แจงหรือช่วยพรรคอย่างไร
นายจาตุรนต์กล่าวว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าผมจะไปอยู่ในสถานะไหน
เช่นว่าจะได้รับแจ้ง ได้รับเชิญให้ไปชี้แจงหรือไม่ อย่างไร
ก็จะชี้แจงไปเท่าที่ทำได้ ก็จะพยายามชี้แจงเต็มความสามารถนะครับ เช่น
ได้รับการหารือหรือพูดคุยกับกรรมการบริหารหลายท่านหลังจากวันที่ 8 ก.พ.
ก็ทราบดีว่าทุกคนมีเจตนาดีและมีความบริสุทธิ์ใจที่จะทำสิ่งที่ท่านทั้งหลายนั้นเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ผมก็ได้ยินอยู่ตลอด
ตรงกันกับที่ท่านกรรมการบริหารได้ชี้แจงต่อสาธารณะชน
ส่วนอื่นเนี่ย เนื่องจากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหาร
ส่วนที่ผมไม่อาจชี้แจงได้ก็คงไม่สามารถชี้แจงแทน
ผู้สื่อข่าว :
แนวทางที่จะยุติการปราศรัยและไปพบประชาชนจำนวนมากนี่เป็นมติของพรรคหรือไม่ครับ
นายจาตุรนต์ตอบว่าไม่ใช่
เป็นการผู้ที่มีหน้าที่ หมายถึงเช่น ผมเป็นประธานยุทธศาสตร์เรื่องที่กำหนดยุทธศาสตร์ต่าง
ๆ ในช่วงนี้ก็จะยังไม่มี ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีมาระยะหนึ่ง ก็ยังไม่ต้องทำหน้าที่ ส่วนการจะไปปราศรัย จริง ๆ
ก็ไปปราศรัยในนามส่วนตัว
หมายถึงก็ไปปราศรัยแล้วเขาก็เชิญขึ้นพูดว่าเป็นประธานยุทธศาสตร์หรือเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อก็ตาม
นี่ก็จะงดนะครับ ที่ประธานรณรงค์พูดก็คือคณะรณรงค์ก็เห็นว่าจะงด
เรื่องนี้ยังไม่ได้หารือกับคณะกรรมการบริหาร
ผู้สื่อข่าว :
ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าขณะที่เกิดเรื่อง
ทั้งคุณจาตุรนต์และคุณณัฐวุฒิเองก็หายตัวไปจากพรรคเลย อันนี้มันเกิดเป็นรอยร้าวในพรรคไหมคะ?
นายจาตุรนต์กล่าวว่า
ก็ไม่มีรอยร้าวอะไรนะครับ เมื่อเรื่องเป็นเรื่องที่พอเกิดขึ้น
เราก็ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย เพราะการตัดสินใจต่าง ๆ หลังจากนั้น
การดำเนินการต่าง ๆ ก็เข้าใจว่าคณะกรรมการบริหารเขาเห็นว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่โดยตรง
แล้วก็ต้องการตัดสินใจในการดำเนินการต่อไป รวมทั้งการจัดหาทนาย หาผู้ที่ไปชี้แจง
รวมทั้งขอสิทธิต่าง ๆ
เรื่องในส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารโดยตรง
เราก็อย่างที่ได้ชี้แจงตั้งแต่ต้น
ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใย
และมาถึงวันนี้ก็เพื่อที่จะมาร่วมแก้ปัญหา
สิ่งที่เรามาหารือและได้ชี้แจงไปนี้เราเห็นว่าเป็นการร่วมและช่วยในการแก้ปัญหา
ระหว่างก่อนหน้านี้นอกจากติดตามก็ได้หารืออยู่บ้างเป็นระยะ
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นกรณีเฉพาะจริง ๆ แล้วก็อย่างที่ได้เรียนชี้แจงตั้งแต่ต้นว่าเราพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาไปจนถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าว :
ตอนที่เข้าพรรคใหม่ ๆ ทั้งสองท่านก็บอกว่าเข้ามาเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยมีโอกาสชนะ
จุดนี้พรรคที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยยังมีโอกาสชนะหรือไม่ในการเลือกตั้ง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ก่อนที่จะไปตรงนั้น
ผมขออนุญาตคำถามซักครูก่อนนะครับเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันที่ชัดเจน
คือการบอกกล่าวกับท่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนวันนี้เป็นการตัดสินใจตามบทบาทหน้าที่ที่พวกผมรับผิดชอบ
แล้วได้ดำเนินกันมาตลอดเวลาตั้งแต่ก่อนวันรับสมัครรับเลือกตั้งนะครับ
ดังนั้นการตัดสินใจส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาพรวมของพรรค พวกผมก็ไม่ได้ก้าวล่วงมติหรือแนวทางของคณะกรรมการบริหาร
เป็นแต่เพียงว่าเราเห็นว่าในสถานการณ์ขณะนี้บทบาทหน้าที่ที่พวกผมได้รับมอบหมายและรับผิดชอบมาโดยตลอดควรจะมีข้อสรุปอย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว
น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายนะครับ
แต่ในส่วนอื่น ๆ
ท่านที่มีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบจะมีการพิจารณาดำเนินการอย่างไรเราถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเคารพกันและจะไม่ไปก้าวล่วง
ในส่วนของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย
ก็ต้องเรียนว่าที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมืองที่ประกาศจุดยืนนี้
และจากการได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนก็พบว่า ผู้คนจำนวนมากได้ข้อสรุปแล้วว่าจะตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อหยุดยั้งต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคทษช.ไม่ว่าจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างไรก็ตาม
ผมเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง
นั่นหมายความว่าถ้าพรรคทษช.เป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่ผู้คนสามารถจะลงคะแนนให้ได้
ประชาชนก็ยังจะตัดสินใจเลือกฝ่ายประชาธิปไตย หรือแม้กระทั่งว่าหากพรรคทษช.จะไม่อยู่ในวันลงคะแนน
ประชาชนก็จะมีวิธีคิดและการตัดสินใจของตัวเองเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องครับ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า
เคยมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทางข้างหน้าจะเผชิญกับอะไรบ้างแล้วจะเป็นอย่างไร
ผมเคยพูดไว้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะคิดออกมาเป็น...เรียกว่า...นึกภาพไม่ออก
แต่ว่าก็ได้พูดเผื่อไว้ แสดงเจตนาไว้ว่า มาถึงวันนี้ก็ยังคิดแบบเดิม เพียงแต่ว่าขณะนี้จะพูดอะไรชัดเจนมากนักก็ยังไม่ได้
เพราะว่ายังไม่ทราบผลการพิจารณาของศาลรธน. หลังจากนั้นแล้วก็คงจะได้แสดงความเห็นกันต่อไป
ผู้สื่อข่าว : ประเมินว่าการเลือกตั้งครั้งนี้
โอกาสที่ประชาชนจะได้เลือกทษช.มีไหม?
นายณัฐวุฒิกล่าวว่าเรื่องนี้รอขั้นตอนของศาลรธน.ดีที่สุดครับ
เพราะว่าเรื่องก็กำลังเข้าสู่กระบวนการนั้นแล้ว
จะวิเคราะห์หรือแสดงความคิดเห็นไปตามคาดการณ์หรือความเห็นของบุคคลต่าง ๆ
ก็จะยืดยาวกันไป บ่ายนี้ศาลรธน.ท่านวินิจฉัยมาอย่างไร
ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร และมีข้อยุติเมื่อไหร่ อย่างไร
นั่นคือคำตอบสุดท้ายครับ
นายจาตุรนต์เสริมว่า
ก็ต้องเรียนให้ทราบว่าเมื่อเรื่องถึงศาลรธน.แล้ว พวกเราจะไม่แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ในสาธารณชน
หมายถึงว่าจะไม่แสดงความเห็นในทางเหมือนกับสู้ความสู้คดีนอกศาลรธน.
ส่วนการแสดงความเห็นอื่น ๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์หรือว่าจำเป็นก็จะมีต่อไป
ผู้สื่อข่าว :
ที่สุดแล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะตัดสินใจออกจากเพื่อไทยมาอยู่ทษช.ไหม?
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
สิ่งที่เดินหน้ามาวันนี้มีเจตนาเดียวครับคือนำพาบ้านเมืองกลับสู่แนวทางประชาธิปไตย
ต่อสู้ตามกติกานี้ให้ประชาธิปไตยเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาปากท้อง
แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ผมพูดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่ว่า
พรรคทษช.รวมทั้งพวกผมที่เดินมาเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรธน.นี้
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วคงไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เพียงแต่มันมีเหตุผล มันมีที่มาของมันอยู่ครับ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ในส่วนที่เราดำเนินการมาก็เป็นไปตามที่ได้ตั้งใจและได้ประกาศไว้ทุกอย่าง
เราได้ทำทุกอย่างที่เราตั้งใจและเต็มความสามารถ ได้รับผล ได้เป็นผล
หรือทำให้ประชาชนได้เข้าใจ เห็นด้วย และร่วมสนับสนุนกับสิ่งที่เราได้ทำไป
ไม่มีอะไรที่รู้สึกเสียดาย ขอบคุณครับ