วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ภูมิธรรมเผย คุย “ปชน.” ราบรื่น ยืนยันรับทุกเงื่อนไข ยุบสภาเร็วกว่า 4 เดือน ก็ทำให้ได้ รอฟังคำตอบพรรคประชาชน 1 ก.ย.นี้ ขณะเดินทางกลับ มวลชน ตะโกน ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน

 


ภูมิธรรมเผย คุย “ปชน.” ราบรื่น ยืนยันรับทุกเงื่อนไข ยุบสภาเร็วกว่า 4 เดือน ก็ทำให้ได้ รอฟังคำตอบพรรคประชาชน 1 ก.ย.นี้ ขณะเดินทางกลับ มวลชน ตะโกน ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน 


วันที่ 31 ส.ค.2568 เมื่อเวลา 15.05 น. ที่ทำการพรรคประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังนำแกนนำร่วมพรรครัฐบาลหารือกับพรรคประชาชนในการขอเสียงสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย 


นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ในนามพรรคร่วมรัฐบาล ได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการติดต่อพูดคุยการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมได้ปรึกษาหารือกันหมดแล้วและมาสรุปในสิ่งที่เราได้นำเสนอ และตัวแทนที่มามีทั้งพรรคประชาชาติ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ป่วย ติดการผ่าตัด และถ้ามีข้อสงสัย สามารถวิดีโอซูมเข้ามาได้ เราก็พร้อมดำเนินการ 


อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ข้อเสนอเราก็เป็นเอกภาพตามที่เสนอ เราเห็นว่าการเมืองช่วงนี้วิกฤติ ควรหาทางออกร่วมกัน เราคุยกันแล้ว เพราะฉะนั้นพรรครัฐบาลจึงได้มาพูดคุยกับพรรคประชาชน เนื่องจากพรรคประชาชนถือว่ามีข้อเสนอที่สำคัญของพรรคที่อยากเสนอ หากใครรับได้ก็จะพิจารณานำมาตัดสินใจได้เป็นคณะรัฐมนตรี


วันนี้พรรคร่วมได้มานำเสนอ และพูดคุยกัน หัวใจสำคัญคือข้อเสนอพรรคประชาชนเรารับหมด และพร้อมให้เป็นไปตามนั้น พร้อมปฏิบัติไปตามนั้น ส่วนข้อเสนอของเรา ก็ให้พรรคประชาชนได้รับทราบ และคุยกันแล้วว่าหลายเรื่องที่เราเสนอควรปฏิบัติในเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งที่เรานำเสนอคือไม่เข้าไปยุ่งในกระบวนการยุติธรรม คดีต่าง ๆ ทุกคดี ก็ขอให้ดำเนินการทั้งหมด และรายละเอียดทางพรรคประชาชนก็จะนำไปพิจารณา และยังไม่ได้รับปากหรือตัดสินใจที่จะยกมือให้ใครเลย ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ และองคาพยพของพรรคมีหลายส่วน และต้องหารือหลายส่วนให้มากที่สุด เราก็ยอมรับเงื่อนไขนี้ได้


ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. จะมีการประชุม ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของพรรคประชาชนเอง สิ่งที่อยากเรียนวันนี้ คือเราได้เสนอพูดคุยกัน เห็นว่าสาระสำคัญคือแก้ไขวิกฤติเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องกติกา ที่อยากรีเซ็ตการเมืองใหม่ ให้มีการเมืองที่สามารถมีประสิทธิภาพได้มากกว่านี้ เรื่องอื่น ๆ ยังเป็นกระบวนการในรายละเอียดที่จะขอยังไม่พูดอะไร และเป็นเรื่องที่เราเคยพูดกันทั้งสองฝ่าย


ส่วนข้อเสนอที่พรรคเพื่อไทยเสนอเพิ่มไปนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเองอธิบายไปแล้ว ว่าข้อเสนอ ไม่ได้เป็นปัญหาต่อข้อสรุป และเรายอมรับทั้งหมด ไม่ได้ขัดกัน แต่ข้อเสนอเรา ข้อเสนอก็ขอให้พิจารณาเท่านั้นเอง ถ้าจะทำหรือไม่ทำ ไม่มีผลต่อการที่จะร่วมกันในการสนับสนุนการตั้งรัฐบาล


ส่วนเป็นท่าทีที่ดีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้รอทางพรรคประชาชน


นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า เรายินดีพร้อมยุบสภา ภายในไม่เกิน 4 เดือน หากต่ำกว่า 4 เดือนที่เขาเสนอ เร็วกว่านั้นเราก็ทำได้


ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวเสริมถึงคำถาม มากันทั้งพรรคร่วมรัฐบาลแบบนี้ มีความหมายอะไรหรือไม่ว่า เราจะยุบสภาให้ดู 


เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ว่าพรรคประชาชนจะไม่โหวตให้ใครเลย นายภูมิธรรม ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินขึ้นรถทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เดินออกจากที่ทำการพรรคประชาชน 


ได้มีกลุ่มมวลชน ตะโกน อาทิ ไม่เอาเพื่อไทย ออกไป จะไปขุดระเบิดกี่โมง ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน












เริ่มแล้ว! ที่ทำการพรรคประชาชน “ภูมิธรรม” นำทีมเพื่อไทย พร้อมพรรคร่วมรัฐบาล พันตำรวจเอกทวี จากพรรคประชาชาติ , นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ จากพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมหารือ


เริ่มแล้ว! ที่ทำการพรรคประชาชนภูมิธรรม” นำทีมเพื่อไทย พร้อมพรรคร่วมรัฐบาล พันตำรวจเอกทวี จากพรรคประชาชาติ , นายเดชอิศม์ และนายชัยชนะ จากพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมหารือ

 

ด้านพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรค นายศรายุทธ์ เลขาธิการพรรค นายพิจารณ์ กรรมการบริการพรรค นายพริษฐ์ โฆษกพรรค ร่วมเจรจา

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เพื่อไทย






"ภูมิธรรม" นำตัวแทนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ เข้าหารือแกนนำพรรคประชาชน ขอเสียงโหวตนายกฯ คนที่ 32 ลุยจัดตั้งรัฐบาล ด้านประชาชนส่งเสียงเลือกทางไหนก็เจ็บ ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน ขณะที่ เท้ง ณัฐพงษ์ รอที่ทำการพรรค ปัดตอบหนุน "พท.-ภท." ชี้รอที่ประชุมสส.เคาะ ประชาชนส่งเสียงเบือกทางไหนก็เจ็บ ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน

 


"ภูมิธรรม" นำตัวแทนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ เข้าหารือแกนนำพรรคประชาชน ขอเสียงโหวตนายกฯ คนที่ 32 ลุยจัดตั้งรัฐบาล ด้านประชาชนส่งเสียงเลือกทางไหนก็เจ็บ ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน ขณะที่ เท้ง ณัฐพงษ์ รอที่ทำการพรรค ปัดตอบหนุน "พท.-ภท." ชี้รอที่ประชุมสส.เคาะ ประชาชนส่งเสียงเบือกทางไหนก็เจ็บ ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน


วันที่ 31 ส.ค. 2568 เวลา 13.30 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน, นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค เดินทางมาถึงพรรคประชาชน เพื่อรอหารือกับพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32


ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อคืนนี้มีใครโทรหาเพิ่มเติมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่มี และนายทักษิณไม่ได้โทรมา ส่วนในวันนี้การหารือจะสำเร็จหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เดี๋ยวเราคุยกันก่อน


นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ต้องรอการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในวันนี้ก่อน ไม่ได้มีอะไรหนักใจ หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ว่าพรรคประชาชนจะเลือกทางไหน ทุกอย่างต้องคุยกันก่อนต้องรอเข้าที่ประชุม สส. ส่วนเสียง 143 คน ของพรรคประชาชนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ย้ำว่ารอเข้าที่ประชุมก่อน รวมถึงทิศทางแนวโน้มการประชุมในวันนี้ด้วย ที่ต้องรอที่ประชุมก่อน


ทั้งนี้นายณัฐพงษ์ ยังปฏิเสธ แสดงความเห็นเกี่ยวกับงานเลี้ยงระดมทุนของพรรคประชาชนที่โรงแรมคอนราดเมื่อคืนวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา


ต่อมา 14.00 น. ภูมิธรรม เวชยชัย นำตัวแทนพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ เข้าหารือแกนนำพรรคประชาชน ขอเสียงโหวตนายกฯ คนที่ 32 ลุยจัดตั้งรัฐบาล


ท่ามกลางบรรยากาศที่พรรคประชาชน มีประชาชนที่สนับสนุนพรรคมาเกาะติดการพูดคุยในวันนี้ด้วย โดยมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุน ระบุว่า "เราเชื่อมั่นในหัวหน้าเท้ง หัวหน้าเท้งสู้ๆ เราไม่กดดันหัวหน้าเรา และคัดค้านการจับมือกับพรรคเพื่อไทย พร้อมบอกว่า "ไม่ต้องโหวตให้ใครเลย ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย" และยังมีป้ายข้อความที่เขียนว่า "เพื่อไทยจะเลิกตระบัดสัตย์กี่โมง", "ครั้งนี้คงไม่ได้ยินคำว่าเสียสัตย์เพื่อชาติอีกนะ“ และ "เพื่อไทยศูนย์รวมโจร" รวมถึงส่งเสียงตะโกนบอกแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าเราต้องการยุบสภาคืนอำนาจประชาชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เพื่อไทย









สส.ปชน.สมุทรสาครเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุรถเครนพลิกคว่ำพระรามสอง ซัดมาตรการ “สมุดพกผู้รับเหมา” แค่ราคาคุย ยังไม่เริ่มใช้จริง ทำประชาชนเสี่ยงชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า


สส.ปชน.สมุทรสาครเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุรถเครนพลิกคว่ำพระรามสอง ซัดมาตรการ “สมุดพกผู้รับเหมา” แค่ราคาคุย ยังไม่เริ่มใช้จริง ทำประชาชนเสี่ยงชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า


วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคประชาชน กล่าวถึงเหตุการณ์รถเครนก่อสร้างเสียหลักพลิกคว่ำบนถนนพระรามที่ 2 บริเวณกิโลเมตรที่ 27 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ฟาดเข้ากับรถกระบะของประชาชนจนได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปิดถนนพระรามที่ 2 ในช่องทางหลัก เพื่อเร่งการก่อสร้างให้เสร็จทันกำหนดและเกิดความปลอดภัยกับประชาชน โดยประชาชนจะสัญจรได้แค่ในช่องทางคู่ขนานเท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมาเดือดร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยเฉพาะคนสมุทรสาครที่รถติดหนักทุกวัน แต่สุดท้ายความปลอดภัยก็ไม่มีอยู่จริง ขนาดปิดทางหลักแล้ว ประชาชนที่วิ่งทางคู่ขนานก็ได้รับอันตรายอยู่ดี ชัดเจนจากเหตุการณ์ในวันนี้ ประชาชนได้รับอันตรายไม่รู้กี่ครั้งกี่หนจนไม่เหลือความเชื่อมั่นแล้ว


ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุจากการก่อสร้างบนถนนพระรามที่ 2 เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว รัฐบาลต้องเลิกถอดบทเรียนสักที เพราะถอดจนไม่เหลืออะไรให้ถอดแล้ว สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้อย่างที่พูด ส่วนมาตรการ “สมุดพกผู้รับเหมา” ที่รัฐบาลอ้างว่าจะนำมาใช้ สรุปปัจจุบันได้ใช้หรือยัง ครั้งนี้จะตัดกี่แต้ม แล้วจะนำไปสู่อะไร อย่าแก้ปัญหาโดยใช้ราคาคุยอย่างเดียว รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชนมากกว่านี้


ไหนบอกว่าสมุดพกผู้รับเหมาจะแก้ได้ ราคาคุยสุด ๆ นอกจากแก้ความปลอดภัยไม่ได้แล้ว ยังทำให้ประชาชนที่แค่สัญจรผ่านได้รับผลกระทบด้วย รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร ประชาชนไม่ปลอดภัยเลย” ณัฐพงษ์กล่าว


ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณัฐพงษ์ได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่เดินทางมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา ขับรถมาซื้อของที่ตลาดทะเลไทยเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้า โดยฝ่ายภรรยาเล่าเหตุการณ์ว่า ขณะที่สามีกำลังขับรถอยู่ในเลนซ้ายสุดเพื่อเตรียมแวะเข้าปั๊มน้ำมัน แขนของรถเครนพร้อมกับท่อนเหล็กก็ฟาดลงมาทับที่ตัวรถ ทำให้สามีได้รับบาดเจ็บที่หางคิ้ว ส่วนตนมีแผลที่ท้ายทอย ขณะนี้ทั้งสองคนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และแพทย์ได้ทำการตรวจ CT Scan อย่างละเอียดแล้ว โดยณัฐพงษ์ยืนยันว่าตนจะติดตามทั้งเรื่องอาการของผู้บาดเจ็บ และจะดำเนินการเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พระราม2 #รถเครน 



“พรรณิการ์” หวนนึกถึง "หมอชลน่าน" กับคำพูด “เป็นเทคนิคหาเสียง" ของเพื่อไทย ชี้ พรรคไหนทำให้พรรคประชาชนรวมถึงประชาชนมั่นใจได้มากกว่า ย่อมได้เปรียบที่พรรคประชาชนจะยกมือสนับสนุน


พรรณิการ์” หวนนึกถึง "หมอชลน่าน" กับคำพูด “เป็นเทคนิคหาเสียง" ของเพื่อไทย ชี้ พรรคไหนทำให้พรรคประชาชนรวมถึงประชาชนมั่นใจได้มากกว่า ย่อมได้เปรียบที่พรรคประชาชนจะยกมือสนับสนุน


วันนี้ (31 สิงหาคม 2568) น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีพรรคเพื่อไทยส่งคนมาเจรจากับพรรคประชาชน ความว่า


เห็นชื่อคนที่เพื่อไทยส่งมาเจรจากับพรรคประชาชน เป็นคุณสรวงศ์ และคุณจิราพร ก็หวนนึกถึงวันที่คุณหมอชลน่าน อดีตหัวหน้าพรรค พูดง่ายๆ ว่า "มันเป็นเทคนิคหาเสียง" นั่นขนาดเป็นหัวหน้าพรรคนะ


ไม่นับการใส่เงื่อนไขประเภท จะเอารัฐธรรมนูญ 40 มาใช้ก่อน ซึ่งไม่มีความชัดเจนว่าจะทำไปทำไม ทำได้จริงหรือไม่ เพราะเงื่อนไขเราคือเราต้องการประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ หรือการใส่เรื่องการร่วมกันจัดการคดีฮั้ว สว. เขากระโดง ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำ และควรทำมาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว จะมาร่วมกับพรรคประชาชนได้ไง ในเมื่อเราประกาศแล้วว่าจะเป็นฝ่ายค้าน


การตัดสินใจของพรรคประชาชนว่าจะโหวตให้ใคร เชื่อว่าปัจจัยสำคัญคือการต้องมั่นใจว่า "ไม่โดนเบี้ยว-ไม่ตุกติกลีลา" ซึ่งทั้งสองพรรคมีข้อควรสงสัยว่าจะเบี้ยว เพราะฉะนั้น หากพรรคไหนทำให้พรรคประชาชน รวมถึงประชาชน มั่นใจได้มากกว่า ย่อมถือว่าได้เปรียบ


เชื่อได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ย้ำเดินหน้าตามข้อเสนอของ พรรคประชาชนได้ไว พร้อม “ยุบสภา” ได้ก่อนครบกรอบเวลา 4 เดือน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #พรรคประชาชน


 

“โฆษกเพื่อไทย” เผย “ทวี – เดชอิศม์” ร่วมวงหารือ “พรรคประชาชน” บ่ายนี้ด้วย เชื่อได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ย้ำเดินหน้าตามข้อเสนอของ พรรคประชาชนได้ไว พร้อม “ยุบสภา” ได้ก่อนครบกรอบเวลา 4 เดือน

 


“โฆษกเพื่อไทย” เผย “ทวี – เดชอิศม์” ร่วมวงหารือ “พรรคประชาชน” บ่ายนี้ด้วย เชื่อได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ย้ำเดินหน้าตามข้อเสนอของ พรรคประชาชนได้ไว พร้อม “ยุบสภา” ได้ก่อนครบกรอบเวลา 4 เดือน


วันที่ 31 สิงหาคม 2568 นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการนัดหารือกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ในช่วงบ่ายวันนี้ว่า การหารือกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะสร้างบรรยากาศการเมืองที่ดีที่จะทำให้เห็นว่าประเทศจะไม่เกิดสุญญากาศทางการเมือง เนื่องจากมีข้อเสนอที่ชัดเจนในกรอบเวลาที่เหมาะสม ซึ่งพรรคเพื่อไทย ตอบรับเงื่อนไขต่างๆ ตามข้อเสนอของพรรคประชาชนตั้งแต่ต้น พร้อมยืนยันว่าหากสามารถดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าวได้รวดเร็ว ก็จะสามารถยุบสภาคืนอำนาจให้พี่น้องประชาชนได้ก่อนเวลา 4 เดือนที่พรรคประชาชนวางเอาไว้


นายดนุพร กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอเพิ่มเติมอื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยเสนอไปก็เพื่อให้ประเด็นคำถามที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันในสังคม เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ เรื่อง MOU ทั้ง 2 ฉบับ ได้มีข้อยุติผ่านกระบวนการประชาธิปไตย


นายดนุพร กล่าวว่า ในการหารือกันในช่วงบ่ายวันนี้ พรรคเพื่อไทย จะนำโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นางสาวจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค พร้อมมีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาล นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมด้วย ทั้งนี้ การประสานนัดหมายกับพรรคประชาชน และข้อเสนอต่าง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้เสนอไปนั้น ได้มีการประสานให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคได้รับทราบและเห็นชอบตรงกันแล้ว จึงคาดหวังว่าผลการหารือในวันนี้จะมีข้อยุติที่ดีและเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #พรรคประชาชน

ทนายแจม โพสต์ ปิดประตูนิรโทษ 112 กมธ.มีมติแก้มาตรา 3 โดยคงเนื้อหาเดิม เผย เสียดายหากได้เสียงจากพรรคเพื่อไทย เพียง 4 คะแนน ก็จะแง้มประตูนี้ได้ ยัน ไม่หมดหวัง จะพยายามและผลักดันในมาตราต่อ ๆ ไป

 


ทนายแจม โพสต์ ปิดประตูนิรโทษ 112 กมธ.มีมติแก้มาตรา 3 โดยคงเนื้อหาเดิม เผย เสียดายหากได้เสียงจากพรรคเพื่อไทย เพียง 4 คะแนน ก็จะแง้มประตูนี้ได้ ยัน ไม่หมดหวัง จะพยายามและผลักดันในมาตราต่อ ๆ ไป


วันนี้ (31 สิงหาคม 2568) น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เผยผ่านเฟซบุ๊ก ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ – ทนายแจม – Sasinan Thamnithinan ระบุว่า


การประชุมกรรมาธิการวิสามัญฯครั้งนี้ (28ส.ค.3658) เริ่มพิจารณาต่อในมาตรา 3 ของพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีมติให้มีการแก้ไขได้ ด้วยคะแนน 12 ต่อ 11


ในสัปดาห์นี้จึงพิจารณากันต่อกันว่ามาตราสามจะแก้ไขแบบใด ซึ่งมาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้เปรียบเสมือนประตู หนึ่งบานที่จะเปิดให้กว้างขนาดไหนสำหรับผู้ต้องหาและจำเลยในคดีมาตรา 112 เพราะมาตรา3เดิมนั้น ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าพระราชบัญญัตินี้ไม่นิรโทษกรรมให้กับคดีมาตรา 112 คดีทุจริตและคดีที่ทำให้คนอื่นถึงแก่ความตาย จึงเสมือนเป็นมาตราที่มีความสำคัญมากที่สุดในพระราชบัญญัติฉบับนี้


หลังจากในที่ประชุมเปิดให้ถกเถียงและแสดงความคิดเห็นกันเต็มที่ และมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกันทำให้ต้องลงมติตัดสิน


ซึ่งในตอนแรกมีทั้งหมด 3 ญัตติ

1.ไม่นิรโทษ 112 ของ ท่านวิชัย เจ้าของร่าง

2. นิรโทษกรรม 112 มีเงื่อนไข ของ พี่ต๋อม ชัยธวัช

3. นิรโทษกรรมเยาวชนทุกกรณี ของ ศศินันท์


ก่อนโหวตพี่ต๋อมได้ถอนญัตติของตัวเองเพราะดูทิศทางลมแล้วน่าจะเป็นไปได้ยากแต่กรณีนี้เยาวชนยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง


แต่ผลปรากฎว่าข้อเสนอของแจมในนามพรรคประชาชนแพ้โหวต โดยญัตติแรกให้แก้ไขตามแบบของคุณวิชัย สุดสวาสดิ์ที่ให้คงเนื้อหาเดิมว่า ไม่มีนิรโทษกรรมให้กับคดีมาตรา 112 นั้น ชนะญัตติของแจมที่เสนอให้มีการแก้ไขอย่างอย่างน้อยที่สุด คือ “นิรโทษกรรมให้กับเยาวชน” ซึ่งได้คะแนนเสียงไปเพียงแค่ “8 คะแนน”ทำให้ญัตติของแจมตกไปอย่างน่าเสียดายค่ะ


[ แพ้ชนะกันไป 7 เสียง ]


8 คะแนนที่ได้มาจากสัดส่วนกรรมาธิการจากพรรคประชาชน 7 คะแนน และ 1 คะแนน มาจากคณะกรรมาธิการที่มาจาก “กฤษฎีกา” เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เราไม่สามารถผลักประตูไปได้แม้แต่นิดเดียว และอดคิดไม่ได้ว่า หากเราได้เสียงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย เพียง 4 คะแนน เราก็จะสามารถแง้มประตูนี้ได้


แต่แจมก็ยังไม่หมดหวังและจะยังพยายาม ผลักดันในมาตราต่อๆไป เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้สามารถนำพาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีความทางการเมืองตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา พ้นจากมลทินและคดีความให้ได้มากที่สุดค่ะ


สำหรับกมธ.วิสามัญนิรโทษกรรม มีทั้งหมด 32 คนรายละเอียดดังนี้


สัดส่วนคณะรัฐมนตรี ได้แก่ พ.ต.ต.สถริยา สิงหกมล สรพงศ์ ศรียานงค์ เผ่าพันธ์ ชอบน้ำตาล พิมพ์ประภา วัชรจิตต์กุล วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ไพรัช แก้วประดิษฐ์ จักรพงษฺ บัวขันธ์ และศรีญาดา ปาลิมาพันธ์


สัดส่วนพรรคประชาชน ได้แก่ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ พุธิตา ชัยอนันต์ พนิดา มงคลสวัสดิ์ ชัยธวัช ตุลาธนม.ล.ศุภกิตติ์ จรูญโรจน์ รศ.โคทม อารียา และรังสิมันต์ โรม


สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ได้แก่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ(ประธาน กมธ.) เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รศ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ รศ.ยุทธพร อิสรชัย รศ.เวียงรัฐ เนติโพธิ์ เอกชัย ไชยนุวัติ และชูวัส ฤกษ์ศิริสุข


สัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ได้แก่ ซาการียา สะอิ มูฮัมหมัดเซาฟี ดาโอ๊ะ และฟุรกอน คอลอราแม

สัดส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่ วิชัย สุดสวาสดิ์ และเจือ ราชสีห์


สัดส่วนพรรคกล้าธรรม ได้แก่ ปรีดา บุญเพลิง


สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ ว่าที่รท. ยุทธกา รัตนมาศ


สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์


สัดส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แก่ นิกร จำนง


สัดส่วนพรรคประชาชาติ ได้แก่ ผศ. วรวิทย์ บารู


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กรรมาธิการเสริมสร้างสันติสุข #พรรคประชาชน #นิรโทษกรรมประชาชน

‘เพื่อไทย’ ตอบรับเงื่อนไข ‘พรรคประชาชน’ ส่ง ‘สรวงศ์-จิราพร‘ เข้าหารือ ’พรรคส้ม‘ 14.00 น. เสนอเพิ่ม ’ยุบสภา‘ ใน 4 เดือน แต่ถ้าประชามติ รธน.เสร็จก่อน ยุบสภาทันที! เสนอนำ ’รธน.40‘ ใช้เป็นร่างหลักเพื่อกระชับเวลา

 


‘เพื่อไทย’ ตอบรับเงื่อนไข ‘พรรคประชาชน’ ส่ง ‘สรวงศ์-จิราพร‘ เข้าหารือ ’พรรคส้ม‘ 14.00 น. เสนอเพิ่ม ’ยุบสภา‘ ใน 4 เดือน แต่ถ้าประชามติ รธน.เสร็จก่อน ยุบสภาทันที! เสนอนำ ’รธน.40‘ ใช้เป็นร่างหลักเพื่อกระชับเวลา 


วันที่ 31 สิงหาคม 2568 พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า “พรรคเพื่อไทยได้ประสานงานและกำหนดนัดหมายกับพรรคประชาชน เพื่อหารือเรื่องข้อเสนอในการจัดตั้งรัฐบาล ในวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ ที่ทำการพรรคประชาชน โดย นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนางสาวจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนของพรรค


ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยินดีตอบรับข้อเสนอจากพรรคประชาชนทุกประการ และมีข้อเสนอเพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติ และแก้ไขปัญหาของประเทศดังนี้


1. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ตั้งขึ้นจากข้อตกลงนี้ จะยุบสภาภายใน 4 เดือน นับจากวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา และหากกระบวนการตามเงื่อนไขบรรลุผลก่อนกำหนดเวลา รัฐบาลจะยุบสภาทันที 


2. การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะตั้งคำถามเรื่องเห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย พ.ศ.2540 เป็นร่างหลักหรือไม่ เพื่อกระชับเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 


3. ในการทำประชามติครั้งเดียวกัน จะตั้งคำถาม เรื่องการคงไว้หรือยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เพื่อหาข้อยุติและลดความขัดแย้งภายในประเทศ


4. รัฐบาลชุดนี้ จะร่วมมือกับพรรคประชาชนและทุกฝ่าย เร่งดำเนินการคดี ฮั้ว สว. และ คดีที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน ตามกฎหมายและหลักนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เพื่อไทย

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“ธนาธร” รับทักษิณขอคุย ให้ ปชน.โหวตหนุน "ชัยเกษม" นายกฯคนต่อไป ยืนยันเงื่อนไขพรรคประชาชนชัดเจน ผ่าทางตันวิกฤตการเมือง-พาประเทศไทยไปข้างหน้า ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยยอมรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ พท.ก็ไปคุยกับ ปชน.เอง

 


“ธนาธร” รับทักษิณขอคุย ให้ ปชน.โหวตหนุน "ชัยเกษม" นายกฯคนต่อไป ยืนยันเงื่อนไขพรรคประชาชนชัดเจน ผ่าทางตันวิกฤตการเมือง-พาประเทศไทยไปข้างหน้า ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยยอมรับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ พท.ก็ไปคุยกับ ปชน.เอง 


วันที่ 30 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีกระแสข่าวการเจรจากับทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน โดยธนาธรกล่าวว่า เมื่อเช้าวันนี้ ตนมีโอกาสได้คุยกับคุณทักษิณ ทางคุณทักษิณติดต่อมาเพื่อมาขอคุยตั้งแต่เมื่อวาน คุณทักษิณมาปรึกษาหารือต่อกรณีที่พรรคประชาชนจะสามารถยกมือสนับสนุนคุณชัยเกษม นิติสิริ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งตนตอบไปว่าทางพรรคประชาชนมีจุดยืนเรื่องนี้ชัดเจนและได้แถลงจุดยืนเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เมื่อวานนี้ แต่แถลงจุดยืนเรื่องนี้มาตั้งสองเดือนแล้ว คือเรื่องทีโออาร์หรือเงื่อนไขของการยกมือสนับสนุนผู้หนึ่งผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเงื่อนไขสองข้อนั้น หนึ่งคือยุบสภาภายใน 4 เดือน และข้อที่สอง จัดทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จในช่วงเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่ตนได้บอกคุณทักษิณไป


เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพยายามติดต่อมาทางพรรคประชาชน ซึ่งคืออดีตพรรคก้าวไกล ไม่กลัวประวัติซ้ำรอยที่เคยถูกหักหลังหรือ ธนาธรกล่าวว่า อันนี้ไม่รู้ ตนได้คุยกับคุณทักษิณแล้วบอกว่าทางพรรคประชาชนมีเงื่อนไขที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับทางพรรคเพื่อไทยพิจารณาว่าจะยอมรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้หรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยยอมรับได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกับตน ไปคุยกับทางหัวหน้าพรรคได้เลย ซึ่งตนเข้าใจว่าทางหัวหน้าพรรคประชาชนก็ได้กล่าวไปแล้วว่ายังไม่มีการติดต่อนัดพบจากทางพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการมาที่พรรคประชาชน


เมื่อถามว่า ทางสุริยะและพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ มีการใช้นามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ จะขอให้มีการพูดคุยหรือเจรจาเพื่อโหวตนายกฯ ธนาธรกล่าวว่า คุณสุริยะเป็นคุณอา คุณพงศ์กวินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ด้วยความเคารพทั้งสองท่านในฐานะญาติ แต่เรื่องปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาเรื่องการเมือง ไม่ได้ใช้จุดนี้มาคุยกัน ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทั้งทางคุณสุริยะและคุณพงศ์กวิน


ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แบบนี้หมายความว่ายังไม่ปิดประตูที่พรรคประชาชนจะสนับสนุนคุณชัยเกษมใช่หรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคประชาชนได้ตอบคำถามไปอย่างชัดเจนแล้ว 


เมื่อถามต่อว่าในความเห็นของธนาธร พรรคประชาชนควรเลือกพรรคไหน ธนาธรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเหตุผลที่พรรคประชาชนยื่นทีโออาร์ที่มีเงื่อนไขสองข้อขึ้นมา ไม่ได้เพราะอยากมีอำนาจหรืออยากเป็นรัฐบาล หัวหน้าพรรคได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าอย่างไรพรรคประชาชนยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านเช่นเดิม พรรคประชาชนพูดไว้ชัดว่าพรรคประชาชนเองให้ความสำคัญกับการพาประเทศไปข้างหน้า ด้วยสภาในชุดปัจจุบันนี้ ไม่มีกลุ่มการเมืองไหนที่จะมีความชอบธรรมและมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะพาประเทศไปข้างหน้า หรือแก้ปัญหาสำคัญของประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ปัญหาเรื่องการเมือง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คือการคืนอำนาจให้กับประชาชนในการยุบสภา ดังนั้นพรรคประชาชนจึงไม่มีเงื่อนไขที่ยาวเหยียด เป็นเงื่อนไขที่เรียบง่ายเพียงสองข้อเพื่อตอบโจทย์สถานการณ์เฉพาะหน้าจริงๆ ว่าสิ่งที่เราต้องการคือสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนให้พาประเทศไปข้างหน้า นี่คือโจทย์ใหญ่ของสังคมและตนเองสนับสนุนเงื่อนไขของพรรคประชาชน


เมื่อถามว่า ภายในเวลาสี่เดือน คิดว่าเพียงพอต่อการทำกระบวนการประชามติหรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าพรรคประชาชนคงคำนวณมาแล้วว่าภายในสี่เดือน ถ้ามีเจตจำนง มีความตั้งใจจริง ก็คงเพียงพอต่อการทำให้เกิดประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าตอนนี้พรรคประชาชนไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ดูจะเจ็บทั้งคู่ เพราะผู้สนับสนุนเองไม่อยากได้ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ธนาธรตอบว่า ยืนยันให้หนักแน่น ทั้งสามกลุ่มตอนนี้ไม่ว่าจะกลุ่มพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ไม่มีกลุ่มไหนรวมเสียงได้ ไม่มีกลุ่มไหนจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นต้องสื่อสารกับประชาชนตรงไปตรงมา เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ การคืนอนาคตประเทศไทยให้ประชาชนตัดสิน เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุด ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่านี่คือทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด ส่วนจะเลือกใครนั้น ก็ต้องดูว่าพรรคไหนมีโอกาสทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้จริงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคเพื่อไทย ตนเชื่อว่าพรรคประชาชนพร้อมรับฟังข้อเสนอ


เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าเมื่อมีการทำเอ็มโอยูไปแล้ว ท้ายที่สุดจะมีการฉีกเอ็มโอยู ธนาธรกล่าวว่าเรื่องนั้นให้ประชาชนตัดสิน ถ้าพรรคที่รับเงื่อนไขของพรรคประชาชนไปแล้วไม่ทำตามสิ่งที่สัญญาไว้ ก็ให้ประชาชนตัดสิน


สื่อมวลชนถามต่อว่ากรณีที่คุยกับทักษิณ เป็นการคุยตัวต่อตัวเลยใช่หรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามต่อว่าจะมีการพูดคุยกับทางพรรคภูมิใจไทยเพิ่มเติมหรือไม่ ธนาธรกล่าวว่า อันนี้ต้องถามหัวหน้าพรรคประชาชนดีกว่า เพราะข้อเสนอของทางพรรคภูมิใจไทยอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

"ณัฐพงษ์" ยัน ปชน.ไม่มีดีลลับ ยังไม่ตัดสินใจเลือก พท.-ภท. แก้วิกฤตหาตัวนายกฯ คนใหม่ เผย ประชุมพรรค 1 ก.ย.นี้ รู้ชัด ย้ำ 3 เงื่อนไขก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ชี้กรอบ 4 เดือนเหมาะสม พร้อมประกาศ ไม่โหวต ‘พลเอกประยุทธิ์’ เป็นนายกฯ

 


"ณัฐพงษ์" ยัน ปชน.ไม่มีดีลลับ ยังไม่ตัดสินใจเลือก พท.-ภท. แก้วิกฤตหาตัวนายกฯ คนใหม่ เผย ประชุมพรรค 1 ก.ย.นี้ รู้ชัด ย้ำ 3 เงื่อนไขก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ชี้กรอบ 4 เดือนเหมาะสม พร้อมประกาศ ไม่โหวต ‘พลเอกประยุทธิ์’ เป็นนายกฯ 


วันนี้ (30 สิงหาคม 2568) ที่โรงแรมคอนราด นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวการดีลพรรคประชาชนให้ยกมือสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แลกตำแหน่งรัฐมนตรี 8 เก้าอี้ ว่า ยืนยันว่าไม่มีดีล วัตถุประสงค์ของพรรคประชาชนคือต้องการใช้ 143 เสียง เพื่อผ่าทางตันทางการเมืองให้กับประเทศโดยที่เราไม่ร่วมรัฐบาล เราปฏิเสธไม่รับการเจรจาใต้โต๊ะ หรือหลังบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น หากไม่ได้ส่งกรรมการพรรคของพรรคเข้ามาพูดคุยกับตนหรือผู้บริหารพรรค เพื่อแสดงเจตจำนงหรือรับข้อเสนอ


"สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตถึงจะมีการเจรจาบนโต๊ะแต่ยังมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ล้มดีล ฉีกเอ็มโอยูที่ทำไว้ต่อประชาชน ในครั้งนี้ผมในฐานะหัวหน้าพรรคขอไม่รับข้อเสนอใด ๆ ที่ไม่มีการแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน"


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า วันนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจจากกรรมการบริหารพรรคและ สส. ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 1 ก.ย.ช่วงบ่าย ทีโออาร์ที่ทางพรรคเปิดออกไปเป็นข้อเสนอที่ทุกพรรคที่ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากได้ และจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคประชาชน ก็จำเป็นต้องยอมรับตามข้อเสนอของเรา


ทั้งนี้การให้ข่าวหรือการบอกว่าไปแอบเจรจากับใครลับหลังโดยที่ไม่เจรจากับตนกับผู้บริหารพรรคโดยตรงไม่รับข้อเสนออย่างเป็นทางการใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการฟังข่าวอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ตอนนี้ตนเชื่อว่ามีการปล่อยข่าวโคมลอย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาล


โหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนต้องมีการสื่อสารทั้งภายในพรรคเองและภายนอก รวมถึงผู้สนับสนุนพรรค เราตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง สถานการณ์ในประเทศที่รุมเร้าอยู่หลายด้านการที่มีรัฐบาลที่ชอบธรรมจากการเลือกตั้งประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


เมื่อถามว่าสุดท้ายหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยรวมกัน เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนช่วยประเมินฉากทัศน์ และยืนยันว่าถ้าตอนนี้มีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคประชาชนไม่สามารถโหวตให้ได้แน่นอน


ส่วนท่าทีที่มีการพูดคุยเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) กับพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นการพูดคุยที่ให้เกียรติกันในฐานะนักการเมือง และผู้บริหารพรรคจะสามารถเชื่อใจพรรคภูมิใจไทยได้มากน้อยขนาดไหน อยู่ที่การจัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย


รวมถึงการใช้จำนวนเสียง สส.ของพรรคประชาชนที่เรายืนยันว่าจะทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน และกรอบระยะเวลา 4 เดือน หากมีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่สมควร หรือทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงเราพร้อมที่จะใช้จำนวนเสียงในสภาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที


ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรอบเงื่อนไขการยุบสภา 4 เดือน ว่ามีการพูดคุยกันในพรรคแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอเรื่องการทำประชามติ เพื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง และเห็นว่ากรอบ 4 เดือนหลังจากที่แถลงนโยบายต่อสภา จะเริ่มเห็นความชัดเจน ว่าการทำประชามติ พร้อมการทำเลือกตั้งจะเป็นคำถามแบบใด ถือเป็นกรอบเวลาที่ได้กำหนดไว้แล้ว ไม่มีช้าไปกว่านี้ หลังจากมีข้อเสนอ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขยายให้เป็นยุบสภาเป็น 6 เดือน เชื่อว่าเป็นกรอบที่ทำทันและเหมาะสมในการทำประชามติ


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการชิงยุบสภา ถ้าหากเพื่อไทยใช้จังหวะนี้ในการยุบสภา ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวทางนี้คงยุบสภาไปนานแล้ว ตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาชน แต่ตอนนี้มีการพยายามให้ข่าวว่า เรื่องอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีในการยุบสภา มองว่า เป็นเพราะเพื่อไทยต้องการคุมอำนาจ และสร้างอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมที่เพื่อไทยต้องการคุมเสียง เชื่อว่าทุกคนมองออกได้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตในความจริงใจของการใช้อำนาจยุบสภาของพรรคเพื่อไทย ถ้าหากจริงใจก็คงไม่ต้องรอถึงวันนี้


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวลือว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่ทราบในรายละเอียด ย้ำว่าพรรคประชาชนจะรับพิจารณาเฉพาะพรรคการเมือง ที่มาพูดคุยด้วยตัวเองเท่านั้น


ทั้งนี้ยังกล่าวถึงการตัดสินใจที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรค การเมืองว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยว่า ตนมีเป้าหมายคือการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งหมายถึงการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่ เลือกรัฐบาลชุดใหม่ และตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร แต่จะใช้เสียง 143 เสียงของพรรคในการโหวตนายกต้องสอดคล้องกับการเดินหน้าเลือกตั้งในวันที่เหมาะสม


นายณัฐพงษ์ยังเปิดเผยว่าในช่วงสองสามวันนี้จะมีการลงนาม MOU สนับสนุนการโหวตนายกรัฐมนตรีกับพรรคการเมืองที่ได้ตอบรับข้อเสนอพรรคประชาชน และเชื่อว่าจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพุธที่ 3 ก.ย.นี้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

“ภูมิธรรม” ต่อยอดข้อเสนอปชน.ทำประชามติเอา รธน.40 ใช้พลางก่อน รีเซ็ตการเมืองให้ปชช.ตัดสินใจ


ภูมิธรรม” ต่อยอดข้อเสนอปชน.ทำประชามติเอา รธน.40 ใช้พลางก่อน รีเซ็ตการเมืองให้ปชช.ตัดสินใจ


วันที่ 30 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเงื่อนไขการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาชนว่า สิ่งที่พรรคประชาชนต้องการ คืออยากให้มีการทำประชามติ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยให้มีสสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง และให้ยุบสภาฯภายใน 4 เดือนหลังรัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ นั้น ทั้งหมดที่เป็นปัญหาในวันนี้ของการเมืองไทยคือรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ทำให้ระบบการเมืองผิดเพี้ยน การจะแก้ปัญหานี้ต้องรีเซ็ตระบบการเมืองใหม่ทั้งระบบ เราจึงเห็นด้วยว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรค


นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า แต่การแก้รัฐธรรมนูญโดยสสร.ต้องใช้เวลา ดังนั้นตนจึงเสนอว่า การทำประชามติที่จะถามเรื่องแก้รัฐธรรมนูญแล้ว อยากให้เพิ่มเติมไปว่าระหว่างรอ สสร. ให้ใช้รัฐธรรมนูญ 40 ที่ทุกฝ่ายมองตรงกันว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดมาใช้ไปพลางก่อนจะดีหรือไม่ รวมไปถึงการยุบสภาฯ ภายใน 4 เดือนก็ไม่ใช่ปัญหา หากกระบวนการที่ว่ามาเดินหน้าได้ยุบก่อน 4 เดือนยังได้เลย เราไม่ขัดข้อง รวมไปถึงที่มีกลุ่มการเมืองบางส่วนไม่สบายใจเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา เรื่องเอ็มโอยู 43, 44 ตนเสนอว่าให้นำเรื่องนี้เข้าไปไว้ในประชามติให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะยกเลิกหรือไม่ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งของคนในชาติ ซึ่งสิ่งที่ตนพูดมานั้นเพื่อทำให้เสถียรภาพของประเทศต่อนานาชาติเกิดจริง เมื่อจะทำประชามติควรนำหลายเรื่องที่เป็นข้อโต้แย้งในเชิงวิกฤติมาให้ประชาชนตัดสิน


เมื่อถามว่ากระบวนการพูดคุยกับพรรคประชาชนไปถึงไหนแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่าขณะนี้มีคณะประสานพูดคุยกัน ตอนนี้มีบางส่วนพูดคุยไปบ้างแล้ว แต่การจะเปิดการพูดคุยอย่างเป็นทางการคงต้องให้การพูดคุยหลังบ้านและได้ข้อสรุปที่ชัดเจนขก่อน ซึ่งขั้นตอนขณะนี้เป็นสิ่งที่ดีเพราะความคิดอุดมการณ์ชองพรรคประชาชนและเพื่อไทยไม่ได้ต่างกันมากนัก


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน

พรรคประชาชน เผย ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทย และยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของพรรคใด

 


พรรคประชาชน เผย ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทย และยังไม่ได้ตอบรับข้อเสนอของพรรคใด


วันที่ 30 สิงหาคม 2568 พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่าหลังจากที่พรรคประชาชนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวาน (29 ส.ค.) ว่าหากรักษาการนายกฯ ไม่ยุบสภา และไม่มีบุคคลใดในบัญชีนายกรัฐมนตรีที่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ทางพรรคประชาชนพร้อมจะใช้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว โดยพิจารณาเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้เป็นขั้นต่ำ


1. นายกฯ คนใหม่จะต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน เพื่อให้มีการเลือกตั้ง สส.

2. คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติโดยเร็วและไม่ช้ากว่าวันเลือกตั้ง สส. เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง

3. พรรคประชาชนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี


ทางพรรคประชาชนขอย้ำว่าหากประเทศมีนายกฯ คนใหม่ตามเงื่อนไขนี้จริง พรรคประชาชนจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อใช้กลไกสภา (รวมถึงกลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151) ในการควบคุมรัฐบาลให้รักษาสัญญาตามเงื่อนไข และในการตรวจสอบรัฐบาลในกรณีที่มีการทุจริต การใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม


หลังจากได้ประกาศเงื่อนไขดังกล่าว ทางพรรคภูมิใจไทยได้ติดต่อมาขอเข้าพบผู้บริหารพรรคประชาชนเพื่อรับทราบรายละเอียดเมื่อวานเย็น แต่ทางผู้บริหารพรรคประชาชนยังไม่ได้รับการติดต่อมาอย่างเป็นทางการจากทางพรรคเพื่อไทย โดยเห็นแต่การให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อของแกนนำพรรคเพื่อไทยเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชนขอย้ำว่าทางเรายังไม่มีการตกลงใดๆ กับพรรคใด และพร้อมจะพิจารณากับข้อเสนอของทุกพรรคด้วยมาตรฐานเดียวกัน โดยจะยึดหลักการพิจารณาดังต่อไปนี้


1. หากพรรคใดพร้อมจะตอบรับเงื่อนไขของพรรคประชาชน ขอให้พรรคดังกล่าวแถลงต่อสาธารณะอย่างชัดเจนและทำความเข้าใจ 3 เงื่อนไขของเราอย่างถ่องแท้ โดยทางเรายินดีหารืออย่างเป็นทางการเพื่อรับทราบเจตนารมณ์และชี้แจงรายละเอียด


2. กระบวนการตัดสินใจภายในพรรคประชาชนเกี่ยวกับข้อเสนอต่างๆ จะเกิดขึ้นหลังจากพรรคที่พร้อมตอบรับเงื่อนไข ได้มีการแถลงและพูดคุยกับเราอย่างเป็นทางการเท่านั้น


พรรคประชาชนขอยืนยันว่าเราตระหนักดีว่าเหตุผลที่ทำให้เรามี สส. 143 คนในสภาผู้แทนราษฎร เป็นเพราะเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนจำนวนมากในการเลือกตั้งปี 2566 ทางเราจึงขอยืนยันว่าเราจะไม่นำความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ ไปกระทำการใด ๆ ที่ขัดกับหลักการของพรรคหรือคำพูดที่เราเคยให้ไว้กับประชาชน แต่จะเน้นการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศตามอุดมการณ์ที่พรรคประชาชนยึดมั่น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

“อ.ธิดา” เรียกร้องต่อ “พรรคเพื่อไทย” พร้อมแนะ 2 ทางเลือก : เจรจากับพรรคประชาชน รับเงื่อนไขการเป็นรัฐบาล หรือ ยุบสภาเลย

 


“อ.ธิดา” เรียกร้องต่อ “พรรคเพื่อไทย” พร้อมแนะ 2 ทางเลือก : เจรจากับพรรคประชาชน รับเงื่อนไขการเป็นรัฐบาล หรือ ยุบสภาเลย


ในสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทย ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัว และเมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงแล้ว ครม.ต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ


วันนี้ (30 สิงหาคม 2568) อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้โพสต์ข้อเรียกร้องต่อพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งแนะ 2 ทางเลือก สำหรับสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีความว่า


ดิฉันขอเรียกร้องต่อพรรคเพื่อไทย ที่ชัดเจนแล้วว่าจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ เพื่อมิให้เสียหายต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย และเส้นทางอนาคตของประเทศไทยเลวร้ายยิ่งกว่าปัจจุบัน ให้เจรจากับพรรคประชาชน เพื่อร่วมกันสนับสนุนเส้นทางในระบอบประชาธิปไตย ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรีบด่วน ไม่ใช่การละครเช่นที่แล้วมา


ดิฉันขอเรียนตรง ๆ ว่า แม้ดิฉันไม่พึงใจพรรคเพื่อไทยที่มีการละครและข้ามขั้วไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคและเจ้าของพรรค แต่ดิฉันยังมองว่า ทางเลือกของพรรคประชาชน ควรมองเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยมีพฤติกรรมที่น่าข้องใจมาก อาทิ การจัดการ สว., การต่อต้านการนิรโทษกรรม ม.112 และแก้ไข ม.112 การแสดงบทบาทขวาจัดสุดโต่ง ที่หากสนับสนุนให้มีอำนาจ แม้ชั่วเวลาสั้น ๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติประชาชนและอนาคตของระบอบประชาธิปไตยมากกยิ่งกว่า


ดิฉันอยากเรียกร้องต่อพรรคเพื่อไทยในฐานะประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ได้ท่าอย่างนี้คือ 1) เจรจากับพรรคประชาชน รับเงื่อนไขการเป็นรัฐบาลตามเป้าหมายที่พรรคประชาชนเสนอมาและอาจทำให้ดีกว่านั้นด้วยก็ได้ หรือ 2) ยุบสภาเลย


ธิดา ถาวรเศรษฐ

30 ส.ค. 2568


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน #ยุบสภา


“เลขาฯกฤษฎีกา” มอง อำนาจ “นายกฯรักษาการ” ยุบสภา ไม่ได้ เตือน ครม.คิดให้รอบคอบ อย่าให้กระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท

 


“เลขาฯกฤษฎีกา” มอง อำนาจ “นายกฯรักษาการ” ยุบสภา ไม่ได้ เตือน ครม.คิดให้รอบคอบ อย่าให้กระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท


วันที่ 30 สิวหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงอำนาจของนายกรัฐมนตรีรักษาการ สามารถยุบสภาได้หรือไม่ว่า อย่างที่ตนเคยเผยแพร่ไปว่าเป็นอำนาจเฉพาะตัวตามหลักความไว้วางใจของนายกรัฐมนตรี ในระบบรัฐสภา โดยความเห็นส่วนตัว ตนเห็นว่าทำไม่ได้ อันนี้ตามตำราว่ามา


เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลประกาศยุบสภาจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เลขาฯกฤษฎีกา กล่าวว่า ต้องพิจารณาให้รอบคอบ และเป็นความรับผิดชอบดุลยพินิจของรัฐบาลที่จะพิจารณา แต่ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีทั้งทำได้และทำไม่ได้อันไหนที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งอันนี้ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ อย่าให้ไปกระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท เพราะพระองค์ท่านไม่ทรงเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งนี่เป็นหลักทั่วไปอยู่แล้ว เวลาจะทำอะไร คนที่เสนอขึ้นไปจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด


เมื่อถามว่าการเรียกตำแหน่งรัฐมนตรี จะต้องมีคำว่ารักษาการด้วยหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังใช้ปกติอยู่เหมือนเดิม เราน่าจะคุ้นกันแล้วเพราะเป็นแบบนี้กันมาหลายครั้ง ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) สิ้นสุดลงทางคณะวันนี้ก็คงจะมีการประชุมกันเพื่อตั้งรักษาการนายกฯ


นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า ขออธิบายให้ชัด ครม.รักษาการตอนนี้ เนื่องจากความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุด เป็นการเฉพาะตัว ครม.จึงต้องพ้นจากตำแหน่งทางคณะ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติว่าให้ ครม. อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีใหม่


ซึ่งกรณีนี้ต่างจากกรณีการยุบสภาหรือสภาสิ้นอายุลง ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ หากเป็นช่วงเวลานั้น ครม.รักษาการ จะทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ 3-4 ประการ แต่จะต้องไปขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน แต่ ครม.ชุดปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขนั้น อำนาจยังเต็มเหมือนปกติ ตนจึงขอให้เข้าใจตรงกัน ว่าไม่อยากให้พูดกันไปคนละทางสองทาง เพราะฉะนั้นประชาชนจะสับสน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ยุบสภา

พรรคประชาชน ปฏิเสธ ดีลลับ ภูมิใจไทย เสนอ 8 เก้าอี้รัฐมนตรี ส่งนอมินีนั่งแทน ยันพรรคประชาชนไม่มีส่วนในการส่งบุคคลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล และเน้นย้ำเงื่อนไข 3 ข้อตามแถลง

 


พรรคประชาชน ปฏิเสธ ดีลลับ ภูมิใจไทย เสนอ 8 เก้าอี้รัฐมนตรี ส่งนอมินีนั่งแทน ยันพรรคประชาชนไม่มีส่วนในการส่งบุคคลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล และเน้นย้ำเงื่อนไข 3 ข้อตามแถลง


วันที่ 29 สิงหาคม 2568 พรรคประชาชน เปิดเผยว่า พรรคประชาชนขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงถึงกระแสข่าวที่ถูกปล่อยออกไปอย่างไม่มีหลักฐาน ว่า “มีดีลสำคัญระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน เรื่องโควตารัฐมนตรี 8 ตำแหน่ง โดยมีความเป็นไปได้ที่รัฐมนตรีทั้ง 8 เก้าอี้ จะใช้นอมินีเข้ามานั่งแทน”


กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันชัดเจนตามแถลงการณ์ ว่าพรรคประชาชนพร้อมผ่าทางตันทางการเมืองผ่านกระบวนการรัฐสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว โดยจะพิจารณาเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้เท่านั้น เป็นอย่างต่ำ :


1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.


2. ครม. ชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเร็ว และไม่เกินการจัดพร้อมกับวันเลือกตั้ง สส. 


3. พรรคประชาชนยืนยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี


เงื่อนไขข้อ 3 จึงระบุไว้ชัดเจนแล้ว ว่าพรรคประชาชนจะไม่มีส่วนในการส่งบุคคลใดก็ตาม - ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค หรือ ตัวแทนพรรค - เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ดังนั้น กระแสข่าวที่ถูกปล่อยออกมานั้นจึงไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568

พรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ ตอบรับข้อเสนอและเงื่อนไขพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาลใหม่

 


พรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ ตอบรับข้อเสนอและเงื่อนไขพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาลใหม่


ภายหลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ และ ภราดร ปริศนานันทกุล เดินทางมาที่ทำการของพรรคประชาชน เพื่อพูดคุยอย่างเป็นทางการ กับหัวหน้าพรรคและคณะผู้บริหารของพรรคนั้น


ล่าสุด วันที่ 29 สิงหาคม 2568 พรรคภูมิใจไทย ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง "พรรคภูมิใจไทย ตอบรับข้อเสนอและเงื่อนไขพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาลใหม่" โดยระบุว่า


พรรคภูมิใจไทย โดยมติคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รับข้อเสนอของพรรคประชาชน และดำเนินการรวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดของสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้สนับสนุนหลัก


โดยความชอบธรรมและประเพณีปฏิบัติทางการเมือง พรรคประชาชน ในฐานะพรรคการเมือง ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นอันดับ 1 มีสิทธิที่จะรวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเป็นลำดับแรก แต่เนื่องจากข้อจำกัดของกฎหมาย ทำให้พรรคประชาชนไม่สามารถเสนอบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาชนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาลงมติเป็นนายกรัฐมนตรีได้


พรรคประชาชนจึงเสนอแนวทางการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล ตามที่ได้ประกาศให้ทราบทั่วกันแล้วซึ่งพรรคภูมิใจไทย ได้หารือกับพรรคการเมืองบางพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่ง เห็นตรงกันว่าสามารถรับข้อเสนอของ พรรคประชาชน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศและประชาชน จากนั้นจะยุบสภาผู้แทนราษฎร จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมือง ตามกำหนดเวลาที่พรรคประชาชนเสนอ


หลังจากพรรคภูมิใจไทย รับข้อเสนอของพรรคประชาชนในวันนี้แล้ว จะเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาหารือขอรับการสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล เพื่อบริหารประเทศในสถานการณ์ที่มีปัญหาภัยความมั่นคง ภัยเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ และภัยสังคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้พ้นจากระยะวิกฤต แล้วจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป


พรรคภูมิใจไทย ขอเรียนว่านโยบายและภารกิจหลักของรัฐบาลใหม่ ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการสนับสนุนของ พรรคประชาชน มี 3 ประการ ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่จะได้นำไปหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อพิจารณาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ 1. การแก้ปัญหาความมั่นคง กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา 2. การจัดทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยเร็ว และ 3. การยุบสภาผู้แทนราษฎร คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมืองภายในเวลา 4 เดือน นับจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น


พรรคภูมิใจไทย ขอขอบคุณพรรคประชาชนที่ได้นำเสนอแนวทางจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้การเมืองไทยดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้อย่างราบรื่น และขอใช้โอกาสนี้เชิญชวน พรรคการเมืองทุกพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อแก้วิกฤติของประเทศ แก้ปัญหาของประชาชน และ คืนอำนาจให้ประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ตัดสินใจทางการเมือง อีกครั้งหนึ่ง


พรรคภูมิใจไทย

29 สิงหาคม 2568

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคภูมิใจไทย