วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

“Stand Together - Still Standing”ส่งกำลังใจให้จำเลยมาตรา 112 บี๋ นิราภร - บอส ฉัตรมงคล ก่อนฟังคำพิพากษาเดือน ก.ย. 68 พร้อม อัพเดต พ.ร.บ. นิรโทษกรรม : เล่าความคืบหน้าในห้องกรรมาธิการ เล่าเรื่องราวครบรอบสองปีเก็ท โสภณ ในเรือนจำ

 




“Stand Together - Still Standing”ส่งกำลังใจให้จำเลยมาตรา 112 บี๋ นิราภร - บอส ฉัตรมงคล ก่อนฟังคำพิพากษาเดือน ก.ย. 68 พร้อม อัพเดต พ.ร.บ. นิรโทษกรรม : เล่าความคืบหน้าในห้องกรรมาธิการ เล่าเรื่องราวครบรอบสองปีเก็ท โสภณ ในเรือนจำ


วันที่ 13 กันยายน 2568 เวลา 17.00 น. ที่อาคาร All Rise (iLaw) มีกิจกรรม “Stand Together EP 14: Still Standing” โดย Thumb Rights หรือเครือข่ายประชาชนเพื่อสิทธิทางการเมือง ชวนมาฟังเรื่องราวและให้กำลังใจผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา พร้อมกับอัปเดตความคืบหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 


ช่วงแรกมี บุศรินทร์ แปแนะ จาก ILaw อัปเดตความคืบหน้าของกฎหมาย พ.ร.บ. นิรโทษกรรม โดยเล่าว่า หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2568 มีมติเห็นชอบรับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสามฉบับได้แก่ ฉบับของพรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคภูมิใจไทย และไม่เห็นชอบกับร่างที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล และภาคประชาชน โดยคณะกรรมาธิการฯ จะใช้ร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นร่างหลักในการพิจารณาวาระที่สอง 


เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนได้ไปยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการฯ ว่าให้มีการพิจารณาคดีมาตรา 112 ให้เด็กและเยาวชนรวมอยู่ด้วย ซึ่งปัจจุบันการพิจารณายังคงอยู่ในวาระที่สอง ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาต่อและคงจ้องจับตาต่อไปว่าเด็กและเยาวชนจะได้รับการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่  และอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ต้องขังการเมืองกว่า 54 คน แต่อาจมีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการนิรโทษกรรมไม่ถึง 5 คน


ช่วงต่อมา ในวาระที่ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ถูกคุมขังในเรือนจำมาครบ 2 ปี มี “ธี” ถิรนัย ที่เคยถูกขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กับโสภณเป็นตัวแทนมาเล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟัง 


“เพื่อนผมคนนี้สุดยอด สู้เพื่อความถูกต้อง โต๊ะการเมืองในเรือนจำเราแทบจะคุยกันทุกเรื่อง แบ่งปันสารทุกข์สุขดิบ วิเคราะห์ข่าวสารการเมือง เก็ทเป็นคนชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ เวลาเก็ทเขียนจดหมายก็จะแตกต่างกันออกไป เก็ทจะเขียนทีละ 3-4 แผ่น เก็ทชื่นชอบโรเซ่ (Rosé) วงแบล็กพิงค์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเรือนจำว่าแต่ละวันจะเปิดอะไรให้ดู.. เก็ทเคยพูดกับผมตอนผมท้อว่า ไหน ๆ ก็เดินมาด้วยกันแล้วจะทิ้งกันหรอ ก่อนที่ผมจะออกมาเก็ทก็บอกกับผมอีกว่า มึงไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมกู แต่มึงไปทำหน้าที่ที่บอกมึงไว้ในตอนนั้น” ถิรนัยกล่าว


ถัดมาเป็นช่วงชวนผู้ต้องหาคดีการเมือง ได้แก่ “บี๋” นิราภร อ่อนขาว และ “บอส” ฉัตรมงคล วัลลีย์ สองจำเลยคดีมาตรา 112 มาพูดคุยก่อนที่จะมีนัดฟังคำพิพากษาในเดือนนี้


“บี๋” นิราภร อ่อนขาว เล่าว่าก่อนหน้านี้เธอเคยทำกิจกรรมกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จึงได้มีโอกาสออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งช่วงนั้นเธอบ้านพักอาศัยอยู่ที่บ้านกลุ่มกิจกรรม วันหนึ่งมีตำรวจมาค้นบ้าน พอเธอเดินลงมาข้างล่าง ตำรวจก็เอาหมายจับมาจับเธอ และรื้อทุกซอกทุกมุมของบ้าน เพื่อที่จะหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ทำความผิด


นิราภรเล่าว่าถ้าพูดตามสถิติคดีที่มีคำพิพากษาเห็นว่าคดีที่ยกฟ้องหรือรอลงอาญานั้นมีน้อยกว่าคดีลงโทษ เราก็อาจจะหวังว่าโชคดีว่าจะยกฟ้องหรือรอลงอาญา แต่พอเรามีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจก็เลยทำให้มันไม่แย่นัก และสำหรับเรื่องที่นิราภรกังวลที่สุด เธอไม่เคยเข้าไปอยู่ข้างในนั้น แต่ได้ฟังเรื่องราวมาว่าเรือนจำหญิงมีความเข้มงวดกว่าเรือนจำชาย แล้วราชทัณฑ์ก็ไม่ได้มองว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และไม่ได้ใส่ใจในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แค่เสรีภาพในการติดต่อกับคนข้างนอกยังถูกพรากไป เลยเป็นสิ่งที่เธอกังวลมาก


สำหรับคดีของนิราภร เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และโพสต์ข้อความ 3 โพสต์ ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. 2568 นี้


ด้าน “บอส” ฉัตรมงคล วัลลีย์ เล่าว่าเขาทำงานอยู่ปทุมธานี แต่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองที่เชียงราย ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปที่นั่น การเดินทางไปครั้งแรกก็เป็นไปด้วยความทุลักทุเล ศาลชั้นต้นเคยพิพากษายกฟ้องเพราะพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาเป็นจำคุก 27 เดือน (หรือประมาณ 2 ปีเศษ) เลยได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำ 1 วันเต็ม ๆ ระหว่างรอคำสั่งประกันตัว


การถูกดำเนินคดีทางไกล ฉัตรมงคลเห็นว่ามันเป็นการเสียเวลาและเสียเงินเยอะมาก ญาติพี่น้องไปเยี่ยมไม่ได้ ต้องไปคนเดียวตลอด ซึ่งอาจมีทนายไปด้วยเท่านั้น แค่เฉพาะศาลชั้นต้นก็ไปเชียงรายมาแล้ว 7 รอบ ส่วนครั้งหลัง ๆ ไม่ได้นับแล้ว และทุกครั้งที่เขาต้องเดินทางไปตามนัดหมายคดี ก็จะต้องจ้างเพื่อนมาทำงานแทน พอเขากลับมาก็จะต้องแก้งานใหม่ 


สำหรับเขาแล้วตอนนี้เห็นว่าข้างใน (เรือนจำ) กับข้างนอกก็ไม่ต่างกันสำหรับตอนนี้ ส่วนเรื่องที่กังวลคงจะเป็นเรื่องครอบครัว เพราะระยะทางมันไกลมาก แต่ถ้าต้องเข้าเรือนจำไปจริง ๆ ก็คงคิดถึงแม่ แต่ก็คงไม่บอกแม่เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นกังวล ถ้าหลังจากไปศาลครั้งนี้แล้วมีโอกาสกลับบ้าน เขาก็อยากลาออกจากงาน เปิดร้านขายของเล็ก ๆ กับครอบครัว ในตอนท้ายเขาได้ฝากถึงคนข้างในว่า “อยากให้ทุกคนได้ออกมา”


สำหรับคดีของ “บอส” ฉัตรมงคล เขาถูกกล่าวหาว่าคอมเมนต์ข้อความมีเนื้อหาหมิ่นกษัตริย์ฯ ในโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก “ศรีสุริโยไท” ศาลจังหวัดเชียงรายนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 18 ก.ย. 2568 นี้


ในช่วงท้ายมี ชูเวช เดชดิษฐรักษ์ จากวงสามัญชน มาเล่นดนตรีและร้องเพลงเพื่อให้กำลังใจกับผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ก่อนที่จะยุติกิจกรรมลงในเวลา 19.52 น.


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์



















"ใส่เสื้อดำ จำชื่อเพื่อน" เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ยืนหยุดขัง 112 นาที อ่านกวี ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม - จดจำผู้ต้องขังการเมือง 54 คน ส่งเสียง ประชาชน ‘อยากเลือกตั้ง สสร.

 


"ใส่เสื้อดำ จำชื่อเพื่อน" เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ยืนหยุดขัง 112 นาที อ่านกวี ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม - จดจำผู้ต้องขังการเมือง 54 คน ส่งเสียง ประชาชน ‘อยากเลือกตั้ง สสร.’


วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 17.00 น. บริเวณหน้าศาลอาญา มีกิจกรรม “ใส่เสื้อดำ จำชื่อเพื่อน” ยืนหยุดขัง 112 นาที โดยเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนพร้อมด้วยประชาชน เพื่อ ‘ไว้อาลัย’ ต่อกระบวนการยุติธรรมที่ก้าวล่วงอำนาจประชาชน พรากความศรัทธาจากสังคม และร่วมกัน ‘จดจำ’ ผู้ต้องขังทางการเมืองในเรือนจำ เพื่อให้การอยู่ในเรือนจำของเขายังมีความหมาย และไม่ถูกลืมเลือนไป หลังปัจจุบันมีผู้ต้องขังทางการเมืองถึง 54 คน และกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง


ป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” ปรากฏอยู่บนสะพานลอยบริเวณหน้าศาลอาญา ขณะเดียวกันก็มีประชาชนทยอยมาร่วมกิจกรรมในชุดแต่งกายสีดำ โดยมี “อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์” มาเล่นดนตรีและร้องเพลงก่อนเริ่มกิจกรรม 


กิจกรรมยืนหยุดขังเริ่มต้นขึ้น โดยมีการถือรูปผู้ต้องขังที่ปัจจุบันยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทั้ง 54 คน ทยอยพูดถึงผู้ต้องขังทางการเมืองแต่ละคนว่าเขาคือใคร ถูกกล่าวหาด้วยคดีใด ปัจจุบันพวกเขาถูกจำคุกด้วยโทษกี่ปี จากนั้นมีตัวแทนประชาชนและนักศึกษามาอ่านบทกวีถึงผู้ต้องขังทางการเมือง


ด้าน ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ร่วมถือป้าย ‘อยากเลือกตั้ง สสร.’ และกล่าวว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่าประชาชนไม่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขอยืนยันว่าอยากเลือกตั้ง สสร. (สภาร่างรัฐธรรมนูญ)” กรณีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง และมีตัวแทนขึ้นมาปราศรัยถึงประเด็นจากกรณีมีคำวินิจฉัยดังกล่าว ก่อนที่จะยุติกิจกรรมลงหลังทำกิจกรรมครบ 112 นาที


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน #เลือกตั้งสสร
























วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

“หัวหน้าเท้ง” ลุยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเชียงรายเขต 7 ชู “สุทัศน์ ยาละ” เบอร์ 2 เป็นผู้แทนประชาชน เสริมทัพฝ่ายค้านเข้มแข็ง กำกับทิศทางรัฐบาลมุ่งหน้าสู่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 


“หัวหน้าเท้ง” ลุยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเชียงรายเขต 7 ชู “สุทัศน์ ยาละ” เบอร์ 2 เป็นผู้แทนประชาชน เสริมทัพฝ่ายค้านเข้มแข็ง กำกับทิศทางรัฐบาลมุ่งหน้าสู่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญ


วันที่ 12 กันยายน 2568 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เดินทางไปยัง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายนนี้ โดยพรรคประชาชนส่ง “สุทัศน์ ยาละ” เบอร์ 2 เป็นผู้สมัคร สส. ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้


ในช่วงเช้าหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย ฐากูร ยะแสง สส.เชียงราย เขต 3 พรรคประชาชน ขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ จากนั้นไปที่กาดนัดหัวเวียงเพื่อพบปะประชาชนและแนะนำผู้สมัคร สส. โดยณัฐพงษ์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะมีการใช้งบประมาณที่ไม่ถูกต้องในพื้นที่เชียงราย เขต 7 วันนี้พรรคประชาชนมาขอความไว้วางใจจากพี่น้อง ให้คุณสุทัศน์ ยาละ เบอร์ 2 เข้าไปเป็นผู้แทนเพิ่มอีกหนึ่งเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง กำกับทิศทางของรัฐบาลเพื่อมุ่งหน้าสู่การยุบสภาภายในสี่เดือน และเลือกตั้งใหม่ เปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ


ด้านสุทัศน์กล่าวว่า ตนและทีมงานเดินทางไปหาเสียงในทุกพื้นที่ แต่ละพื้นที่ในเชียงรายเขต 7 มีปัญหาไม่เหมือนกัน เช่น อ.เชียงแสน มีปัญหาเรื่องผลกระทบต่อระบบนิเวศ อ.เวียงแก่น มีปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว ถนนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งต้องได้รับการประสานงานเพื่อแก้ไขอย่างเร่งด่วน และปัญหาที่พบในทุกพื้นที่คือเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ นอกจากนี้เชียงรายเขต 7 ยังเป็นพื้นที่แนวชายแดน มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจการค้าขายที่เงียบเหงา ตนพร้อมเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้พี่น้องในพื้นที่ และจะพยายามผลักดันแก้ไขปัญหาผ่านทุกกลไกที่ สส. สามารถทำได้


ณัฐพงษ์กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าพื้นที่มาดูปัญหาสารพิษแม่น้ำกกและผลกระทบจากเขื่อนปากแบงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย เรื่องเหล่านี้ต้องอาศัยกลไกแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ ซึ่งเราพึ่งพากลไกของการเมืองท้องถิ่นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องอาศัย สส. ที่จะเป็นปากเป็นเสียงในการประสานความร่วมมือกับรัฐบาลระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาด้วย


การเลือกตั้งผู้แทนแบบแบ่งเขต นอกจากได้คนที่รู้ปัญหารู้นโยบายในพื้นที่เป็นอย่างดีอย่างคุณสุทัศน์แล้ว อีกสิ่งที่สำคัญคือการเลือกผู้แทนที่มีจุดยืนมั่นคงเข้าไปต่อสู้ในการเมืองระดับประเทศ เพื่อทำให้ประเทศมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง ปลดล็อกปัญหาทางการเมืองทั้งหมด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #เลือกตั้งซ่อมเขต7 #เชียงราย